ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 396

สรุปบท บทที่ 396 หลักฐานการเล่นหูเล่นตา: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 396 หลักฐานการเล่นหูเล่นตา – ตอนที่ต้องอ่านของ ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ตอนนี้ของ ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 396 หลักฐานการเล่นหูเล่นตา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 396 หลักฐานการเล่นหูเล่นตา
EnjoyBook
บทที่ 396 หลักฐานการเล่นหูเล่นตา

ด้วยเหตุนี้ เมื่อได้ยินว่าท่านแม่โจวไม่ต้องการจะดูแลลูกสาวให้ พี่สาวใหญ่จึงเริ่มกังวล

“แล้วแกต้องการให้ฉันทำยังไง?” ท่านแม่โจวเอ่ยออกมาอย่างอธิบายไม่ถูก “ถ้าหล่อนเชื่อฟังฉันจริง หล่อนจะทำตัวอย่างนี้หรือ? ไม่ว่าจะมีคำแก้ตัวอะไร นี่ก็เป็นปัญหาที่นิสัย!”

ในตอนท้ายท่านแม่โจวก็แค่นเสียงดูถูกออกมาอย่างเย็นชา

เมื่อครั้งที่ยังอบรมสั่งสอนลูกของตนเองอยู่นั้น นางเป็นคนเข้มงวดมาก ด้วยการเลี้ยงดูของนาง ลูกชายทั้ง 4 คนและลูกสาวทั้ง 3 คนไม่มีใครกล้าทำเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาเลยสักคน

ทุกคนต่างก็มีความประพฤติที่ดี

“ฉันไม่รู้ว่าลูกสาวของแกไปพูดอะไรตอนที่หล่อนกลับไป หรือหล่อนเคยพูดไม่ดีถึงน้าสะใภ้ยังไง แต่ในความเห็นของฉัน แกที่เป็นแม่แท้ ๆ ของหล่อนอาจจะดูแลหล่อนได้ไม่ดีเท่าน้าสะใภ้เลยด้วยซ้ำ ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องอื่นอีก ให้หล่อนแต่งงานแล้วก็ไปใช้ชีวิตของหล่อนเองซะ” ท่านแม่โจวโบกมือ

พี่สาวใหญ่และครอบครัวพักอยู่ที่นี่ 3 วัน แล้วงานแต่งงานของสวี่เชิ่งเหม่ยกับจ้าวจวินก็เสร็จสิ้นลง

หลินชิงเหอและลูกชายทั้ง 3 คนของเธอไม่ได้ไปร่วมงานด้วย โจวชิงไป๋ยังไว้หน้าพี่สาวใหญ่อยู่จึงไปร่วมในฐานะน้าชายของหล่อน

หลินชิงเหอเพิ่งมารับรู้หลังจากนั้นว่าสวี่เชิ่งเฉียงได้เข้าไปหาคุณน้าของเขาแล้วบอกว่าต้องการจะอยู่ที่นี่และไม่ต้องการจะกลับไป

อย่างไรก็ตาม โจวชิงไป๋ไม่เห็นด้วย และบอกให้เขากลับไปให้เร็วที่สุดเพื่อทำการเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง

แม้ว่าสวี่เชิ่งเหม่ยจะแต่งงานไปแล้วเช่นนี้ แต่ครอบครัวจ้าวก็ยังรักษาระยะห่างด้วยเช่นกัน ถ้าครอบครัวสวี่ไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่แล้ว พวกเขาก็คงแทบจะไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันเลย

หลังจากที่หาเวลาที่เหมาะสมได้แล้ว หลินชิงเหอก็นำของทุกอย่าง อาทิเช่น เครื่องซักผ้าออกมา

เครื่องซักผ้าถูกส่งไปที่ทางบ้านท่านแม่โจว

โจวเสี่ยวเหมยรู้สึกกระดากใจ เมื่อได้เห็นจึงเอ่ยขึ้นว่า “พี่สะใภ้สี่คะ เราควรจะจ่ายกันคนละครึ่งดีไหมคะ?”

