ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 409

บทที่ 409 ถือเป็นการแต่งงานลดฐานะ
EnjoyBook
บทที่ 409 ถือเป็นการแต่งงานลดฐานะ

ทางตระกูลโจวไม่รู้เลยว่าจางเหมยเหลียนที่กลับบ้านในช่วงปีใหม่กำลังพยายามอย่างเป็นที่สุดให้ตัวเองได้แต่งงาน

หล่อนบอกได้ว่าตระกูลโจวไม่มีความประทับใจที่ดีกับหล่อนเลยจริง ๆ หล่อนเห็นหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋และได้ทักทายคนทั้งคู่ไปก็แล้ว พวกเขากลับเมินหล่อน

จางเหมยเหลียนจึงรู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่ง

ตอนนี้หล่อนไม่ใช่สาวแรกแย้มแล้ว หล่อนต้องการแต่งงานจริง ๆ

2-3 ปีที่ผ่านมาหล่อนออกไปเช่าที่อยู่อาศัยด้วยตัวเอง และได้คบกับใครหลายคน

เมื่อนับรวม ๆ แล้วก็มีทั้งหมด 6 คน 3 คนในนั้นไม่ใช่มนุษย์ หลังหลับนอนร่วมกันมาได้ 1 หรือ 2 เดือนพวกเขาก็ขอเลิกกับหล่อนดื้อ ๆ มีคนหนึ่งที่หล่อนตั้งครรภ์ด้วยและเขาก็ไม่คิดที่จะรับรู้ แล้วหล่อนจะทำอย่างไรได้อีก? ก็ทำแท้งอย่างไรล่ะ

ยังมีอีกสองคนที่ต้องการแต่งงานกับหล่อน

แต่หล่อนไม่ต้องการแต่งงานกับพวกเขา เพราะมันไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากครอบครัวของพวกเขามีคนจำนวนมากแถมยังฐานะยากจนมากด้วย หล่อนจะแต่งงานกับพวกเขาได้อย่างไร?

ดังนั้นหลังจากคิดดูแล้ว จางเหมยเหลียนก็กลับมาหมายตาตระกูลโจวอีกครั้ง

หล่อนคงลืมโจวข่ายไปแล้ว เพราะตอนนี้สายตาของจางเหมยเหลียนจับจ้องไปที่หู่จือ

หล่อนตรวจสอบเรื่องนี้กับแม่เฒ่าจางผู้เป็นแม่ เนื่องจากไม่ได้กลับมาเป็นระยะหนึ่งจึงไม่รู้ถึงสถานการณ์ความเป็นไป สิ่งที่หล่อนไม่รู้ แม่เฒ่าจางรู้ทั้งหมด

“นี่มันเรื่องอะไรกันอีก? แกเกิดอยากแต่งงานกับหู่จือพ่อหนุ่มคนนั้นเรอะ?” แม่เฒ่าจางกลอกตาบ่นพึมพำ

“แล้วมันผิดตรงไหนคะ? หนูคิดว่าเขาก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว” จางเหมยเหลียนตอบ

แม้รูปลักษณ์และความสูงของเขาจะสู้โจวข่ายไม่ได้ แต่เขาก็ไม่เลวเลย หน้าตาของเขาดูไม่แย่และมีส่วนสูงไม่เตี้ยเกินไป อย่างน้อยก็ราว 178 เซนติเมตร สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการที่เขาเป็นญาติกับตระกูลโจว

“ลืมไปซะเถอะ” แม่เฒ่าจางเอ่ยอย่างติดรำคาญ “หู่จือเป็นหลานชายของพวกเขา ครอบครัวของเขามาจากชนบท ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของพวกเขาเลย สองพี่น้องมาที่นี่ก็เพื่อมาขออาศัยด้วย แกยังอยากจะคบกับเขางั้นเหรอ?”

เห็นชัดว่าแม่เฒ่าจางยังไม่รู้ในเรื่องที่หัวมันหวานของครอบครัวนางเป็นหัวมันเน่าและยังคงคิดว่าเป็นแตงลูกงาม นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้นางดูถูกคนอื่น ๆ

“เด็กคนนี้เป็นหลานชายของพวกเขา พวกเขาเปิดร้านตั้งเยอะแยะ ในอนาคตจะไม่มาช่วยเขาได้ยังไงล่ะคะ?” จางเหมยเหลียนรู้สึกว่ายิ่งคิดเรื่องนี้มันก็ยิ่งดูเข้าท่า

หู่จือมีผิวค่อนข้างคล้ำ การอยู่ในเมืองหลวงไม่ทำให้เขาขาวขึ้น แต่จางเหมยเหลียนก็ยังรู้สึกว่าต่อให้เขามาจากชนบทหล่อนก็รับได้

การเป็นคนชนบทนับว่าเป็นเรื่องสมบูรณ์แบบ ในเมื่อสาวเมืองหลวงอย่างหล่อนเต็มใจแต่งงานกับเขา วิญญาณบรรพชนของเขาก็คงจะอยู่อย่างสงบสุขยามที่เขาพาหล่อนกลับไปถูกไหม?

ส่วนเรื่องอย่างชื่อเสียต่าง ๆ ก็ไม่สำคัญ ชื่อเสียงมันกินได้เสียที่ไหนกันล่ะ?

