บทที่ 414 หู่จือคนซื่อ
แม่เฒ่าหูมาหาแม่เฒ่าจูด้วยท่าทางกระตือรือร้น
แต่แม่เฒ่าจูกลับสวนใส่จนนางสลด “อะไรนะ? แกอยากจะจับคู่เจินเจินของฉันกับเด็กบ้านนอกที่ชื่อหู่จือเรอะ? แกเป็นแม่สื่อประสาอะไรกันฮึ? ในความคิดแก แกคิดว่าเจินเจินของฉันขายไม่ออกงั้นเรอะ?”
ทันทีที่แม่เฒ่าหูเอ่ยเรื่องนี้ขึ้น แม่เฒ่าจูก็สาดน้ำเย็นใส่ ทำให้นางรู้สึกฉุนขึ้นมาเล็กน้อย
นางมาที่นี่เพราะหวังดี แต่ไม่คิดเลยว่าแม่เฒ่าจูจะไม่ไว้หน้านางแม้แต่น้อย “ถ้าแกไม่เต็มใจก็ช่างเถอะ”
“เจินเจินของฉันไม่มีทางแต่งงานด้วยแน่ ทะเบียนบ้านในชนบทเรอะ? จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง?” แม่เฒ่าจูรู้สึกโมโห จากนั้นนางก็เอ่ยต่อ “บ้านโจวขอให้แกมาเหรอ?”
แม่เฒ่าหูปฏิเสธ
แต่แม่เฒ่าจูปักใจไปแล้วว่าเป็นบ้านโจวที่ขอให้แม่เฒ่าหูเป็นตัวแทนมาพูดกับนาง “พวกเขาเกิดความคิดแบบนี้ขึ้นมาจนได้ ถ้าเป็นโจวข่ายละก็ค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อย”
แม่เฒ่าหูกลับไปที่บ้าน ไม่อยากเสวนากับแม่เฒ่าจูต่อให้เปลืองน้ำลายอีก
เมื่อเห็นนางกลับมาที่บ้านด้วยสีหน้าบูดบึ้ง พ่อเฒ่าหูก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ตอนนี้ทั้งสองตระกูลเป็นญาติกันแล้ว คุณไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นแล้วนะ”
แม่เฒ่าหูเอ่ยตอบ “ไม่ใช่ครอบครัวโจว แต่เป็นครอบครัวจูข้างบ้านเราต่างหาก พวกเขาไม่อยากได้หน้ากันเลยจริง ๆ!”
ให้พูดตามตรงก็คือ แม่เฒ่าหูรู้สึกถูกใจหู่จือจริง ๆ
เพราะเด็กหนุ่มตัวโตคนนี้ทั้งมีชีวิตชีวาและมีร่างกายสูงใหญ่ แม้เขาจะมีทะเบียนบ้านอยู่ที่ชนบท มันก็ไม่ถือเป็นเรื่องแย่หรอก
แต่เป็นเพราะนางไม่มีหลานสาวเป็นของตัวเอง นางถึงได้แนะนำเขาให้กับใครสักคนที่เปรียบเหมือนหลานสาวของนาง
แม่เฒ่าจูนั่นสายตาสั้นจริง ๆ นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยเหรอ? การมีคนอย่างน้าและน้าสะใภ้ที่พาเขามาอยู่ใกล้ ๆ จะทำให้เขาก้าวหน้าในหน้าที่การงานในอนาคตนะ
มันก็แค่ทะเบียนบ้านเท่านั้นเอง ซึ่งยุคนี้ก็ไม่เคร่งกับเรื่องนี้กันมากแล้ว ต่อให้คน ๆ นั้นไม่ได้มีทะเบียนบ้านอยู่ที่นี่ พวกเขาก็มาเช่าบ้านอยู่อาศัยได้ แล้วจะมีปัญหาอะไรล่ะ?
แต่พอได้ยินว่าเป็นหู่จือนางก็ไม่ยินยอม เพราะการที่เขามีทะเบียนบ้านอยู่ในชนบท ยิ่งกว่านั้นนางยังไม่ตัดใจกับความคิดเดิมอีกต่างหาก ซึ่งดูจากนิสัยของจูเจินเจินแล้วคงจะแปลกพิลึกหากหล่อนได้แต่งงานกับโจวข่าย
“เป็นม้าที่ไม่รู้ตัวว่าหน้ายาวจริง ๆ!” แม่เฒ่าหูแค่นเสียง
ทันใดนั้นเอง พ่อเฒ่าหูก็เข้าข้างภรรยาและพยักหน้าเห็นด้วย “พ่อหนุ่มคนนั้นเป็นคนดีจริง ๆ”
“ใช่ไหมล่ะคะ?” แม่เฒ่าหูเอ่ย “จูเจินเจินมีพี่สาวน้องสาวตั้งหลายคนและมีน้องชายแค่คนเดียว สาว ๆ พวกนี้ไม่คู่ควรกับอะไรเลย เพราะบ้านจูเลือกปฏิบัติต่อผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ตอนนี้กำลังมีการวางแผนครอบครัวกัน บางทีในอนาคตพวกเขาก็จะได้ลูกสาวด้วย พวกเขาไม่ได้รังเกียจหล่อนแต่หล่อนกลับไม่ชอบเขา”
“อย่าพูดเรื่องพวกนี้เลย” พ่อเฒ่าหูโบกมือ “แล้วก็ไม่ต้องคอยกังวลกับเรื่องนี้ด้วย ตอนนี้ผมล่ะอายนักเวลาต้องไปเล่นหมากรุกกับเฒ่าโจว”
“คุณไปทำอะไรเข้าล่ะ? เสี่ยวจวินกับเชิ่งเหม่ยตอนนี้ก็อยู่ดีมีสุขกันไม่ใช่เหรอ?” แม่เฒ่าหูตอบ
นางรู้สึกโศกสลดจากคำตำหนิทุกอย่างที่ได้รับจากท่านแม่โจว
เดิมทีนางแค่อยากให้พวกเขาได้ผูกชะตากันอย่างบริสุทธิ์ใจ สาบานกับฟ้าดินเลยก็ได้ว่านางไม่มีความคิดอกุศลแม้แต่น้อย ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?
แม้เหลนชายของนางจะทำผิดจริง แต่เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก ถ้าเชิ่งเหม่ยไม่เห็นชอบด้วย เหลนชายของนางจะบังคับหล่อนไหม? ตั้งแต่ต้นจนจบนางยังไม่เห็นว่าหล่อนจะโศกเศร้าเสียใจอะไรเลย
ทำไมฝ่ายนั้นต้องตำหนินางด้วย? เชิ่งเหม่ยได้แต่งงานเข้าตระกูลจ้าวแล้ว ดูสิว่ามันวิเศษแค่ไหน มันแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?
“พวกเขาไม่ได้อยากจะยกระดับฐานะตัวเองขึ้นเลยด้วยซ้ำ” พ่อเฒ่าหูโบกมือ
อ่านนิยาย
“ตระกูลโจวก็แค่เสแสร้งว่าเป็นคนดีมีศีลธรรมเท่านั้นล่ะค่ะ” ได้ยินดังนี้ แม่เฒ่าหูก็เบ้ปาก
พ่อเฒ่าหูตอบกลับ “ทำไมต้องยกระดับฐานะตัวเองด้วย? ตระกูลโจวไม่คิดจะทำเรื่องนี้เลย จากที่ผมเห็น ครอบครัวนั้นน่ะดีจะตาย”
“คุณจะไปรู้อะไร? ฉันเห็นมาหมดแหละ หลานสาวตระกูลโจวคนนั้นที่ชื่อโจวเอ้อร์นีมีแฟนแล้ว เป็นคนในเมืองหลวงด้วย แค่เหลือบมองก็บอกได้ว่าเขารวยขนาดไหน!” แม่เฒ่าหูแค่นเสียง
“ฉันต้องขอบอกกับคุณว่าขอโทษด้วยนะคะ แต่ฉันไม่อาจแต่งงานไปอยู่ที่ชนบทได้” จูเจินเจินหันหน้าจากไปและเอ่ยต่อ
ฐานะครอบครัวของหล่อนยากจนเช่นกัน หล่อนจะแต่งงานกับคนที่ยากจนกว่าได้อย่างไร? ถ้าเป็นโจวข่ายที่ยินดีจะแต่งงานกับหล่อน หล่อนถึงจะเต็มใจ
เพราะหล่อนได้ยินมาว่าเขามีฐานะครอบครัวดีมาก และจะช่วยเหลือครอบครัวฝั่งแม่ของหล่อนได้ในอนาคต
หู่จือเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที แต่เขาก็ยังงุนงงอยู่ นี่มัน…สถานการณ์อะไรกันน่ะ?
เห็นสีหน้าที่ดูราวกับตะลึงงันไปของเขา จูเจินเจินก็รู้สึกว่าหล่อนช่างโหดร้ายไม่น้อย แต่หล่อนก็ยังพูดต่อ “คุณ…คุณไม่ต้องคิดถึงฉันหรอกค่ะ ฉันขอขอบคุณในความรู้สึกที่คุณมีต่อฉัน แต่เราไม่คู่ควรที่จะอยู่ด้วยกันจริง ๆ ค่ะ”
หู่จือกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ท่านแม่โจวก็ออกมาเห็นเข้าเสียก่อน แล้วนางก็เอ่ยรัวเร็ว “หู่จือ กวาดหิมะเสร็จหรือยัง? ถ้ากวาดเสร็จแล้วก็เข้ามานะ ยายจะให้ดื่มน้ำแกงไก่ขณะที่ยังร้อน ๆ!”
“อ๋อ เสร็จแล้วครับ” หู่จือเก็บคำพูดที่ต้องการจะพูดกลับคืนและทิ้งคนที่ทำให้เขาสับสนไว้เบื้องหลัง
ท่านแม่โจวเองก็เมินจูเจินเจินเหมือนกัน ยัยเด็กงี่เง่าคนนี้นี่
แต่หลังจากเข้ามาในบ้านแล้ว นางก็ยังถามเรื่องนี้กับหลานชาย “เกิดอะไรขึ้น? เธอไปคุยอะไรกับจูเจินเจิน?”
“ผมยังไม่รู้เลยครับว่าหล่อนพูดถึงเรื่องอะไร” หู่จือตอบ เขาไม่รู้เลยจริง ๆ แถมไม่รู้จักชื่อหล่อนด้วย แล้วเขาจะมีความรู้สึกอะไรกับหล่อนได้อย่างไร?
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สรุปแม่เฒ่าหูนี่เป็นแม่สื่อหรือแม่เ-ือกคะ จับคู่ให้ใครทีไรพังพินาศทุกคู่ เข้าใจผิดกันไปใหญ่โตเลยทีนี้ หู่จือยิ่งซื่อๆ ไม่ทันโลกอยู่
เจินเจินท่าจะอาการหนักนะ หนูไปโดนตัวไหนมาล่ะเนี่ย เอายาสลายมโนไปกินก่อนนะคะ อ้อ อย่าลืมเอาไปให้คุณยายหนูกินด้วยล่ะ รายนั้นก็มโนหนักไม่แพ้กัน
ไหหม่า (海馬)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...