เมื่อโจวข่ายและคนอื่นกลับมาจากบ่อน้ำพุร้อน ทุกคนต่างก็เอ่ยปากชื่นชอบที่นั่นกันมาก
หลินชิงเหอก็รู้สึกได้ถึงการพัฒนาอย่างรวดเร็วของกรุงปักกิ่งในเวลานี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ สถานที่อย่าง สระว่ายน้ำ ร้านกาแฟ และอื่น ๆ เกิดขึ้นมากมายราวกับหน่อไม้ผุดขึ้นหลังฝนตก
ผู้หญิงที่นี่ก็สวมชุดเดรสลายดอกไม้และเสื้อผ้าคล้าย ๆ แบบนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนท้องถนน ทุกอย่างดูทันสมัยไปหมด และสีทึม ๆ ก่อนหน้านี้กำลังจะหายไป
โจวข่ายก็มีความรู้สึกอย่างเดียวกัน ตอนที่กลับมา เขาถึงเอ่ยปากว่าเขาไม่ได้กลับมาแค่ปีเดียว อะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก
ระหว่างการหยุดพักครึ่งเดือนนี้ โจวข่ายยังคงฝึกฝนร่างกายแบบที่เขาควรทำเหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแต่ทำอย่างผ่อนคลายมากขึ้น
หลินชิงเหอไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ เธอบอกให้เขาออกไปเที่ยวสำรวจปักกิ่ง ไปว่ายน้ำหรือไปทำอะไรที่เขาอยากจะทำ
หลัก ๆ ก็คือ เพื่อให้เขาได้มีวันหยุดพักผ่อนที่ดี
“พอลูกกลับไปที่นั่นแล้ว จำไว้ว่าให้ไปสอบใบขับขี่เอาไว้ด้วย บางทีครอบครัวเราอาจจะซื้อรถในปีนี้” หลินชิงเหอบอกเขา
“ซื้อรถหรือครับ?” โจวข่ายประหลาดใจ “เรามีเงินมากขนาดนั้นหรือครับ?”
เขาถามหวังหยวนว่าที่พี่เขยของเขาแล้ว รถยนต์คันหนึ่งราคาหลายหมื่นหยวน
หลินชิงเหอรู้ว่าเขากำลังพูดถึงรถประเภทไหนได้โดยไม่ต้องถาม จึงเอ่ยว่า “ม้าจะซื้อรถบรรทุก รถยนต์คันเล็ก ๆ พวกนั้น ม้ายังไม่มีปัญญาจะซื้อหรอก”
“รถบรรทุกก็ดีเหมือนกันครับ” โจวข่ายตอบ “ผมจะไปสอบใบขับขี่ไว้ครับ”
หลินชิงเหอพยักหน้า
ลูกชายคนโตพักอยู่ที่บ้านนานครึ่งเดือน ระยะเวลาครึ่งเดือนไม่ใช่ช่วงเวลาสั้น ๆ เลย แต่กระนั้นก็รู้สึกเหมือนมันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ต้องบอกว่า ใบหน้าของโจวข่ายอิ่มเอิบขึ้นมากในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา
ทั้งฝั่งของหลินชิงเหอและฝั่งท่านแม่โจวต่างก็ผลัดกันทำอาหารบำรุงร่างกายให้กับเขา ทำให้ร่างกายเขาดูมีเลือดฝาดและเต็มไปด้วยพลัง
“ปลายปีลูกพยายามกลับมาให้ได้นะ แต่ถ้ากลับมาไม่ได้ ก็โทรกลับมาบอกล่วงหน้าด้วย ม้าจะได้เตรียมของส่งไปให้” หลินชิงเหอมาส่งเขาที่สถานี เมื่อมองดูลูกชายคนโตสะพายกระเป๋าหลังและเตรียมตัวจะขึ้นรถไป เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดเตือนซ้ำอีกครั้ง
“ผมรู้แล้วครับ ม้า พวกม้ากลับกันไปได้แล้วละครับ” โจวข่ายพยักหน้ารับทราบ
โจวกุยหลายมาส่งเขาพร้อมกับแม่ พอพี่ชายคนโตขึ้นรถไป เขาก็พาแม่ของตนกลับ
“พี่ใหญ่เป็นคนฉลาด ยิ่งกว่านั้นยังตัวสูงใหญ่และเก่งขนาดนั้น ถ้าจะมีใครสักคนที่น่าเป็นห่วงเมื่อต้องออกไปอยู่ข้างนอก ก็ไม่ควรจะเป็นพี่ใหญ่หรอกครับ” โจวกุยหลายปลอบใจคุณแม่ของเขา
“เจ้าเด็กตัวเหม็น ไม่มีจิตสำนึกอยู่เลยหรือไง? พี่ใหญ่ของลูกต้องจากบ้านไปอยู่ด้วยตัวเองคนเดียวลำพัง ม้าจะแนะนำอะไรเขาสักนิดไม่ได้เลยหรือไง?” หลินชิงเหอสั่งสอน
โจวกุยหลายแสดงสีหน้า 囧(1) ออกมา อะไรคือต้องอยู่ด้วยตัวเองคนเดียว? ก็แค่เดินทางออกไปข้างนอกเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ?
เมื่อลูกชายคนโตต้องจากบ้านไป หลินชิงเหอจึงรู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย เธอยังปรับตัวกับการที่ลูกชายของตนกลับมาแล้วก็ต้องจากไปไม่ได้ หลังจาก 2 วันแห่งการเศร้าซึม เธอก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
ในเวลานี้เป็นช่วงปลายภาคเรียนแล้ว วันหยุดฤดูร้อนกำลังจะเริ่มขึ้นในอีก 10 วัน
“ปีนี้ป๊ากับม้าจะเดินทางไปตอนใต้อีกหรือเปล่าครับ? ไปที่นั่นกันมาตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่เบื่อบ้างหรือครับ?” โจวกุยหลายถาม
หลินชิงเหอตอบว่า “ปีนี้อาสามของลูกขอให้เราซื้อมอเตอร์ไซค์ไปให้ เราต้องช่วยซื้อกลับไปให้เขาคันหนึ่ง”
“จนป่านนี้แล้ว” โจวกุยหลายกล่าว
“ถ้าไม่ใช่อาสามของลูกแล้วละก็ลืมไปได้เลย จริง ๆ แล้วเราควรจะไปเที่ยวที่อื่นบ้าง” หลินชิงเหอพูด
“ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนนี้ พี่รองก็จะไปสอนหนังสือให้คนอื่นอีก ตกลงว่าผมต้องอยู่เฝ้าร้านเกี๊ยวคนเดียวหรือครับเนี่ย?” โจวกุยหลายเอ่ย
“พี่รองของลูกจะไปสอนหนังสือเหรอ?” หลินชิงเหอเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ “ไม่ใช่ว่าสอนเสร็จไปแล้วหรือ?”
“ผมถามพี่รองแล้วครับ พี่รองต้องไปสอนตอนบ่าย 2 ถึง 5 โมงเย็น ม้าไปพูดกับพี่รองหน่อยสิครับ ให้มาช่วยที่ร้านเกี๊ยวด้วย” โจวกุยหลายตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...