ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 395

สรุปบท บทที่ 395 ลูกเขยจากปักกิ่ง: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

สรุปเนื้อหา บทที่ 395 ลูกเขยจากปักกิ่ง – ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม โดย Internet

บท บทที่ 395 ลูกเขยจากปักกิ่ง ของ ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 395 ลูกเขยจากปักกิ่ง
EnjoyBook
บทที่ 395 ลูกเขยจากปักกิ่ง

ครั้งนี้หม่าเฉิงหมินแนะนำคนมาให้ เขาเสนอมาในนามของแม่เฒ่าสวีซึ่งเป็นผู้จัดการศูนย์ตัดเย็บเสื้อผ้า คนที่แนะนำมานี้เป็นหลานสาวคนโตของแม่เฒ่าสวีเอง

หล่อนอายุ 17 ปีในปีนี้ และช่วยทำงานอยู่ที่บ้าน นับว่าก็เป็นคนที่ดี

หลินชิงเหอเคยเห็นหล่อนมาแล้ว แม้ว่าหล่อนจะดูเรียบ ๆ แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นคนทำงานคล่องแคล่ว หน้าตายิ้มแย้มรับแขก

ดังนั้นเมื่อแม่เฒ่าสวีเอ่ยปากขึ้น หลินชิงเหอจึงขอให้หล่อนพาหลานสาวมาหา

ครอบครัวทางสามีของแม่เฒ่าสวีคือสกุลเฉิน และหลานสาวที่พามามีชื่อว่าเฉินซานซาน

แม้ว่าชื่อจะบ่งบอกถึงความบอบบางอยู่บ้าง(1) ทว่าหลินชิงเหอสังเกตเห็นผิวหนังที่มือของหล่อนมีรอยด้านอยู่หลายจุด ซึ่งชี้ชัดเห็นว่าเป็นคนที่สามารถทำงานได้

“เธอยังเป็นคนใหม่ ดังนั้นแน่นอนว่าเงินเดือนจะได้ไม่เท่าคนงานเก่า ฉันให้เงินเดือนเธอได้แค่ 30 หยวนต่อเดือน จากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเธอเอง ถ้าเธอทำงานดีก็จะได้เงินเดือนขึ้นอย่างแน่นอน” หลินชิงเหอมองไปที่หล่อน

เฉินซานซานตัวไม่สูงมากนัก ประมาณ 160 เซนติเมตร หล่อนไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนัก แต่พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ฉันทราบค่ะ แม่ของฉันบอกไว้แล้วตอนที่มา”

คุณแม่ของหล่อนคือหลี่อวี้เฟิง ผู้ซึ่งทำงานอยู่กับแม่เฒ่าสวีแม่สามี คนหนึ่งดูแลในกะช่วงเวลากลางคืน และอีกคนดูแลกะช่วงเวลากลางวัน

หลินชิงเหอพยักหน้าด้วยความพอใจ

ฉะนั้นเฉินซานซานจึงถูกจัดให้ไปอยู่ที่ร้านเสื้อผ้ากับโจวเอ้อร์นี

แต่งานที่ทำยังไม่ตายตัว หลินชิงเหอให้โจวเอ้อร์นีและเฉิงเยว่สลับงานกันเป็นครั้งคราว โดยให้เฉิงเยว่ไปดูแลร้านเสื้อผ้าและโจวเอ้อร์นีมาดูแลร้านเครื่องดื่ม

เธอยังให้หู่จือหรือกังจือไปทำที่ร้านเครื่องดื่มด้วย แน่นอนว่าไม่บ่อยนัก แค่เปลี่ยนหน้าที่เป็นบางโอกาส

ตอนปลายเดือนกันยายน สวี่เชิ่งเหมยและจ้าวจวินก็กลับมา โดยมีพี่สาวใหญ่และครอบครัวของหล่อนเดินทางมาด้วย

มากันทั้งครอบครัวเลย

เมื่อได้เห็น หลินชิงเหอก็รู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา ตอนนี้เป็นช่วงเวลาไหนของปีกัน? การเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะเริ่มในไม่ช้านี้แล้ว เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของปีสำหรับครอบครัวที่ทำการเกษตร เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะมากันหมดทุกคน

ดูเหมือนว่าการแต่งงานครั้งนี้สำคัญมากจริง ๆ

มันก็ไม่น่าประหลาดใจนัก พวกเขาได้ลูกเขยจากปักกิ่ง จะไม่มาร่วมสัมผัสกับความโชคดีนี้ได้อย่างไรกันล่ะ?

หลินชิงเหอไม่สนใจที่จะมาต้อนรับหล่อน เธอแสดงท่าทีที่ไม่อบอุ่นหรือเย็นชา พวกเขาก็น่าจะสังเกตเห็นท่าทีของเธอ ด้วยเหตุนี้พี่สาวใหญ่จึงไม่ได้เข้ามาใกล้เธอเช่นกัน

พวกเขาทั้งหมดไปเบียดรวมกันอยู่ที่บ้านของท่านพ่อโจวและท่านแม่โจว

ท่านแม่โจวไม่ได้ดุด่าหลานสาวของนางมากนักก็จริง แต่กับลูกสาวคนโตแล้ว นางไม่ทนเก็บไว้เลย

