ทางตระกูลโจวไม่รู้เลยว่าจางเหมยเหลียนที่กลับบ้านในช่วงปีใหม่กำลังพยายามอย่างเป็นที่สุดให้ตัวเองได้แต่งงาน
หล่อนบอกได้ว่าตระกูลโจวไม่มีความประทับใจที่ดีกับหล่อนเลยจริง ๆ หล่อนเห็นหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋และได้ทักทายคนทั้งคู่ไปก็แล้ว พวกเขากลับเมินหล่อน
จางเหมยเหลียนจึงรู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่ง
ตอนนี้หล่อนไม่ใช่สาวแรกแย้มแล้ว หล่อนต้องการแต่งงานจริง ๆ
2-3 ปีที่ผ่านมาหล่อนออกไปเช่าที่อยู่อาศัยด้วยตัวเอง และได้คบกับใครหลายคน
เมื่อนับรวม ๆ แล้วก็มีทั้งหมด 6 คน 3 คนในนั้นไม่ใช่มนุษย์ หลังหลับนอนร่วมกันมาได้ 1 หรือ 2 เดือนพวกเขาก็ขอเลิกกับหล่อนดื้อ ๆ มีคนหนึ่งที่หล่อนตั้งครรภ์ด้วยและเขาก็ไม่คิดที่จะรับรู้ แล้วหล่อนจะทำอย่างไรได้อีก? ก็ทำแท้งอย่างไรล่ะ
ยังมีอีกสองคนที่ต้องการแต่งงานกับหล่อน
แต่หล่อนไม่ต้องการแต่งงานกับพวกเขา เพราะมันไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากครอบครัวของพวกเขามีคนจำนวนมากแถมยังฐานะยากจนมากด้วย หล่อนจะแต่งงานกับพวกเขาได้อย่างไร?
ดังนั้นหลังจากคิดดูแล้ว จางเหมยเหลียนก็กลับมาหมายตาตระกูลโจวอีกครั้ง
หล่อนคงลืมโจวข่ายไปแล้ว เพราะตอนนี้สายตาของจางเหมยเหลียนจับจ้องไปที่หู่จือ
หล่อนตรวจสอบเรื่องนี้กับแม่เฒ่าจางผู้เป็นแม่ เนื่องจากไม่ได้กลับมาเป็นระยะหนึ่งจึงไม่รู้ถึงสถานการณ์ความเป็นไป สิ่งที่หล่อนไม่รู้ แม่เฒ่าจางรู้ทั้งหมด
“นี่มันเรื่องอะไรกันอีก? แกเกิดอยากแต่งงานกับหู่จือพ่อหนุ่มคนนั้นเรอะ?” แม่เฒ่าจางกลอกตาบ่นพึมพำ
“แล้วมันผิดตรงไหนคะ? หนูคิดว่าเขาก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว” จางเหมยเหลียนตอบ
แม้รูปลักษณ์และความสูงของเขาจะสู้โจวข่ายไม่ได้ แต่เขาก็ไม่เลวเลย หน้าตาของเขาดูไม่แย่และมีส่วนสูงไม่เตี้ยเกินไป อย่างน้อยก็ราว 178 เซนติเมตร สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการที่เขาเป็นญาติกับตระกูลโจว
“ลืมไปซะเถอะ” แม่เฒ่าจางเอ่ยอย่างติดรำคาญ “หู่จือเป็นหลานชายของพวกเขา ครอบครัวของเขามาจากชนบท ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของพวกเขาเลย สองพี่น้องมาที่นี่ก็เพื่อมาขออาศัยด้วย แกยังอยากจะคบกับเขางั้นเหรอ?”