“ไม่ต้องแบ่งกันจ่ายหรอกจ้ะ ใช้ไปก่อนเถอะ พอครอบครัวของเธอซื้อบ้านแล้วย้ายออกไปเมื่อไหร่ เครื่องนี้ก็จะเอาไว้ให้คุณพ่อกับคุณแม่ใช้” หลินชิงเหอตอบ

“ของแบบนี้ต้องใช้เงินมากเหลือเกิน” ท่านแม่โจวมองอย่างกล่าวโทษไปที่ลูกสะใภ้ของนาง

“มันมีไว้ให้คุณพ่อคุณแม่ใช้นะคะ เสียเงินมากก็ไม่เห็นเป็นไร ขอแค่ให้คุณแม่ได้ใช้มันอย่างสะดวกสบายก็พอแล้วค่ะ” หลินชิงเหอยกมือขึ้น

บางครั้งถึงแม่สามีเลอะเลือนไปบ้าง ทว่าเมื่อเป็นเรื่องที่สำคัญ นางก็ยังปกติดีอยู่

เห็นได้จากทัศนคติของนางที่มีต่อเรื่องของสวี่เชิ่งเหม่ยผู้เป็นหลานสาว

ท่านแม่โจวระบายยิ้มออกมาเต็มใบหน้า

เมื่อหลินชิงเหอกลับไปแล้ว โจวเสี่ยวเหมยก็นำเสื้อผ้ามาใส่ลงไปในเครื่องซักผ้าพร้อมกับแสดงความเห็น “แม่ต้องสอนวิธีเลือกลูกสะใภ้ให้หนูนะคะ พอหนูอายุเท่าแม่จะได้มีลูกสะใภ้ที่ซื้อทีวี วิทยุ พัดลมและแม้กระทั่งเครื่องซักผ้ามาให้ หนูคงจะมีความสุขแทบตายเลยค่ะ”

“ถึงพี่สะใภ้สี่ของแกจะเจ้าอารมณ์ไปสักหน่อย แต่หล่อนก็ปฏิบัติต่อฉันกับพ่อของแกอย่างดีไม่มีข้อบกพร่องเลย” ท่านแม่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“พี่สะใภ้สี่ใจเย็นออกค่ะ ไม่เคยอารมณ์เสียใส่หนูเลย หล่อนแค่ไม่ทนกับคนที่มายั่วโมโหต่างหาก” โจวเสี่ยวเหมยกล่าวอย่างไม่แยแส

จากนั้นหล่อนก็เบ้ริมฝีปาก “พี่สาวใหญ่ชอบมาพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับพี่สะใภ้สี่ให้หนูฟัง จนหนูชักจะหมดความอดทนกับคำพูดถากถางของหล่อนแล้ว”

พี่สาวใหญ่กับพี่สาวรองเป็นลูกคนโต ระหว่างพี่สาวกับหล่อนมีพี่ชายอีก 4 คนคั่นอยู่ ดังนั้น แม้ว่าพวกเขาจะเป็นลูกสาวเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก ตอนที่พี่สาวใหญ่และพี่สาวรองของหล่อนแต่งงาน โจวเสี่ยวเหมยยังเป็นเด็กอยู่มาก

แต่สุดท้ายแล้วพวกหล่อนก็เป็นพี่น้องกัน จึงไม่มีเรื่องอะไรต้องพูด โจวเสี่ยวเหมยแค่มาดูแลต้อนรับหล่อน และไม่ปฏิบัติต่อหล่อนแย่เท่านั้น

เพียงแต่พี่สาวใหญ่ชอบพูดไม่ดีถึงพี่สะใภ้สี่ ซึ่งเป็นเรื่องที่โจวเสี่ยวเหมยรับไม่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพี่สาวใหญ่ผลักเรื่องของสวี่เชิ่งเหม่ยไปให้พี่สะใภ้สี่ เมื่อได้ยินเรื่องนี้ โจวเสี่ยวเหมยอยากจะตะเบ็งเสียงออกไปว่าพี่สะใภ้สี่ของหล่อนถูกใส่ร้าย

เอ้อร์นี หู่จือและกังจือที่เพิ่งมาอยู่ มีคนไหนมาที่นี่แล้วสร้างปัญหาขึ้นมาบ้าง มีแต่สวี่เชิ่งเหม่ยเท่านั้น เช่นนั้นแล้วปัญหาอยู่ที่ไหนกันเล่า?

