บทที่ 413 เนื้อหอม
จางเหมยเหลียนกับหู่จือเดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้า ระหว่างทางหล่อนก็ถามเขาหลายเรื่อง
หู่จือไม่ได้สนใจหล่อนมากนัก เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้พูดจาปากไม่มีหูรูดนิดหน่อย หล่อนเอาแต่พูดเอาแต่ถามเขาตลอดทางที่เดินมาด้วยกัน
ครู่หนึ่งหล่อนถามว่าครอบครัวของเขามีพี่น้องทั้งหมดกี่คน ต่อจากนั้นก็เรื่องเงินเดือนของเขา
“อย่าถือสาที่ฉันถามคุณมากมายแบบนี้เลยค่ะ คือ ฉันเห็นว่าคุณดูหน่วยก้านดีอยู่ ก็เลยอยากแนะนำคุณให้ผู้หญิงคนหนึ่งน่ะค่ะ” จางเหมยเหลียนกล่าวด้วยรอยยิ้มฉาบบนใบหน้า
ถึงตอนนี้เองหู่จือจึงเข้าใจ ชายหนุ่มที่โตเต็มที่จนมีอายุ 19 ปีในปีนี้อย่างเขา หากอยู่ในชนบทก็คงได้แต่งงานมีภรรยาไปแล้ว
เขาจึงออกอาการเขินอายเล็กน้อยและบอกกลับไป “ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมจะกลับไปที่ชนบทแล้วก็แต่งงานกับใครสักคนที่นั่นอยู่แล้ว”
“หา?” จางเหมยเหลียนอึ้งไป “ในอนาคตคุณจะกลับไปแต่งภรรยาที่ชนบทเหรอคะ?”
“ผมมีทะเบียนบ้านอยู่ที่ชนบทน่ะครับ ก็ต้องแต่งงานกับคนในชนบทเป็นเรื่องธรรมดา” หู่จืออธิบายอย่างซื่อตรง
เขาไม่เคยคิดที่จะแต่งภรรยาจากเมืองหลวงนี้ ทะเบียนบ้านในชนบทกับทะเบียนบ้านในเมืองค่อนข้างแตกต่างห่างชั้นกันเกินไป
มีหญิงสาวหลายคนที่อาศัยในชนบทแต่งงานเข้ามาในเมืองใหญ่แล้วได้ทะเบียนบ้านอยู่ในเมือง ส่วนสาวจากเมืองใหญ่ที่แต่งงานกับชายชนบทก็จะได้ทะเบียนบ้านในชนบท
ซึ่งน้อยคนนักที่จะเต็มใจ หู่จือจึงไม่อยากคิดอะไรในเรื่องแบบนี้เลย
ที่แน่ใจก็คือ เขาเป็นเพียงชายหนุ่มไร้การศึกษาและมารยาทจากชนบท เขาจึงไม่มีความทะเยอทะยานใด ๆ แต่ในตอนนี้หล่อนไม่สามารถหาใครที่ดีกว่าเขาได้อีกแล้ว
“เรื่องทะเบียนบ้านก็เป็นแค่ของนอกกายเท่านั้นล่ะค่ะ ไม่ใช่ว่าหญิงสาวที่นี่ทุกคนจะไม่ชอบหนุ่มชนบทสักหน่อย ยังมีหญิงสาวบางคนที่ไม่สนใจเรื่องนี้ตราบใดที่พวกเขาเป็นคนดีอยู่นะคะ” จางเหมยเหลียนพูด
หล่อนรู้สึกว่าหญิงสาวชาวกรุงอย่างตัวหล่อนที่ไม่สนใจว่าเขาจะเป็นตาสีตาสาจากชนบท ยังหาได้ยากยิ่งแม้จะเปิดไฟหาแล้วก็ตาม
“นั่นก็จริงครับ แต่ก็มีน้อยมาก ผมไม่คิดว่าจะหาเจอสักคนหนึ่งหรอกครับ” หู่จือส่ายหน้า
หากเขาสามารถแต่งงานกับสาวเมืองหลวงได้ก็คงจะเป็นเรื่องยอดเยี่ยม หู่จือไม่ได้โง่ในเรื่องนี้ หลังจากที่ลูกของเขาเกิดมา เขาหรือหล่อนก็จะมีครอบครัวฝั่งยายอยู่ที่เมืองหลวง นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับตัวเด็กเอง