เห็นชัดว่าแม่เฒ่าจางยังไม่รู้ในเรื่องที่หัวมันหวานของครอบครัวนางเป็นหัวมันเน่าและยังคงคิดว่าเป็นแตงลูกงาม นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้นางดูถูกคนอื่น ๆ
“เด็กคนนี้เป็นหลานชายของพวกเขา พวกเขาเปิดร้านตั้งเยอะแยะ ในอนาคตจะไม่มาช่วยเขาได้ยังไงล่ะคะ?” จางเหมยเหลียนรู้สึกว่ายิ่งคิดเรื่องนี้มันก็ยิ่งดูเข้าท่า
หู่จือมีผิวค่อนข้างคล้ำ การอยู่ในเมืองหลวงไม่ทำให้เขาขาวขึ้น แต่จางเหมยเหลียนก็ยังรู้สึกว่าต่อให้เขามาจากชนบทหล่อนก็รับได้
การเป็นคนชนบทนับว่าเป็นเรื่องสมบูรณ์แบบ ในเมื่อสาวเมืองหลวงอย่างหล่อนเต็มใจแต่งงานกับเขา วิญญาณบรรพชนของเขาก็คงจะอยู่อย่างสงบสุขยามที่เขาพาหล่อนกลับไปถูกไหม?
ส่วนเรื่องอย่างชื่อเสียต่าง ๆ ก็ไม่สำคัญ ชื่อเสียงมันกินได้เสียที่ไหนกันล่ะ?
“แม่ เขาเป็นหลานชายของพวกเขานะคะ เขาทำงานให้พวกเขาไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก หากเขาแยกมาอยู่ด้วยตัวเองแล้วน้าของเขาจะไม่สนับสนุนเขาเลยเหรอ?” จางเหมยเหลียนเอ่ย
แม่เฒ่าจางไม่พูดอะไร
จางเหมยเหลียนพูดต่อ “เมื่อถึงตอนที่เขาออกมาใช้ชีวิตตามลำพัง เขาก็คงไม่แย่นักหรอกค่ะ ถึงตอนนั้นเขาจะไม่สามารถหาเงินได้เลยเหรอ? และการที่เขามาอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านของเขามาก เขาก็ต้องอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งมันก็สะดวกที่หนูจะดูแลแม่นะคะ”
แม่เฒ่าจางได้ฟังก็เกิดแรงจูงใจ นางจึงเอ่ยขึ้น “แต่พวกหญิงแก่ปากพล่อยพวกนั้นก็รู้เรื่องที่แกเคยคบกับผู้ชายไปทั่วนะ”
พูดถึงจุดนี้นางก็อดไม่ได้ที่จะหยิกเนื้อลูกสาวและก่นด่า “นอกจากเรื่องที่แกพาพวกเขามาที่ห้องในตอนกลางคืนแล้ว ใครบางคนยังจับแกได้อีก แกคิดว่าตัวเองยังสร้างปัญหาไม่พออีกเรอะ?”
จางเหมยเหลียนรู้สึกทรมานใจนัก ความจริงแล้วหล่อนพาพวกเขากลับมาที่ห้องในยามดึกและบอกให้พวกเขากลับไปในตอนเช้ามืดแล้ว ใครจะรู้ว่าหล่อนยังถูกจับได้อยู่อีก?
“ฉันเกรงว่าคู่รักข้างห้องเราจะไม่เห็นด้วยน่ะสิ” แม่เฒ่าจางเอ่ย
“หลานชายคนหนึ่งจะได้แต่งเมียหรือเปล่า การยอมรับจากพวกเขาก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ” จางเหมยเหลียนไม่เก็บมาคิดจริงจัง
หากชายหนุ่มที่ชื่อหู่จืออยู่ในห้องเช่าร่วมกับหล่อน หล่อนก็จะทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกเสียเอง แล้วอย่างนี้ตระกูลโจวจะไม่ยอมรับได้อย่างไร?
“ความจริงแล้วเด็กคนนั้นก็ดูไม่เลวนะ ติดแค่ว่าเขามีทะเบียนบ้านอยู่ในชนบทและไม่มีความสามารถมากนักเท่านั้นเอง” แม่เฒ่าจางเอ่ย
“มีทะเบียนบ้านในชนบทแล้วอย่างไรล่ะคะ ในอนาคตอาจมีโอกาสย้ายมาที่นี่ก็ได้นี่” จางเหมยเหลียนตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...