ภาพถ่ายใบนี้จะกลายเป็นภาพที่มีคุณค่ามากสำหรับลูกหลานของครอบครัวโจว
เพราะมันได้บันทึกอารมณ์ความรู้สึกของคุณปู่และคุณย่า เมื่อครั้งที่พวกท่านยังมีอายุไม่มากนักเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สายตาของคุณปู่ที่มองไปยังคุณย่านั้นแทบจะสามารถคั้นน้ำผึ้งออกมาได้สัก 3 ชั่งเลยทีเดียว
กลับมากล่าวถึงเหตุการณ์ในตอนนี้กันต่อ
หลังจากที่ได้กล้องถ่ายรูปแล้ว งานอดิเรกของโจวกุยหลายก็เปลี่ยนจากฟุตบอลและบาสเกตบอลมาเป็นสิ่งนี้
ช่วงไหนที่เป็นเวลาว่างและไม่ต้องทำงาน เขาจะถือกล้องเดินตระเวนไปรอบ ๆ เพื่อถ่ายรูป
เจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้หมดเงินไปเยอะมากกับค่าฟิล์ม
กระนั้นหลินชิงเหอก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไร ตราบใดที่เขาไม่กลายเป็นคนนิสัยฟุ่มเฟือย เธอจะปล่อยให้มันเป็นงานอดิเรกของเขาต่อไป
“หลังจากนี้อีก 20 ปี ภาพเหล่านี้ของผมจะต้องกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างแน่นอนเลยครับ” โจวกุยหลายเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิ เขาเพิ่งไปล้างฟิล์มกลับมา
“เร็วเข้า รีบไปช่วยงานที่ร้านของเอ้อร์นี!” หลินชิงเหอหยิบถุงผ้าที่เขาใส่รูปถ่ายเอาไว้ แล้วไล่เขาออกไป
“ผมจะกินน้ำแกงไก่ก่อน” โจวกุยหลายไปตักน้ำแกงไก่มาดื่ม
ตอนที่เขากำลังดื่มน้ำแกงไก่อยู่ ป๊าม้าของเขาก็ดูรูปถ่ายด้วยกัน
“ทำไมถึงถ่ายรูปไปซะทุกอย่างเลย” โจวชิงไป๋เหลือบมองไปที่ลูกชายแล้วถามขึ้น
เขาถ่ายรูปของบ้านเก่า คนสูงอายุและเด็ก ๆ ทั้งยังมีพวกเตาเก่าที่ชำรุดแล้วอีกด้วย ในบรรดาภาพถ่ายเหล่านี้ มีภาพของหญิงวัยกลางคนกำลังจุดเตาถ่านอยู่ที่ประตูและกำลังมองมาพร้อมกับยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว
พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนแปลกหน้า
“ผมได้รับอนุญาตจากพวกเขาแล้วครับ” โจวกุยหลายพูด
หลินชิงเหอเห็นภาพแล้วคิดว่ามันดีมาก พวกมันล้วนถ่ายทอดความเป็นไปของยุคสมัยนี้ เธอจึงแนะนำสถานที่อื่นให้อีกด้วย “ไปเดินถ่ายแถว ๆ ลานสวนของคุณปู่อุปถัมภ์ของลูกสิ แล้วก็ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งกับมหาวิทยาลัยชิงฮวาด้วย”
แม้ว่าฟิล์มจะมีราคาสูง แต่ภาพถ่ายเหล่านี้ก็เหมือนกับการผ่านไปที่หมู่บ้านแล้วไม่พบร้านค้า(1) ถ่ายรูปไว้ให้มากขึ้น จากนั้นก็จัดทำเป็นอัลบั้มรูปถ่ายเก่า ๆ สัก 2-3 อัลบั้มเพื่อเก็บเอาไว้เปิดดูเป็นครั้งคราว ก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่นัก
“โอ้ ม้าช่างรู้จักผมดีจริง ๆ คุณปู่กับผมนัดกันแล้วครับ วันหยุดวันชาตินี้ เราจะไปกัน” โจวกุยหลายยิ้มปากกว้าง
วันชาติตรงกับวันมะรืนนี้ และเป็นวันหยุดของหลินชิงเหอเช่นกัน แม้ว่ามันจะหยุดเพียงแค่ 3 วันก็ตาม
หลินชิงเหอจึงสั่งว่า “ถ้างั้นทำตัวให้ว่าง 1 วันสำหรับม้า คุณย่าและคุณอาเล็กของลูกแล้วกัน”
“ได้เลยครับ ม้าจะทำอะไรหรือครับ?” โจวกุยหลายถาม เขามีหน้าที่เรื่องการถือของให้จนเคยชินไปเสียแล้ว
“ม้าตั้งใจจะพาคุณย่ากับคุณอาเล็กของลูกไปปีนกำแพงเมืองจีน พอถึงตอนนั้น ลูกก็ถือน้ำแล้วก็ถ่ายรูปให้พวกเราด้วย” หลินชิงเหอตอบ
โจวกุยหลายแสดงท่าทางว่าเขาพร้อม
โจวชิงไป๋เหลือบมองไปที่ภรรยา หลินชิงเหอยิ้มแล้วตบเบา ๆ ที่ใบหน้าซึ่งยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งมีเสน่ห์ของเขา “ก็คุณไม่ว่างนี่ค่ะ ดังนั้นจึงไปไม่ได้”
ร้านเกี๊ยวของชิงไป๋เปิดตลอดทั้งปี เว้นแค่ไม่กี่วันในช่วงปีใหม่เท่านั้น
ในช่วงเวลานี้มันยังจะต้องเป็นอย่างนี้ไปก่อน รอจนกระทั่งเมื่อถนนมีการวางผังที่ดีขึ้น พวกเขาก็สามารถไปได้ทุกที่แล้ว ถึงตอนนั้นเธอจะใช้วันหยุดพักร้อน 1-2 ครั้งต่อปี ชิงไป๋ของเธอก็จะต้องปิดร้านหยุด 2 ครั้งด้วยเหมือนกัน เมื่อเธอกลับมาทำงาน เขาก็ค่อยเปิดร้านหาอะไรทำฆ่าเวลาไป
แผนการในอนาคตของพวกเขาก็ไม่มีอะไรที่ตายตัวเช่นนี้นั่นละ!
ในวันสุดท้ายของวันหยุดช่วงวันชาติ หลินชิงเหอและโจวเสี่ยวเหมยก็พาท่านแม่โจวไปที่กำแพงเมืองจีน ส่วนพวกเด็ก ๆ ถูกทิ้งไว้ให้อยู่กับท่านพ่อโจว
จนถึงตอนนี้ท่านพ่อโจวเคยไปกำแพงเมืองจีนมาแล้วถึง 7-8 ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนแรก ๆ ที่เขาชื่นชอบมันมากเป็นพิเศษ
ในขณะที่ท่านแม่โจวเคยมาที่นี่เพียงแค่ครั้งเดียว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมนางจึงมาอีกครั้ง
และก็ยังคงรู้สึกสนุกอย่างมาก
โจวเสี่ยวเหมยผู้ซึ่งแทบจะไม่เคยมีวันหยุด ก็ทิ้งลูกของหล่อนไว้ที่บ้านและออกมาเที่ยวเล่นลำพังคนเดียว ดังนั้นหล่อนจึงรู้สึกสนุกสนานเช่นเดียวกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...