หลังวางแผนเรื่องอนาคตกันแล้ว ทั้งคู่ก็ไปที่โรงภาพยนตร์เพื่อไปดูหนัง
ร้านเสื้อผ้า ศูนย์ตัดเย็บเสื้อผ้าขนาดย่อมของหลินชิงเหอ และร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋ปิดกันหมดแล้ว เหลือเพียงร้านเครื่องดื่มที่อยู่ใกล้โรงภาพยนตร์เท่านั้นที่ยังเปิดอยู่
ต่อให้อากาศจะหนาวเย็น ก็ยังมีคนบางคนดื่มเครื่องดื่มและกินไอศกรีมกันอยู่ โดยเฉพาะร้านตรงโรงภาพยนตร์ที่กิจการร้านดีขึ้นกว่าแต่ก่อนถึง 30 เปอร์เซ็นต์
จึงเป็นธรรมดานับจากวันที่ 20 ธันวาคมถึงช่วงปีใหม่ที่หลินชิงเหอจะจ่ายค่าแรงเป็นสองเท่าให้กับเฉิงหยางและเฉิงเยว่
ยิ่งกว่านั้นเธอบอกพวกเขาในเรื่องต้องทำงานล่วงเวลาและไม่มีวันหยุดแล้ว ซึ่งพวกเขาก็เต็มใจอย่างมากที่จะทำ
ปีใหม่ยังคงเป็นเหมือนเดิมอย่างที่ผ่านมา ขณะที่การได้รับค่าแรงสองเท่าไม่ใช่โอกาสที่เกิดได้ทั่วไป ทั้งคู่จึงมีความสุขที่จะทำงานนี้
แต่ถึงอย่างนั้นหลินชิงเหอก็ปล่อยให้พวกเขาได้พักในวันสิ้นปี พวกเขาทำงานเสร็จตอนบ่ายสามโมงและสามารถพักผ่อนได้จนถึงบ่ายสามโมงของวันถัดมา จากนั้นพวกเขาจะต้องกลับมาเปิดร้านต่อ
ปีนี้หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋พาครอบครัวของพวกเขาไปร่วมโต๊ะอาหารที่บ้านท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวอีกครั้ง
ไม่ได้มีแค่พวกเขาเท่านั้น หวังหยวนก็ไปที่นั่นด้วย เฒ่าหวังเองก็เช่นกัน ซึ่งโจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายเป็นคนเชิญพวกเขาไปเมื่อนานมาแล้ว
“ปีนี้เจ้าใหญ่ไม่ได้กลับมาเลยนะ” ท่านแม่โจวเอ่ยขึ้น
หญิงชราคิดถึงหลานชายของนางมาก ในบรรดาหลานชายหลานสาวมากมาย นางล้วนรักใคร่พวกเขาทั้งหมด แต่คนที่นางรักมากที่สุดก็คือโจวข่ายหลานชายคนโต
“เขาโทรกลับมาบอกแล้วค่ะว่ากลับมาที่นี่ไม่ทัน” หลินชิงเหอเอ่ย
“วันปีใหม่ทั้งทีกลับต้องอยู่นอกบ้าน…ฉันไม่รู้เลยว่าเขาจะได้กินเกี๊ยวร้อน ๆ บ้างหรือเปล่า” ท่านแม่โจวเอ่ยต่อ
หลินชิงเหอไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอรู้ดีว่าหญิงชรามีความรู้สึกอย่างไรต่อหลานชายของนาง
“จะไม่ได้กินเกี๊ยวร้อน ๆ ได้อย่างไรล่ะครับ? คุณย่าคิดมากเกินไปแล้ว ตอนนี้มันยุค 80 แล้วนะครับ” โจวกุยหลายตอบ
“คราวที่แล้วฉันได้ยินกังจือบอกว่าเธอทำเนื้อแดดเดียวไว้เยอะเลยงั้นเหรอ?” ท่านแม่โจวหันมาถามลูกสะใภ้คนเล็กอีกครั้ง
