ด้วยเหตุนี้ เมื่อได้ยินว่าท่านแม่โจวไม่ต้องการจะดูแลลูกสาวให้ พี่สาวใหญ่จึงเริ่มกังวล
“แล้วแกต้องการให้ฉันทำยังไง?” ท่านแม่โจวเอ่ยออกมาอย่างอธิบายไม่ถูก “ถ้าหล่อนเชื่อฟังฉันจริง หล่อนจะทำตัวอย่างนี้หรือ? ไม่ว่าจะมีคำแก้ตัวอะไร นี่ก็เป็นปัญหาที่นิสัย!”
ในตอนท้ายท่านแม่โจวก็แค่นเสียงดูถูกออกมาอย่างเย็นชา
เมื่อครั้งที่ยังอบรมสั่งสอนลูกของตนเองอยู่นั้น นางเป็นคนเข้มงวดมาก ด้วยการเลี้ยงดูของนาง ลูกชายทั้ง 4 คนและลูกสาวทั้ง 3 คนไม่มีใครกล้าทำเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาเลยสักคน
ทุกคนต่างก็มีความประพฤติที่ดี
“ฉันไม่รู้ว่าลูกสาวของแกไปพูดอะไรตอนที่หล่อนกลับไป หรือหล่อนเคยพูดไม่ดีถึงน้าสะใภ้ยังไง แต่ในความเห็นของฉัน แกที่เป็นแม่แท้ ๆ ของหล่อนอาจจะดูแลหล่อนได้ไม่ดีเท่าน้าสะใภ้เลยด้วยซ้ำ ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องอื่นอีก ให้หล่อนแต่งงานแล้วก็ไปใช้ชีวิตของหล่อนเองซะ” ท่านแม่โจวโบกมือ
พี่สาวใหญ่และครอบครัวพักอยู่ที่นี่ 3 วัน แล้วงานแต่งงานของสวี่เชิ่งเหม่ยกับจ้าวจวินก็เสร็จสิ้นลง
หลินชิงเหอและลูกชายทั้ง 3 คนของเธอไม่ได้ไปร่วมงานด้วย โจวชิงไป๋ยังไว้หน้าพี่สาวใหญ่อยู่จึงไปร่วมในฐานะน้าชายของหล่อน
หลินชิงเหอเพิ่งมารับรู้หลังจากนั้นว่าสวี่เชิ่งเฉียงได้เข้าไปหาคุณน้าของเขาแล้วบอกว่าต้องการจะอยู่ที่นี่และไม่ต้องการจะกลับไป
อย่างไรก็ตาม โจวชิงไป๋ไม่เห็นด้วย และบอกให้เขากลับไปให้เร็วที่สุดเพื่อทำการเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
แม้ว่าสวี่เชิ่งเหม่ยจะแต่งงานไปแล้วเช่นนี้ แต่ครอบครัวจ้าวก็ยังรักษาระยะห่างด้วยเช่นกัน ถ้าครอบครัวสวี่ไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่แล้ว พวกเขาก็คงแทบจะไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันเลย
หลังจากที่หาเวลาที่เหมาะสมได้แล้ว หลินชิงเหอก็นำของทุกอย่าง อาทิเช่น เครื่องซักผ้าออกมา
เครื่องซักผ้าถูกส่งไปที่ทางบ้านท่านแม่โจว
โจวเสี่ยวเหมยรู้สึกกระดากใจ เมื่อได้เห็นจึงเอ่ยขึ้นว่า “พี่สะใภ้สี่คะ เราควรจะจ่ายกันคนละครึ่งดีไหมคะ?”
