หลินชิงเหอไม่รู้ความคิดของลูกชายคนเล็ก เธอไม่ได้บังคับควบคุมอะไรเขา แต่ปล่อยให้เขาจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยตนเอง
กล่าวได้ว่าหลินชิงเหอไม่ได้เข้มงวดกับลูกชายทั้งสามคนในเรื่องเงินมากนัก เธอไม่เหมือนกับครอบครัวอื่นที่ไม่ได้ให้เงินกับลูกเลย ลูก ๆ ของเธอสามารถเก็บเงินเพื่อซื้อสิ่งที่พวกเขาต้องการเองได้
หลินชิงเหอสนับสนุนในเรื่องนี้
วันเวลาผ่านไปจนมาถึงวันหยุดภาคฤดูร้อน
หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ไม่ได้มุ่งลงไปตอนใต้ทันที ทั้งคู่ส่งมอบร้านให้เจ้าสามดูแลต่อ จากนั้นก็พากันไปว่ายน้ำ ดูหนังหรือทำกิจกรรมประมาณนี้ พวกเขาพักผ่อนกันอยู่ 2 วันก่อนที่จะเดินทางลงใต้
หลังจากที่ทั้ง 2 คนออกเดินทางลงไปทางตอนใต้ โจวกุยหลายก็เชิญเฒ่าหวังมาช่วยที่ร้านด้วย “คุณปู่ต้องช่วยผมด้วยนะครับ พี่ใหญ่ไม่อยู่ที่บ้าน พี่รองก็ไปสอนหนังสืออีก ป๊าม้าที่สุดแสนจะโรแมนติกของผมก็ลงใต้กันไปแล้วครับ ทิ้งภาระไว้ให้ คุณปู่คุณย่าของผมต้องช่วยอาเล็กดูแลเด็ก ๆ และคอยรับส่งเฉิงเฉิงและคนอื่นไปโรงเรียน”
ดังนั้น หลังจากที่ไล่นับดูแล้ว เหลือแค่เฒ่าหวังคนเดียวที่สามารถมาช่วยได้
เฒ่าหวังไม่มีวันหยุด ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยยังไม่ได้ปิด แต่ที่นั่นไม่ได้มีเขาทำงานอยู่แค่คนเดียว ดังนั้นเขาจึงขอลาหยุด 2 เดือนเพื่อมาช่วยโจวกุยหลาย
อันที่จริงไม่ได้มีอะไรให้เขาต้องช่วยทำมากนัก แค่ช่วยเก็บเงินและทอนเงิน จากนั้นก็ล้างมือแล้วไปช่วยห่อเกี๊ยวเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ทิ้งความรับผิดชอบไว้ให้ ทุกวันนี้ พวกเขายิ่งรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและรู้สึกไม่มีภาระอย่างสิ้นเชิง
ในเวลานี้ ทั้งคู่อยู่ในตู้รถไฟ
หลินชิงเหอกินแอปเปิลแล้วพูดว่า “ครั้งนี้ไปที่ท่าเรือกันนะคะ ลองไปดูว่ามีอาหารทะเลบ้างหรือเปล่า
“อืม” โจวชิงไป๋พยักหน้า เขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้น
“มีอะไรหรือคะ?” หลินชิงเหอถาม
“ดูเหมือนว่าจะมีคนจำนวนมากที่ถูกเลิกจ้างนะครับ” โจวชิงไป๋บอก
หลินชิงเหอไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร ไม่ใช่เพราะโรงงานของซูต้าหลินอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่หรือ เขาถึงได้ตัดสินใจสละเรือทิ้งและพาลูก ๆ มาที่ปักกิ่งพร้อมกับโจวเสี่ยวเหมย
นอกจากนี้ นี่เป็นช่วงเวลาที่คนงานจะถูกเลิกจ้าง อย่างไรก็ตาม ธุรกิจภาคเอกชนก็เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีให้หลังมานี้ และทำให้เกิดการจ้างงานขึ้นเป็นจำนวนมาก นี่เป็นสถานการณ์ที่เข้าใจกันได้ดีอยู่แล้ว หลาย ๆ คนก็จะเริ่มต้นในเส้นทางของธุรกิจของตนเช่นกัน สิ่งเหล่านี้จะเป็นทางออกได้
โจวชิงไป๋พลิกหน้าหนังสือพิมพ์และกล่าวว่า “ครัวเรือนที่มีรายได้ 10,000 หยวนไม่ใช่เรื่องที่หาได้ยากอีกแล้วในตอนนี้”
จิตใจของเขารู้สึกสั่นคลอนมากเช่นกัน ถึงอย่างไรนี่มันก็เพิ่งไม่กี่ปีเท่านั้นเองใช่ไหมเล่า? ครัวเรือนที่มีรายได้ 10,000 หยวนยังเป็นสิ่งที่หาได้ยากอยู่เลยในปี 1979 ทว่า ในปี 1983 นี้ ครัวเรือนที่มีรายได้ 10,000 หยวนเรียกได้ว่ามากองรวมกันอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์เลยทีเดียว
หลินชิงเหอหัวเราะ “มีคำพูดที่ว่า ‘หมื่นหยวนไม่รวย แสนหยวนเพิ่งจะเริ่มต้น ล้านหยวนจึงจะถือว่ามั่งคั่ง’ อยู่นะคะ”
แม้ว่ามันยังไม่ได้เป็นวลียอดนิยมในเวลานี้ แต่ประโยคนี้จะกลายเป็นที่นิยมในอนาคตอันใกล้นี้
โจวชิงไป่อดตั้งข้อสังเกตขึ้นมาไม่ได้ว่า ถ้าภรรยาของเขาไม่ได้เข้าไปเรียนและทำงานในมหาวิทยาลัยและพาครอบครัวมาที่นี่ด้วย วิสัยทัศน์ของเขาก็คงจะไม่กว้างไกลมากนัก
หากมีคนในหมู่บ้านต้องการจะมีรายได้ 10,000 หยวน พวกเขาสามารถลองทำดูได้ ทว่าเขารู้ดีว่า หากต้องการมีรายได้ 10,000 หยวนในหมู่บ้าน มันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ เลย
“ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ฉันจะซื้อที่ดินในทำเลที่ดีเพิ่มอีก 2-3 ที่และจะเก็บมันไว้ จากนั้นฉันจะสร้างหอพักสัก 2-3 แห่งเพื่อให้คนที่ไม่มีที่อยู่ในปักกิ่งเช่าในภายหลัง เมื่อเราแก่จนไม่สามารถทำงานได้แล้ว เราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเงิน” หลินชิงเหอปลอบโยนผู้ชายของเธอ
โจวชิงไป๋หัวเราะออกมา
หลินชิงเหอทอดตัวเอนลงไปในอ้อมแขนของเขา การได้ใช้ชีวิตเป็นเจ้าของที่ดิน ไม่ใช่สิ่งที่เธอปรารถนาหรอกหรือ?
ลองนึกภาพตนเองสวมชุดนอนและรองเท้าแตะถือพวงกุญแจพวงใหญ่เอาไว้ในมือ พร้อมกับหาวไปด้วยในตอนที่เก็บค่าเช่าสิ นี่มันเจ๋งไปเลย
ทั้งคู่มาถึงทางตอนใต้ จากนั้นก็ออกไปที่นอกเมืองและรอจนกระทั่งไม่มีคนอยู่แถวนั้น พวกเขาจึงขับรถบรรทุกออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...