“ค่ะ คราวที่แล้วเขาโทรกลับมาบอกฉันว่าปีหน้าให้ทำเนื้อแดดเดียวส่งไปให้เขามากกว่านี้น่ะค่ะ” หลินชิงเหอยืนยัน
“ถ้าถึงเวลาแล้วบอกฉันด้วยนะ ฉันจะได้ทำน่องไก่อบไปให้ มันคงมีรสชาติไม่ด้อยกว่าเนื้อแดดเดียวหรอก” ท่านแม่โจวพูด
หลินชิงเหอตกลง
ทั้งครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า ในบ้านมีคนทั้งหมด 17 คน ซึ่งถือว่าค่อนข้างมาก อาหารมื้อเย็นในวันสิ้นปีจึงต้องแบ่งออกเป็นสองโต๊ะ เพราะเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะนั่งเบียดกันในโต๊ะเดียว
พวกเขาดูทีวีขณะกินอาหารเย็นประจำวันสิ้นปี เสียงพูดคุยและหัวเราะดังก้องไปทั่ว ฟังแล้วช่างครึกครื้นยิ่งนัก
โดยเฉพาะเมื่อมีหวังหยวนผู้เป็นว่าที่ลูกเขยของครอบครัวโจวเข้ามาร่วมโต๊ะอาหารด้วย
หลังกินเสร็จแล้ว โจวเอ้อร์นีก็ทำหน้าที่ล้างจานกับโจวเฉวี่ยน หู่จือ และคนอื่น ๆ ซึ่งตอนที่อาศัยอยู่บ้านเก่าในชนบท พวกเด็กชายก็ได้ทำงานบ้านด้วยเหมือนกัน
หลังล้างจานเสร็จแล้ว โจวกุยหลายก็พูดกับหวังหยวน “พี่หวังหยวน กฎของตระกูลโจวเราก็คือผู้ชายต้องทำงานหาเงินนอกบ้าน และเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว พวกเขาก็ต้องช่วยทำงานบ้านด้วยนะครับ”
“ในอนาคตฉันคงทำพร้อมกับพี่เอ้อร์นีของนายล่ะ” หวังหยวนพยักหน้าราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ
โจวเอ้อร์นีเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่งและเอ่ยกับหลินชิงเหอและโจวเสี่ยวเหมย “คุณอาสะใภ้สี่ คุณอาเล็ก หนูนำผ้าพันคอมาให้น่ะค่ะ ลองดูนะคะว่าชอบหรือเปล่า”
“หนูไม่จำเป็นต้องเอามาให้เลยนี่จ๊ะ” หลินชิงเหอยิ้ม
“ใช่แล้วล่ะ คุณอาเขยเล็กก็เพิ่งซื้อมาให้ฉันเมื่อสองวันก่อนนี้เอง” โจวเสี่ยวเหมยเอ่ยเช่นกัน
แต่ถึงจะบอกไปอย่างนั้น ทั้งสองก็ยังเดินเข้าไปในห้องอยู่ดี แล้วโจวเอ้อร์นีก็หยิบผ้าพันคอออกมาให้ ซึ่งพวกมันเป็นผ้าพันคอที่ดูทันสมัยเป็นอย่างมาก.
“คราวหน้าไม่ต้องใช้จ่ายเงินมากขนาดนี้แล้วนะ” โจวเสี่ยวเหมยบอกหล่อน
โจวเอ้อร์นียิ้ม จากนั้นก็กระซิบ “อาสะใภ้สี่คะ อาเล็กคะ หวังหยวนอยากให้ฉันไปกินอาหารเย็นที่บ้านของเขาในวันพรุ่งนี้น่ะค่ะ”
หลินชิงเหอกับโจวเสี่ยวเหมยมองสบตากัน
“เธอคิดว่ายังไงล่ะ?” หลินชิงเหอถามหล่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...