บทที่ 406 อยู่กับครอบครัวเวิง
ชั่วพริบตาเดียว วันสิ้นปีของอีกปีหนึ่งก็มาถึง
โดยทั่วไปแล้วหลินชิงเหอก็มีวันหยุดช่วงนี้ด้วยเหมือนกัน ส่วนร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋ก็กำลังจะปิดเนื่องในวันหยุดอีกไม่นาน
เดิมทีในปีนี้หลินชิงเหอยังคิดว่าจะขอให้โจวเอ้อร์นีพาหวังหยวนกลับไปที่เมืองบ้านเกิดของหล่อนดีไหม เพราะโรงงานผลิตเสื้อผ้าของหวังหยวนก็ได้หยุดชั่วคราวเนื่องในวันหยุดเหมือนกัน
แต่เมื่อคิดอีกทีก็สรุปได้ว่าช่างมันเถอะ
เพราะเรื่องของสวี่เชิ่งเหม่ยเพิ่งจะจบในปีนี้และกล่าวได้ว่ามีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก ส่วนโจวเอ้อร์นีกับหวังหยวนก็ยังคบกันอยู่ และไม่มีแผนว่าจะแต่งงานในเร็ว ๆ นี้
แต่ดูจากเจตนาของหวังหยวนแล้ว เขารักจริงหวังแต่งจริง ๆ
ช่วงนี้อากาศหนาวเหน็บนัก ไม่ต้องเอ่ยก็รู้ว่าการได้นอนกอดภรรยามันจะดีเยี่ยมแค่ไหน
แต่โจวเอ้อร์นียังไม่มีแผนว่าจะแต่งงานอย่างเห็นได้ชัด หลินชิงเหอเห็นได้จากการที่หล่อนจริงจังต่อการคบกับหวังหยวน ขณะเดียวกันหล่อนก็วางแผนอนาคตอย่างระมัดระวัง ไม่ด่วนตัดสินใจแต่งงานอย่างเด็ดขาด
การแต่งงานเป็นเรื่องผูกพันไปทั้งชีวิต ส่วนเรื่องหย่านั้นไม่ต้องคิดเลยแม้แต่น้อย คนเราไม่ได้แต่งงานมาเพื่อหย่ากัน มันเป็นเพียงหนทางสุดท้ายในตอนที่ไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ ต่างหาก
ในวันนั้นเองโจวเฉวี่ยนได้นำไก่กลับมาด้วย 2 ตัว ปู่ของเขาเป็นคนเชือดและถอนขนจนเกลี้ยง มันเป็นไก่ที่ตั้งใจเก็บไว้เป็นพิเศษเพื่อให้พวกเขาได้กินในช่วงปีใหม่
“ป๊า ป๊าจะหยุดเมื่อไหร่ครับ?” โจวกุยหลายเอ่ยงึมงำขณะถูกพ่อของเขาดึงตัวไปช่วยห่อเกี๊ยว
“เจ้าเด็กตัวเหม็น ทำงานแค่นิดเดียวแต่พูดมากเสียจริง” หลินชิงเหอเอ่ย
ช่วงนี้หลินชิงเหอรู้สึกร้อนใจนิดหน่อย เพราะมันถึงวันสิ้นปีแล้วแต่ตลอดทั้งปีนี้ลูกชายคนโตก็ยังไม่กลับมาที่บ้านเลย นับตั้งแต่ที่เขาจากบ้านไปตั้งแต่ต้นปี เขาก็โทรศัพท์มาหาเพียง 2 ครั้ง และไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าสิ้นปีนี้เขาจะกลับบ้านหรือไม่
“แค่โรงเรียนเตรียมทหารเอง จะยุ่งสักขนาดไหนกันเชียว” หลินชิงเหออดไม่ได้ที่จะเอ่ยพึมพำ
เมื่อโจวชิงไป๋ได้ยินเธอพูดแบบนี้ เขาก็รู้ว่าภรรยากำลังคิดถึงลูกชายคนโต จึงตอบกลับไปว่า “ต่อให้เป็นโรงเรียนเตรียมทหาร มันก็เข้มงวดอยู่ดี คุณปล่อยให้เขาได้ปรับตัวก่อนเถอะ”