“ไม่ต้องแบ่งกันจ่ายหรอกจ้ะ ใช้ไปก่อนเถอะ พอครอบครัวของเธอซื้อบ้านแล้วย้ายออกไปเมื่อไหร่ เครื่องนี้ก็จะเอาไว้ให้คุณพ่อกับคุณแม่ใช้” หลินชิงเหอตอบ
“ของแบบนี้ต้องใช้เงินมากเหลือเกิน” ท่านแม่โจวมองอย่างกล่าวโทษไปที่ลูกสะใภ้ของนาง
“มันมีไว้ให้คุณพ่อคุณแม่ใช้นะคะ เสียเงินมากก็ไม่เห็นเป็นไร ขอแค่ให้คุณแม่ได้ใช้มันอย่างสะดวกสบายก็พอแล้วค่ะ” หลินชิงเหอยกมือขึ้น
บางครั้งถึงแม่สามีเลอะเลือนไปบ้าง ทว่าเมื่อเป็นเรื่องที่สำคัญ นางก็ยังปกติดีอยู่
เห็นได้จากทัศนคติของนางที่มีต่อเรื่องของสวี่เชิ่งเหม่ยผู้เป็นหลานสาว
ท่านแม่โจวระบายยิ้มออกมาเต็มใบหน้า
เมื่อหลินชิงเหอกลับไปแล้ว โจวเสี่ยวเหมยก็นำเสื้อผ้ามาใส่ลงไปในเครื่องซักผ้าพร้อมกับแสดงความเห็น “แม่ต้องสอนวิธีเลือกลูกสะใภ้ให้หนูนะคะ พอหนูอายุเท่าแม่จะได้มีลูกสะใภ้ที่ซื้อทีวี วิทยุ พัดลมและแม้กระทั่งเครื่องซักผ้ามาให้ หนูคงจะมีความสุขแทบตายเลยค่ะ”
“ถึงพี่สะใภ้สี่ของแกจะเจ้าอารมณ์ไปสักหน่อย แต่หล่อนก็ปฏิบัติต่อฉันกับพ่อของแกอย่างดีไม่มีข้อบกพร่องเลย” ท่านแม่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พี่สะใภ้สี่ใจเย็นออกค่ะ ไม่เคยอารมณ์เสียใส่หนูเลย หล่อนแค่ไม่ทนกับคนที่มายั่วโมโหต่างหาก” โจวเสี่ยวเหมยกล่าวอย่างไม่แยแส
จากนั้นหล่อนก็เบ้ริมฝีปาก “พี่สาวใหญ่ชอบมาพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับพี่สะใภ้สี่ให้หนูฟัง จนหนูชักจะหมดความอดทนกับคำพูดถากถางของหล่อนแล้ว”
พี่สาวใหญ่กับพี่สาวรองเป็นลูกคนโต ระหว่างพี่สาวกับหล่อนมีพี่ชายอีก 4 คนคั่นอยู่ ดังนั้น แม้ว่าพวกเขาจะเป็นลูกสาวเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก ตอนที่พี่สาวใหญ่และพี่สาวรองของหล่อนแต่งงาน โจวเสี่ยวเหมยยังเป็นเด็กอยู่มาก
แต่สุดท้ายแล้วพวกหล่อนก็เป็นพี่น้องกัน จึงไม่มีเรื่องอะไรต้องพูด โจวเสี่ยวเหมยแค่มาดูแลต้อนรับหล่อน และไม่ปฏิบัติต่อหล่อนแย่เท่านั้น
เพียงแต่พี่สาวใหญ่ชอบพูดไม่ดีถึงพี่สะใภ้สี่ ซึ่งเป็นเรื่องที่โจวเสี่ยวเหมยรับไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพี่สาวใหญ่ผลักเรื่องของสวี่เชิ่งเหม่ยไปให้พี่สะใภ้สี่ เมื่อได้ยินเรื่องนี้ โจวเสี่ยวเหมยอยากจะตะเบ็งเสียงออกไปว่าพี่สะใภ้สี่ของหล่อนถูกใส่ร้าย
เอ้อร์นี หู่จือและกังจือที่เพิ่งมาอยู่ มีคนไหนมาที่นี่แล้วสร้างปัญหาขึ้นมาบ้าง มีแต่สวี่เชิ่งเหม่ยเท่านั้น เช่นนั้นแล้วปัญหาอยู่ที่ไหนกันเล่า?
“หนูได้ยินพี่สะใภ้สี่เล่าว่า พี่สี่ต้องการจะช่วยดูแลพี่สาวใหญ่ให้ ถ้าหล่อนจะมาเปิดร้านขายซาลาเปาที่นี่ ถ้าพี่สาวใหญ่มา เรื่องพวกนี้จะจบลงไหมคะ?” โจวเสี่ยวเหมยกล่าว
“พี่สาวใหญ่ของแกจะทำธุรกิจอะไรล่ะ? พี่เขยแกก็ไม่ใช่คนประเภทที่สามารถทำธุรกิจได้ บอกตามตรงว่า กับที่ดินที่มีอยู่เหล่านั้นพวกเขาก็หาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว จะมาที่นี่เพื่อทำธุรกิจน่ะเหรอ? คงไม่ได้กินแม้แต่ลมตะวันตกเฉียงเหนือ(1)”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...