แต่เขาก็มองตามหลักความเป็นจริงด้วยเหมือนกัน ไม่ได้แต่งงานกับสาวเมืองหลวงก็ไม่เป็นไร มันคงไม่ต่างจากการที่เขากลับบ้านเกิดแล้วไปแต่งงาน หลังจากนั้นเขาคงจะพาหล่อนมาที่นี่ได้ โดยสรุปแล้วเขาก็ได้แต่งงานกับใครสักคนอยู่ดี
“คุณเป็นคนดีไม่น้อยเลยนะคะ คุณน่าจะหาใครสักคนเจอ หากว่าคุณได้แต่งงานกับสาวเมืองหลวงสักคนแล้วคุณจะให้อะไรหล่อนเหรอคะ?” จางเหมยเหลียนถาม
อ่านนิยาย
หู่จืออึ้งไป “ผมไม่มีอะไรจะให้หรอกครับ”
เขามีแค่เงินเดือนซึ่งตามหลักต้องให้ภรรยาอยู่แล้ว ส่วนอย่างอื่นนั้น เขาไม่มีอะไรเลยจริง ๆ
จางเหมยเหลียนอ้ำอึ้งไปอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาต่อดี
การมีทะเบียนบ้านในชนบทก็เพียงพอแล้วว่าคน ๆ นี้เป็นตอไม้ตอหนึ่ง เขาไม่เข้าใจความนัยที่แฝงอยู่เลยสักนิด
และหล่อนก็บอกได้ว่าในครอบครัวของเขาจะต้องมีพี่น้องหลายคน ซึ่งพวกเขาคงจะมีฐานะยากจนมาก
จางเหมยเหลียนรู้สึกลังเลขึ้นมา
หล่อนซื้อแป้ง 10 ชั่งและถือมาที่บ้าน นับว่าเป็นปริมาณฟุ่มเฟือยไม่น้อย
สะใภ้บ้านจางที่เห็นหล่อนซื้อแป้งกลับมามากมายเช่นนี้ก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มจริงใจ เมื่อเห็นสีหน้าของน้องสามีแล้วหล่อนก็ถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? หนุ่มข้างห้องที่ชื่อหู่จือให้เธอมาเหรอ?”
“พี่สะใภ้ ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะไปต่อกับเขาดีหรือเปล่าน่ะค่ะ” จางเหมยเหลียนเอ่ยความในใจ
“ทำไมจู่ ๆ ก็พูดแบบนี้ล่ะ?” สะใภ้บ้านจางเอ่ย
“พี่สะใภ้ไม่รู้อะไร ครอบครัวของเขายากจนมากและยังมีพี่น้องหลายคน ผู้ชายคนนี้ต่อให้เขาจะตัวสูง แต่ก็ทึ่มเหมือนตอไม้ ไม่มีไหวพริบเอาเสียเลย เป็นแบบนี้แล้วฉันจะหวังให้เขาออกมาทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเองในอนาคตได้เหรอคะ?” จางเหมยเหลียนตอบ
สะใภ้บ้านจางไม่สนใจเรื่องนี้และเอ่ยกลับไป “พี่ไม่แน่ใจว่าเขาจะออกมาทำงานเพียงลำพังได้ไหม แต่ที่พี่รู้ก็คือปีนี้น้าสะใภ้ของเขาจะขึ้นเงินเดือนให้เขาอีกครั้ง แค่เงินเดือนอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะเลี้ยงเธอได้แล้วต่อให้เขาไม่ออกมาทำงานด้วยตัวเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...