ลูกชายคนโตของพวกเขาอายุได้ 18 ปีแล้ว หลังจากปีนี้ไปเขาก็จะมีอายุ 19 ปี โจวชิงไป๋จึงไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด
หลินชิงเหอถอนหายใจอีกครั้ง
โจวกุยหลายเห็นแล้วก็เข้ามาปลอบแม่ “พี่ใหญ่จะเรียนจบภายในหน้าร้อนที่จะถึงนี้แล้ว เขาคงจะได้กลับมาอยู่กับเราสักพักล่ะครับ”
“เขาอยู่นานไม่ได้น่ะสิ” หลินชิงเหอยังคงรู้เรื่องนี้ดี ปกติแล้วเขาจะได้หยุดไม่เกิน 7 วัน เขาไม่อาจหย่อนยานต่อการฝึกหรืออะไรทำนองนั้นได้หรอก
หลินชิงเหอถึงคราวจมอยู่กับความผิดหวังในปีนี้อย่างแท้จริง โจวข่ายไม่ได้โทรศัพท์มาหาเลยจนกระทั่งถึงวันที่ 28 ธันวาคม
เขาออกไปปฏิบัติภารกิจก่อนวันสิ้นปีและจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา แต่ถึงอย่างนั้นวันหยุดของเขาก็แสนสั้นจนนั่งรถกลับมาไม่ทัน เขาจึงตัดสินใจไม่กลับมา
“ลูกได้รับเนื้อแดดเดียวที่ม้าส่งไปให้หรือยัง?” หลินชิงเหอถาม
“ผมได้รับแล้วครับ อร่อยมากเลย ม้า…หลังปีใหม่นี้ม้าส่งมาเพิ่มอีกได้ไหมครับ” โจวข่ายบอกผ่านโทรศัพท์
หลินชิงเหอเอ็ดเขากลับอย่างอารมณ์ดีและสนทนากับลูกชายคนโตอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็วางสายอย่างอิดเอื้อน
เมื่อหญิงสาวกลับมาถึง เธอก็บอกกับโจวชิงไป๋ “ฉันคิดว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองจู้จี้ขี้บ่นขึ้นนิดหน่อยแล้วล่ะค่ะ”
“คุณไม่จู้จี้เลย” โจวชิงไป๋บอก
ภรรยาของเขาจะจู้จี้ขี้บ่นได้อย่างไร ไม่เลยสักนิด
“ฉันรู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นทุกปีแล้วน่ะค่ะ เทียบกับแต่ก่อนไม่ได้แล้วจริง ๆ” หลินชิงเหอมองสำรวจตรวจตราตัวเองในกระจก แม้เธอจะทุ่มเทบำรุงรักษาผิวอย่างเต็มที่ แต่ตรงหางตาของเธอก็ยังปรากฏริ้วรอยแห่งวัยจำนวนหนึ่งอยู่ดี
“คุณดูดีขึ้นในทุกปีนะ” โจวชิงไป๋เอ่ยอย่างจริงจังขณะวางเกี๊ยวที่เพิ่งห่อเสร็จลง
หลินชิงเหอมองค้อนเขาปะหลับปะเหลือก แต่เธอก็ยังรู้สึกพอใจอย่างใหญ่หลวง เมื่อกลับไปถึงบ้านในคืนนั้น เธอก็ทำมาส์กน้ำผึ้งแล้วทาลงบนใบหน้าทันที
“ของแบบนี้จะช่วยให้สวยขึ้นจริง ๆ เหรอครับน้าสะใภ้?” กังจือมองน้าสะใภ้ที่กำลังพอกหน้าพร้อมนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาด้วยความฉงนและเอ่ยถามขึ้น
แม้เขาจะเห็นอะไรแบบนี้อยู่บ่อย ๆ แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...