“หนูได้ยินพี่สะใภ้สี่เล่าว่า พี่สี่ต้องการจะช่วยดูแลพี่สาวใหญ่ให้ ถ้าหล่อนจะมาเปิดร้านขายซาลาเปาที่นี่ ถ้าพี่สาวใหญ่มา เรื่องพวกนี้จะจบลงไหมคะ?” โจวเสี่ยวเหมยกล่าว

“พี่สาวใหญ่ของแกจะทำธุรกิจอะไรล่ะ? พี่เขยแกก็ไม่ใช่คนประเภทที่สามารถทำธุรกิจได้ บอกตามตรงว่า กับที่ดินที่มีอยู่เหล่านั้นพวกเขาก็หาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว จะมาที่นี่เพื่อทำธุรกิจน่ะเหรอ? คงไม่ได้กินแม้แต่ลมตะวันตกเฉียงเหนือ(1)”

“ไม่เป็นไร แม่จะฆ่าไก่ตัวหนึ่ง พอถึงตอนนั้นก็ให้ต้าหลินกลับมาตุ๋นไก่ที่นี่ จะได้ไม่ต้องไปฆ่าที่โน่น” ท่านแม่โจวสั่ง

โจวเสี่ยวเหมยเห็นด้วย

ตอนนี้ทางซูต้าหลินและโจวเสี่ยวเหมยไม่มีปัญหาอะไรแล้ว พวกเขาซื้อร้านได้แล้ว แม้ว่าในตอนนั้นถึงกับทำให้พวกเขาไม่มีเงินเก็บเหลือเลยก็ตาม แต่สถานการณ์ธุรกิจในปัจจุบันทำให้พวกเขารู้สึกมีความมั่นคงมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่ยินดีที่จะซื้อตู้แช่แข็งราคาหลายร้อยหยวนในตอนนี้ แต่ปีหน้าพวกเขาจะพิจารณาเรื่องนี้ สำหรับในปีนี้ พวกเขาได้แต่ใช้วิธีนี้เท่านั้น

ในวันรุ่งขึ้นหลินชิงเหอก็ได้ดื่มน้ำแกงไก่ ซึ่งมันมีกลิ่นหอมกรุ่นมากจริง ๆ

“คุณแม่น่าจะเก็บไว้ดื่มเอง ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาให้มาเลยนี่คะ” หลินชิงเหอกินอย่างมีความสุข พร้อมกับกล่าวขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“แม่สั่งมาเป็นพิเศษว่าให้เอามาให้คุณดื่มเพื่อบำรุงร่างกายน่ะครับ” โจวชิงไป๋ส่งสายตาที่อบอุ่นมองไปเธอ

มีเสียง ‘แชะ’ ดังขึ้นทันที

ทั้งโจวชิงไป๋และหลินชิงเหอหันไปมองดูที่มาของเสียง โจวกุยหลายกำลังตรวจสอบกล้องถ่ายรูปที่อยู่ในมือ จากนั้นก็หัวเราะขำแล้วมองไปที่ป๊าม้าของเขา พร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ในที่สุด ผมก็ได้หลักฐานที่ป๊ากับม้าเล่นหูเล่นตากันแล้ว!”

……………………………………………………………………………………..

(1) สำนวน กินลมตะวันตกเฉียงเหนือ หมายถึง ไม่มีอะไรจะกิน อดตาย

สารจากผู้แปล

แต่งงานแล้วก็ไปไกล ๆ เสียนะเชิ่งเหม่ย อย่ามาสร้างความเดือดร้อนให้บ้านนี้อีก เป็นเพราะเธอคนเดียวถึงเดือดร้อนกันไปหมดเลย

เจ้าสามแสบมาก ได้ของเล่นใหม่แล้วเอาใหญ่เลยนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม