หลินชิงเหอได้ฟังแล้วจึงกล่าวตอบ “เมื่อทำธุรกิจ เราก็ต้องมีความซื่อสัตย์ เราไม่ปล่อยให้คนของคุณต้องเดินทางไปโดยสูญเปล่าหรอกค่ะ ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเราเลย ใครจะไปทำเรื่องที่ร้ายกาจอย่างนั้นได้คะ?”
“พวกคุณดูเป็นคนดี ฉะนั้น ผมจะเชื่อพวกคุณ แต่ถ้าเป็นคนอื่น ผมอาจจะไม่เชื่อหรอกนะครับ” เถ้าแก่ร้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ครั้งนี้หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ซื้อสินค้าอาหารทะเลแห้งจนเต็มรถบรรทุก ของทั้งหมดถูกบรรจุลงในกล่อง เมื่อรวมกันแล้วยอดเงินทั้งหมดที่ซื้อขายกันในครั้งนี้นับเป็นเกือบ 3,000 หยวนทีเดียว!
แม้เถ้าแก่ร้านอาหารทะเลจะทำธุรกิจซื้อขายสินค้ามามาก แต่ครั้งที่มียอดขายถึง 3,000 หยวนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นได้ในทุก ๆ เดือน
“ปูทะเลพวกนี้เพิ่งจะถูกจับมาได้ ผมให้พวกคุณเป็นของขวัญสำหรับการร่วมมือกันในอนาคตครับ” เถ้าแก่อาหารทะเลดีใจมากที่วันนี้ขายได้ในปริมาณมากเช่นนี้ เห็นได้ว่าหลินชิงเหอและโจวชิงไป๋เป็นคนที่เชื่อถือได้ จึงเป็นธรรมดาที่เขาย่อมไม่รังเกียจที่จะแสดงน้ำใจออกมา
กล่องแช่แข็งที่ใส่ปูมัดไว้ได้ถูกนำมามอบให้
หลินชิงเหอไม่ได้สงวนท่าที เธอรับของและยังขอเบอร์โทรศัพท์ของเขาเอาไว้อีกด้วย เมื่อใดที่ต้องการสั่งซื้อสินค้า เธอจะโทรศัพท์มาหาเขา
จากนั้นหลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ก็ขับรถออกมา
ระหว่างทาง โจวชิงไป๋ยังคงรู้สึกสับสนอยู่และได้เอ่ยขึ้นว่า “ทำไมอยู่ดี ๆ คุณถึงได้อยากจะเปิดร้านขายอาหารทะเลแห้งล่ะครับ?”
ก่อนจะมาที่นี่ พวกเขาตั้งใจจะมาซื้อสินค้าบางอย่างเพื่อเอากลับไปกินที่บ้านเท่านั้น
หลินชิงเหอยิ้มพลางตอบว่า “เปิดร้านก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงครอบครัวเราก็กินของพวกนี้กันอยู่แล้ว เปิดร้านเอาไว้ที่นั่นเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยนะคะ”
ของเหล่านี้เป็นสินค้าพิเศษเฉพาะจากทางตอนใต้ ซึ่งหาซื้อได้ยากมากในปักกิ่ง
หลินชิงเหอชอบอาหารทะเลประเภทนี้มาก ทั้งหมดเป็นอาหารทะเลแห้ง ทำให้เก็บไว้ได้ค่อนข้างนาน อีกทั้งกำไรก็ไม่น้อยเลย
โดยปกติแล้วพวกมันจะทำกำไรได้ถึงครึ่งต่อครึ่ง บางอย่างอาจได้กำไรถึง 60%
สินค้าพวกนี้ราคาไม่ถูกเลย แค่ขายให้ได้สัก 2-3 อย่างต่อวัน ในเดือนนั้นพวกเขาก็สามารถทำเงินได้มากแล้ว
นี่คือเหตุผลว่าทำไมหลินชิงเหอถึงได้เกิดความคิดนี้ขึ้นมาในตอนนั้นว่าอยากจะทำธุรกิจนี้ ในเวลาที่ครอบครัวต้องการจะกินก็สะดวก อีกอย่างการมีร้านค้าเพิ่มขึ้นก็เป็นผลดีด้วย
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะได้เข้าไปทำธุรกิจในสาขาที่แตกต่างกันออกไป ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรกับการได้ลองทำธุรกิจหลาย ๆ อย่าง
ครั้งนี้มีทั้งกุ้งแห้ง เปลือกกุ้งแห้งและอื่น ๆ อีกมากมาย พวกมันบรรจุอยู่ในกระบะด้านหลังของพวกเขาจนเต็มคันรถ
เมื่อขับรถบรรทุกมาจนถึงชานเมืองแล้ว หลินชิงเหอก็เก็บรถบรรทุกเข้าไปในมิติ จากนั้นพวกเขาก็ใช้รถจักรยานในการเดินทาง ทั้งคู่ขี่จักรยานมาถึงสถานีรถไฟ จักรยานนั้นเก็บได้ง่าย แค่หามุมสักมุมที่ไม่มีคนแล้วก็เก็บมันเข้าไปในมิติก็ได้แล้ว
ในยุคนี้ยังไม่มีกล้องวงจรปิดหรืออะไรคล้าย ๆ อย่างนั้น ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว
เมื่อขึ้นมาบนรถไฟแล้ว พวกเขาก็ตรงไปยังที่นั่งของตนเอง
หลังจากต้องทำเรื่องต่าง ๆ มามากมาย หลินชิงเหอจึงรู้สึกเหนื่อยล้ามาก และนอนหลับไปกับโจวชิงไป๋
เมื่อตื่นขึ้นมาพวกเขาก็ยังเดินทางไปไม่ถึง รถไฟไม่ได้แล่นช้า แต่ก็ไม่ได้แล่นเร็วเช่นกัน จะต้องใช้เวลาในการเดินทางเกือบ 15 ชั่วโมงเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การเดินทางจากปักกิ่งไปหยางเฉิงนั้นต้องใช้เวลาทั้งหมดถึง 4 วันเต็ม ๆ มีช่วงพักในระหว่างทางด้วย กระนั้นก็ไม่สามารถจะพูดได้เลยว่ามันไม่ไกล
ถึงอย่างไรการคมนาคมขนส่งก็ยังไม่พัฒนาและเจริญรุ่งเรืองเหมือนในยุคต่อมา
เมื่อมาถึงเมืองเทศบาลมณฑลแล้ว หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ก็หาบ้านพักรับรองแขกและอาบน้ำให้รู้สึกสบายตัว หลังจากเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและผ้านวมแล้ว จึงได้เข้านอน
ทั้งคู่นอนหลับไปจนกระทั่ง 8 โมงเช้าในวันรุ่งขึ้นถึงตื่นนอน
หลินชิงเหอซึ่งนอนหาวอยู่ในอ้อมกอดของโจวชิงไป๋พูดขึ้น “ในอนาคตเมื่อร่ำรวยแล้ว เราก็ไม่ต้องหัวหมุนกันแบบนี้อีกแล้วล่ะค่ะ”
จนถึงตอนนี้ครอบครัวของพวกเขาก็ดูเหมือนจะมีทรัพย์สินมากมาย แต่การจะพูดว่าพวกเขาร่ำรวยนั้นยังเร็วเกินไป
“พอเปิดร้านขายอาหารทะเลแห้งร้านนี้แล้ว ปีหน้าเราจะไม่มาทางใต้กันอีกแล้วนะครับ” โจวชิงไป๋พูด
“จะทำอย่างนั้นได้ยังไงคะ?” หลินชิงเหอชะงักงันไปชั่วขณะ จากนั้นจึงมองไปที่เขา
เป็นความจริงที่มันเหนื่อย แต่ม้าที่ไม่ได้กินหญ้าตอนกลางคืนจะอ้วนพีได้อย่างไร คนเราไม่สามารถร่ำรวยได้ถ้าไม่ได้เงินลาภลอยเสริมเข้ามา แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่การเดินทางมาตอนใต้ในครั้งนี้ ก็สามารถทำกำไรได้เกือบ 40,000 หยวนเลยทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...