พี่สาวใหญ่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากการถูกด่าเลย หล่อนยังรู้สึกเศร้าอยู่นิดหน่อยพลางกล่าวว่า “แม่คะ หนูรู้ว่าเชิ่งเหม่ยทำตัวไม่ดี แต่ตอนนี้หล่อนก็กำลังจะแต่งงาน…”

“นี่คิดถึงแค่เรื่องการแต่งงานอย่างนั้นเหรอ? ถ้านี่เป็นที่หมู่บ้าน อย่าหวังว่าจะได้โงหัวขึ้นมาอีกเลยไปตลอดชีวิต ถ้าเป็นแต่ก่อนนี้ดูสิว่าหล่อนจะถูกลากตัวออกไปประจานหรือเปล่าที่ปล่อยตัวง่ายอย่างนี้!” ท่านแม่โจวประณาม

“นี่ไม่ใช่เมื่อก่อนแล้วนี่ค่ะ ตอนนี้ปฏิรูปแล้ว” พี่สาวใหญ่ตอบเสียงแผ่ว

“นี่ยังหาเหตุผลมาได้อีกเหรอ? ตอนที่หล่อนทำเรื่องที่ทำลายชื่อเสียงของครอบครัวอย่างนี้ขึ้นมา หล่อนเคยคิดถึงครอบครัวตระกูลโจวบ้างหรือเปล่า? น้าสะใภ้อุตส่าห์พาหล่อนมาทำงานที่นี่ แล้วหล่อนล่ะ? หล่อนปิดบังเรื่องจากพวกเราทุกคน ไม่เพียงแต่แอบไปอยู่กับคนอื่น แต่ยังท้องขึ้นมาอีก!” ท่านแม่โจวระเบิดออกมา

“ในเมื่อน้องสะใภ้สี่เป็นคนพาเชิ่งเหม่ยมาที่นี่ หนูก็ปล่อยให้หล่อนอยู่ในความดูแลของน้องสะใภ้สี่แล้วนี่ค่ะ ใครจะไปคิดว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นได้?” พี่สาวใหญ่เบือนหน้าหนี

ท่านแม่โจวไม่รู้ความคิดของหล่อน ถ้านางรู้ นางคงจะตบหน้าหล่อนไปฉาดใหญ่แบบไม่ยั้งอย่างแน่นอน

ทว่าเมื่อนางได้ยินคำพูดของพี่สาวใหญ่ นางก็ไม่เห็นด้วย “หล่อนมีความตั้งใจดี แต่กลับเลี้ยงหมาป่าตาขาวที่ทำลายชื่อเสียงของครอบครัวตระกูลโจวขึ้นมา ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงสะใภ้สี่อีก หลังเสร็จจากงานแต่งงานแล้ว ให้หล่อนไปใช้ชีวิตให้ดี แล้วก็ไม่ต้องมาที่นี่บ่อย ๆ ด้วย”

พี่สาวใหญ่หน้าเปลี่ยนสีแล้วรีบพูดขึ้นว่า “แม่คะ พวกเราลืมเรื่องเกี่ยวกับทางสะใภ้สี่ไปก็ได้ค่ะ แต่แม่จะทิ้งหล่อนไว้ตามลำพังไม่ได้นะคะ นี่เป็นหลานสาวของแม่นะคะ!”

ครอบครัวหล่อนมาที่นี่ก็จริง แต่เมื่องานแต่งงานเสร็จสิ้นลงแล้ว พวกหล่อนก็ต้องกลับไปบ้านเกิดเป็นธรรมดา ในอนาคตลูกสาวจะต้องอยู่ที่นี่ตามลำพัง ไม่ใช่ว่าเหลือแค่ครอบครัวทางบ้านแม่ของหล่อนที่จะช่วยดูแลลูกสาวหล่อนได้หรือ?

ลูกเขยคนนี้ไม่พอใจกับการแต่งงานครั้งนี้มาก ตอนที่เดินทางไปถึงบ้านเกิดของพวกเขา เขาแสดงความรังเกียจบ้านที่นั่นมาก แถมยังดูถูกสิ่งนี้ดูถูกสิ่งนั้นไปเสียทุกอย่าง

แต่หล่อนก็ยังต้องเดินทางมาพร้อมกันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ถึงอย่างไร นี่คือลูกเขยนายน้อยจากปักกิ่ง แล้วจะไม่ต้อนรับด้วยรอยยิ้มได้อย่างไร?

แต่ไม่ว่าหล่อนจะต้อนรับขับสู้เขาอย่างไร ลูกเขยคนนี้ก็ไม่ชอบบ้านของพวกเขาจริง ๆ ในอนาคตครอบครัวหล่อนไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตแต่งงานของลูกสาวได้ ดังนั้นหล่อนจึงต้องการการดูแลจากทางด้านบ้านแม่ของหล่อน

………………………………………………………………………………….

(1)ซาน หมายถึง เนิบนาบ กรีดกราย

สารจากผู้แปล

มีใครรู้สึกหัวร้อนกับพี่สาวใหญ่ไหมคะ? อารมณ์มนุษย์ป้าที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดเลยค่ะ ให้เดาว่าที่เชิ่งเหม่ยเป็นงูพิษแบบนี้ก็เพราะส่วนหนึ่งมาจากพี่สาวใหญ่นี่แหละค่ะที่สนับสนุนลูกในทางที่ผิด ไม่รู้ตอนอยู่ที่บ้านเสี้ยมอะไรลูกไว้บ้าง

ไหหม่า(海馬)

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม