ไม่มีใครรู้ว่าสวี่เชิ่งเหม่ยกลับไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง และไม่มีใครให้ความสนใจกับหล่อนด้วยเช่นกัน
เมื่อหลินชิงเหอกลับมาในช่วงบ่าย เธอก็ได้ดื่มน้ำแกงไก่ที่โจวชิงไป๋ตุ๋น
“แม่บอกให้ต้าหลินเอามาให้น่ะครับ” โจวชิงไป๋บอก
หลินชิงเหอเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรจึงกลอกตาใส่เขา
เนื่องจากทัศนคติของเธอที่มีต่อสวี่เชิ่งเฉียง จึงทำให้ท่านแม่โจวในฐานะที่เป็นคุณยายของเขาได้แสดงความคิดเห็นออกมาไม่มากก็น้อย แต่ในตอนนี้ นางน่าจะพอเข้าใจสถานการณ์แล้วจึงได้อยากจะเอาใจเธอ
ถ้าเรื่องนี้ย้อนกลับไปในตอนที่เธอยังอายุน้อยกว่านี้แล้วละก็ เธอจะไม่ยอมจิบน้ำแกงไก่นี้เลย แต่เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น เธอก็อายุเกือบจะ 40 แล้ว
ตอนแรกเริ่มเธอไปอาละวาดใส่ท่านพ่อหลินและท่านแม่หลินเพื่อที่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเขา รวมทั้งตอนที่ท่านพ่อหลินกับท่านแม่หลินมาขอร้องเรื่องของพี่ชายรองตระกูลหลินและวิงวอนให้โจวชิงไป๋ช่วยเหลือเขาออกมา
ในเวลานั้น หลินชิงเหอยังมีจิตใจแข็งกระด้างเป็นอย่างมาก
ทว่าในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ หล่อนได้บ่มเพาะนิสัยในเรื่องความมีคุณธรรมขึ้นมา ท้ายที่สุดแล้วการเป็นคนอารมณ์ร้อนและฉุนเฉียวง่ายก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ความใจเย็นและการไม่หงุดหงิดต่างหากที่เป็นหนทางช่วยรักษาสุขภาพให้ดี
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจท่านแม่โจวมากนัก อย่างไรเสียแม้จะไม่เห็นแก่หน้าภิกษุสงฆ์ ก็ต้องเห็นแก่หน้าพระพุทธรูปด้วย(1) ตราบใดที่นางยังไม่มาแสดงความคิดเห็นที่ไร้ความรับผิดชอบต่อหน้าเธอ เธอก็จะไม่สนใจหญิงชราคนนี้เพื่อเห็นแก่ชิงไป๋ของเธอ
“บ่ายนี้เราจะไปกันตอนไหนคะ?” หลินชิงเหอเปลี่ยนเรื่อง
“หลังจากกินเสร็จแล้วก็พักผ่อนสักหน่อย เราถึงจะไปกันครับ” โจวชิงไป๋บอก
อีกสักพักหนึ่งโจวเฉวี่ยนและคนอื่นก็กลับมาถึง โจวชิงไป๋เตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว และบอกให้โจวเฉวี่ยนเอาไปให้เอ้อร์นี หู่จือและคนอื่น ๆ ด้วย ส่วนครอบครัวของพวกเขากินอาหารกันที่ร้านเกี๊ยว
“เจ้ารอง เฝ้าร้านด้วยนะ” หลินชิงเหอพูด
“ม้าจะไปว่ายน้ำเหรอครับ?” โจวกุยหลายถาม
“ลูกยังต้องไปเรียนทบทวนอีกนี่ ลูกไปไม่ได้หรอก เล่นบอลหลังเลิกเรียนไปก็แล้วกันนะ” หลินชิงเหอโบกมือ
ในเวลานี้เป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคมแล้ว ยังมีเวลาเหลืออยู่อีกครึ่งเดือนก่อนจะถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย
โจวกุยหลายไม่ใส่ใจและพูดขึ้นว่า “พอสอบเสร็จแล้ว ผมจะไปทุกวันเลย”
หลังจากนั้น เขาก็ถอนใจขึ้นมาอีกครั้ง “นี่มันนานมากแล้วนะครับ นับตั้งแต่ที่ผมได้ไปว่ายน้ำในครั้งสุดท้าย”
“เมื่อสอบเสร็จแล้ว ลูกจะต้องไปตั้งร้านแผงลอยขายเสื้อผ้ากับหู่จือ” หลินชิงเหอกล่าว
“ม้าต้องการให้ผมไปขายของแผงลอยริมถนนเหรอครับ?” ดวงตาของโจวกุยหลายเบิกกว้างขึ้น
“หรือลูกต้องการจะอยู่บ้านเฉย ๆ แล้วทำตัวเป็นคุณชายล่ะ” หลินชิงเหอย้อน
เธอทิ้งเขาไว้ที่นั่นแล้วกลับไปที่ตึกอะพาร์ตเมนต์กับโจวชิงไป๋เพื่องีบหลับสักครึ่งชั่วโมง จากนั้นทั้งคู่ก็หยิบชุดว่ายน้ำและไปที่นั่น
ต้องกล่าวว่า ปีนี้มีความก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมากจริง ๆ ตอนนี้มีสถานที่อย่างเช่นสระว่ายน้ำแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหญิงสาววัยเยาว์ทั้งหลายต่างกำลังเล่นน้ำกันในชุดว่ายน้ำ
“ยัยแก่หน้าเหลือง(2) อย่างฉันสู้เด็กสาว ๆ ไม่ได้เลย เฮ้อ” หลังจากที่มาถึง หลินชิงเหอก็ถอนหายใจ
“คุณยังสาวอยู่เลยครับ” โจวชิงไป่เปลี่ยนกางเกงว่ายน้ำแล้วกล่าวพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น
หลินชิงเหอค้อนใส่เขาอย่างร่าเริง เขามักจะชมเธออยู่เสมอเลย จนทำให้เธอรู้สึกตัวลอยขึ้นมานิดหน่อยจากคำชื่นชมเหล่านี้
แต่จริง ๆ ผิวของเธอนั้นปกติก็ดูขาวอยู่แล้ว หลังจากที่ได้มาอยู่ที่ปักกิ่ง สภาพแวดล้อมที่นี่หล่อเลี้ยงผู้คนจนทำให้ผิวของเธอยิ่งขาวขึ้นไปอีก อีกทั้งเธอยังคอยดูแลรูปร่างของตัวเองอยู่ตลอด
อย่ามองว่าเธออายุ 30 กว่าจนเกือบจะ 40 แล้ว ถึงอย่างนั้นรอบเอวของเธอก็ไม่มีไขมันส่วนเกินเลย
นอกจากนี้ เธอยังมีบุคลิกที่มีสง่าราศีเป็นพิเศษ เมื่อเดินออกไปในชุดว่ายน้ำสีแดงแล้ว เธอก็เป็นที่สะดุดตาอย่างมาก
แน่นอนว่า ชิงไป๋ของบ้านเธอก็ไม่ได้แย่เช่นกัน ถึงแม้ในช่วงไม่กี่ปีนี้ เขามีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น จนทำให้บริเวณหน้าท้องเริ่มมีเนื้อมีหนังขึ้นมาเล็กน้อยก็ตาม
ทว่าโดยรวมแล้วก็ยังมีสภาพร่างกายที่ดีมาก
ทั้งคู่วอร์มอัพร่างกายกันอยู่สักครู่หนึ่งก่อนที่จะลงน้ำ พวกเขาสามารถว่ายน้ำได้นานที่สุดแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ระหว่างนั้นพวกเขาก็จะพักกินน้ำและของว่างด้วย
แม้ว่าสระน้ำที่นี่จะว่ายเป็นเส้นตรง แต่ระยะทางก็ไม่ได้ใกล้นัก
“ฉันไม่ได้ออกกำลังกายมาพักใหญ่ ร่างกายของฉันว่ายต่อไปอีกไม่ไหวแล้วละค่ะ” หลินชิงเหอพูดขึ้นด้วยความเหนื่อยหอบ หลังจากที่ว่ายน้ำไปกลับแล้ว
การว่ายน้ำทำให้ร่างกายเหนื่อยมาก แม้ร่างกายทุกส่วนจะได้ออกกำลังกายและมันก็เป็นกีฬาที่ดี แต่ว่ามันก็ทำให้เหนื่อยล้าได้ง่ายอย่างไม่ต้องสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...