“แม่ เขาเป็นหลานชายของพวกเขานะคะ เขาทำงานให้พวกเขาไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก หากเขาแยกมาอยู่ด้วยตัวเองแล้วน้าของเขาจะไม่สนับสนุนเขาเลยเหรอ?” จางเหมยเหลียนเอ่ย

แม่เฒ่าจางไม่พูดอะไร

จางเหมยเหลียนพูดต่อ “เมื่อถึงตอนที่เขาออกมาใช้ชีวิตตามลำพัง เขาก็คงไม่แย่นักหรอกค่ะ ถึงตอนนั้นเขาจะไม่สามารถหาเงินได้เลยเหรอ? และการที่เขามาอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านของเขามาก เขาก็ต้องอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งมันก็สะดวกที่หนูจะดูแลแม่นะคะ”

แม่เฒ่าจางได้ฟังก็เกิดแรงจูงใจ นางจึงเอ่ยขึ้น “แต่พวกหญิงแก่ปากพล่อยพวกนั้นก็รู้เรื่องที่แกเคยคบกับผู้ชายไปทั่วนะ”

พูดถึงจุดนี้นางก็อดไม่ได้ที่จะหยิกเนื้อลูกสาวและก่นด่า “นอกจากเรื่องที่แกพาพวกเขามาที่ห้องในตอนกลางคืนแล้ว ใครบางคนยังจับแกได้อีก แกคิดว่าตัวเองยังสร้างปัญหาไม่พออีกเรอะ?”

จางเหมยเหลียนรู้สึกทรมานใจนัก ความจริงแล้วหล่อนพาพวกเขากลับมาที่ห้องในยามดึกและบอกให้พวกเขากลับไปในตอนเช้ามืดแล้ว ใครจะรู้ว่าหล่อนยังถูกจับได้อยู่อีก?

“ฉันเกรงว่าคู่รักข้างห้องเราจะไม่เห็นด้วยน่ะสิ” แม่เฒ่าจางเอ่ย

“หลานชายคนหนึ่งจะได้แต่งเมียหรือเปล่า การยอมรับจากพวกเขาก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ” จางเหมยเหลียนไม่เก็บมาคิดจริงจัง

หากชายหนุ่มที่ชื่อหู่จืออยู่ในห้องเช่าร่วมกับหล่อน หล่อนก็จะทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกเสียเอง แล้วอย่างนี้ตระกูลโจวจะไม่ยอมรับได้อย่างไร?

“ความจริงแล้วเด็กคนนั้นก็ดูไม่เลวนะ ติดแค่ว่าเขามีทะเบียนบ้านอยู่ในชนบทและไม่มีความสามารถมากนักเท่านั้นเอง” แม่เฒ่าจางเอ่ย

“มีทะเบียนบ้านในชนบทแล้วอย่างไรล่ะคะ ในอนาคตอาจมีโอกาสย้ายมาที่นี่ก็ได้นี่” จางเหมยเหลียนตอบ

หู่จือไม่รู้จักหล่อนเลย เขาต้องไปทำงานตอนกลางวันและเรียนโรงเรียนภาคค่ำในตอนกลางคืน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็มืดค่ำแล้ว หลังดูทีวีได้นิดหน่อยเขาก็เข้านอน

จางเหมยเหลียนเองก็อาศัยอยู่ข้างนอกชุมชนมากกว่า 2 ปีแล้ว พวกเขาจึงไม่รู้จักกัน

“ครอบครัวจางของฉันอยู่ข้าง ๆ ห้องของคุณอานายน่ะจ้ะ ฉันชื่อจางเหมยเหลียนนะจ๊ะ” จางเหมยเหลียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

หู่จือพยักหน้าและตอบกลับ “ผมมีเรื่องต้องทำน่ะครับ”

หลินชิงเหอไม่ใช่คนที่จะนินทาว่าร้ายตระกูลจาง ยิ่งกว่านั้นครอบครัวตระกูลจางยังเป็นพวกผู้ดีปลอม พวกเขาไม่ได้หมายตาทะเบียนบ้านในชนบทของหู่จือเลย แต่กำลังหมายตาลูกชายคนโตของเธออยู่

หลินชิงเหอจึงไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้ โจวชิงไป๋ยิ่งไม่พูดใหญ่ แถมโจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายก็ยังไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญด้วย

หู่จือจึงรู้เพียงว่าพวกเขามีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวของคุณป้าหม่า แต่ไม่สุงสิงกับครอบครัวจางที่อยู่ข้างห้องเลย ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นไปอย่างราบเรียบ

ไม่อย่างนั้นแล้ว ด้วยนิสัยของคุณน้ากับคุณน้าสะใภ้ พวกเขาต้องมาเยี่ยมเยียนกันในช่วงปีใหม่แล้ว

หู่จือจึงไม่เอ่ยอะไรกับจางเหมยเหลียนมากนัก

แต่ดวงตาของจางเหมยเหลียนกลับเป็นประกาย

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

จะว่าไปแล้วจางเหมยเหลียนก็น่าสงสารนะคะ คบกับใครก็ไม่ยืด แถมพลาดท้องจนต้องทำแท้งอีก แต่ถึงอย่างไรเธอก็ทำตัวเองด้วยแหละ

หู่จือไม่ปลอดภัยแล้ว วอนผู้อ่านช่วยคุ้มครองน้องด้วยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม