แม้เขาจะมาจากชนบทและยังมีรูปลักษณ์ธรรมดาทั่วไป แต่โครงสร้างร่างกายอันบึกบึนของเขาช่างน่าดึงดูดนัก
นับจากนั้นเป็นต้นไป หู่จือก็เจอกับจางเหมยเหลียนอยู่เรื่อยมา และเนื่องจากจางเหมยเหลียนแสดงด้านอ่อนโยนใจดีต่อหน้าเขา หู่จือจึงคิดว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนดีไม่น้อย
ซึ่งหลินชิงเหอไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย
ในวันแรกของเทศกาลปีใหม่ พวกเขาอยู่ที่บ้านและเตรียมขนมกับของว่างมากมายไว้ต้อนรับลูกจ้างที่มาเยี่ยมเยือน
ส่วนวันที่สองของเทศกาลปีใหม่ คุณพ่อเวิงกับคุณแม่เวิงก็ได้พาเวิงเหม่ยเจี่ยมาเยี่ยมที่บ้านในฐานะแขก
โดยไม่ต้องบอก หลินชิงเหอรู้สึกดีใจมาก
โดยเฉพาะคุณแม่เวิงที่เข้ากับเธอได้ดี
“ฉันไม่เคยเห็นใครที่ยังคงความอ่อนเยาว์ได้อย่างอาจารย์หลินเลยค่ะ เสี่ยวข่ายกับน้อง ๆ โตกันขนาดนี้แล้วแต่คุณก็ยังไม่ดูแก่ลงแม้แต่น้อย เทียบกันแล้วฉันกลายเป็นหญิงหน้าเหลือง* ไปเลย” คุณแม่เวิงพูด
*หญิงหน้าเหลือง หมายความว่า ขี้เหร่
เดิมทีหล่อนรู้สึกว่าหลินชิงเหอยังอายุน้อยอยู่เมื่อมองจากรูปถ่าย ไม่ต้องพูดถึงการเจอตัวจริงเลย เธอดูอ่อนเยาว์จริง ๆ ไม่เหมือนคนที่อายุมากขนาดนี้เลยสักนิด
หลินชิงเหอยิ้ม “ก่อนที่ฉันจะได้ลิ้มรสหวานก็ผ่านความลำบากมาเหมือนกันค่ะ ช่วงนั้นมีเรื่องให้กังวลหลายอย่าง แต่ตอนนี้พวกลิงทะโมนโตกันหมดแล้ว ฉันถึงมีเวลามาบำรุงตัวเอง ชั่วชีวิตที่เหลือนี้ฉันไม่ต้องกังวลเรื่องของพวกเขาแล้ว เลยได้เวลาทำตัวเอื่อยเฉื่อยบ้างเสียทีน่ะค่ะ
“แม่ผมเคยบอกว่าจะใช้เวลาลอยชายไปครึ่งวันเลยล่ะครับ” โจวกุยหลายบอก
เรื่องนี้ทำให้คุณพ่อเวิงกับคุณแม่เวิงอมยิ้ม
จากนั้นหลินชิงเหอก็หันไปถามเวิงเหม่ยเจี่ย “ปีนี้หนูเริ่มฝึกงานแล้วหรือยังจ๊ะ?”
“ค่ะ หนูเรียนทฤษฎีเกือบหมดแล้ว ปีนี้หนูเลยจะไปฝึกงานน่ะค่ะ” เวิงเหม่ยเจี่ยพยักหน้า
การฝึกงานใช้เวลานานมาก มันใช้เวลาราว 2 ปีกว่าที่คน ๆ หนึ่งจะได้เป็นเจ้าหน้าที่ทั่วไป
“ไม่ต้องรีบหรอกจ้ะ ค่อย ๆ เรียนไป หนูยังอายุแค่นี้เอง แต่ถึงอย่างนั้นหนูก็เก่งนะที่ได้เรียนวิชาเอกนี้ ต่อให้มันจะเป็นอาชีพที่มีแต่คนต้องการทำงานก็ตาม” หลินชิงเหอบอก
“ติดแค่ว่ามันลำบากเหลือเกินนี่สิคะ” คุณแม่เวิงรู้สึกท้อแท้แทนลูกสาว
การเป็นพยาบาลไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ใช่ว่าคนไข้และญาติคนไข้ทุกคนจะเป็นมิตรด้วย บางคนก็ไร้เหตุผลไม่น้อยเหมือนกัน
“หนูชอบวิชาชีพนี้ค่ะ” เวิงเหม่ยเจี่ยส่ายหน้า
“พยาบาลงานหนักจริง ๆ นะ โดยเฉพาะช่วงฝึกงาน แต่มันก็ฝึกคนเหมือนกัน หนูโตแล้วควรที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองได้แล้วนะจ๊ะ” หลินชิงเหอบอก
“เป็นพยาบาลในโรงพยาบาลทหารน่าจะดีกว่านะ” โจวชิงไป๋พูด
“ค่ะ ถึงเวลานั้นหนูก็วางแผนไว้ว่าจะสมัครเข้าทำงานสายนั้นน่ะค่ะ” เวิงเหม่ยเจี่ยเม้มปากและคลี่ยิ้ม
“ลูกชายคนโตของเราก็จะออกจากโรงเรียนเตรียมทหารในปีหน้าแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็คงจะได้อยู่ที่เดียวกับหนู หนูต้องช่วยน้าหลินดูแลเขาด้วยนะจ๊ะ” หลินชิงเหอบอก
“พี่ชายหนูก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน เราจะช่วยดูแลซึ่งกันและกันเมื่อถึงตอนนั้นค่ะ” เวิงเหม่ยเจี่ยพยักหน้า
หลินชิงเหอรู้สึกพอใจมาก ฟังคำพูดหล่อนดูสิ หล่อนเป็นเด็กดีขนาดไหน?
“เสี่ยวข่ายอายุเท่านี้ก็ไม่เด็กแล้วนะคะ กั๋วเหลียงของเราบอกว่าเขาจะแนะนำใครบางคนให้ด้วยน่ะค่ะ” คุณแม่เวิงเอ่ยถึงด้วยรอยยิ้ม
“แนะนำอะไรกันคะ? เขาตัวโตขนาดนั้นก็จริง แต่ยังไม่โตเต็มที่เลยค่ะ แต่ถึงอย่างไรในอนาคตฉันก็จะปฏิบัติกับลูกสะใภ้เหมือนลูกสาวคนหนึ่ง จะไม่มีความขัดแย้งระหว่างแม่สามีลูกสะใภ้ที่บ้านของฉัน แล้วอนาคตพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่กับฉันด้วย เมื่อถึงเวลาก็จะให้พวกเขาย้ายไปใช้ชีวิตอยู่กันเองน่ะค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ย
“อ้า ผมแค่ไม่อยู่ด้วยแป๊บเดียวพวกม้าก็พูดกันไปไกลแล้วเหรอครับ? หรือว่าพี่เหม่ยเจี่ยจะกลายเป็นพี่สะใภ้ของเราแล้ว?” โจวกุยหลายที่กำลังดูทีวีอยู่ก็หันมาถาม
ไม่ว่าเวิงเหม่ยเจี่ยจะเป็นคนหนักแน่นมั่นคงแค่ไหน หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง
“เป็นแค่เด็กปากไม่มีหูรูดคนหนึ่งน่ะครับ คุณลุงกับทุกคนอย่าใส่ใจเขาเลย” โจวเฉวี่ยนเอ่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...