หลินชิงเหอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับแผนการของสะใภ้ใหญ่ พวกเขานั่งคุยอยู่ในบ้าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. จึงได้กลับไปที่บ้านของตัวเอง
โจวชิงไป๋กล่าวว่า “เอาธูปกันยุงมาจุดหน่อยสิครับ”
ก่อนจะกลับมาที่นี่ หลินชิงเหอได้เตรียมการซื้อธูปและพิมเสนน้ำกันยุงไว้แล้ว
เธอส่งธูปไปให้โจวชิงไป๋จุด แล้วก็หยิบพิมเสนน้ำออกมาทาด้วย ช่วยไม่ได้นี่นะ ในชนบทมียุงชุมมากจริง ๆ มันกัดผู้คนอย่างดุเดือด
ทั้งคู่กางมุ้งกันยุงและเสียบปลั๊กพัดลม ก่อนที่จะขึ้นไปนอนบนเตียงเตา
“นี่คุณไม่รู้สึกอึดอัดเหรอคะ ขยับห่างออกไปอีกนิดเถอะค่ะ” หลินชิงเหอพูด
“เสียงข้างนอกดีจังเลยนะครับ” โจวชิงไป๋บอกพร้อมกับกอดเธอไว้โดยไม่ยอมขยับออก
ด้านนอกมีแต่เสียงจิ้งหรีดดังระงม และยังมีเสียงสุนัขเห่าแว่วมาเป็นระยะ ๆ ได้ยินแล้วให้ความรู้สึกดีมากทีเดียว เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชนบทโดยแท้
หลินชิงเหอดันหน้าอกของเขาพลางถามขึ้น “ไม่ร้อนเหรอคะ?”
ถ้าเป็นฤดูหนาวก็ไม่เป็นไร แต่ในฤดูร้อนเธอไม่อยากจะนอนโดยที่ถูกเขากอดไว้อย่างนี้จริง ๆ เมื่อไม่มีเครื่องปรับอากาศแล้วมันช่างไม่สบายตัวเอาเสียเลย
“คุณนอนไม่หลับเหรอครับ?” โจวชิงไป๋ถามกลับ
“มันร้อนเกินกว่าจะนอนได้ค่ะ” หลินชิงเหอบ่นอุบอิบ
โจวชิงไป๋จึงทำให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าร้อนจริง ๆ นั้นเป็นอย่างไร หลังจากนั้นหลินชิงเหอก็หยุดแสดงอาการงอแงออกมา
การได้กลับมาที่บ้านเกิดเป็นโอกาสที่หาได้ยากของพวกเขา ดังนั้นทั้งคู่จึงนอนหลับอย่างเป็นสุข
เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พวกเขาได้ยินเสียงคนกำลังทะเลาะกันอยู่
“พี่สะใภ้ใหญ่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?” เมื่อสะใภ้ใหญ่มาตามคนทั้งสองให้ไปกินอาหารเช้า หลินชิงเหอได้เอ่ยถามขึ้น
เนื่องจากโจวชิงไป๋ยังอยู่ด้วย สะใภ้ใหญ่จึงไม่ได้พูดอะไรออกมา จนเมื่อโจวชิงไป๋เดินมุ่งหน้าออกไปก่อน หล่อนจึงตอบหลินชิงเหอ “น่าจะเป็นคนพวกนั้นที่มาทำร้ายหวังหลิงมั้งนะ?”
“หวังหลิง?” หลินชิงเหอจำไม่ได้แล้วว่าคนผู้นี้คือใคร
“ภรรยาเก่าของหม่าสามที่หล่อนสนิทสนมกับแม่ลิ่วนีไงจ๊ะ” สะใภ้ใหญ่ทวนความจำให้
ในตอนนั้นเอง หลินชิงเหอถึงจำได้ว่าหล่อนคือคนที่เป็นชู้กับลูกชายคนที่สี่แห่งตระกูลหม่าซึ่งเป็นน้องชายของสามีตนเอง และถูกคนทั้งครอบครัวจับได้ตอนอยู่บนเตียง ต่อมาหล่อนก็ไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายอีกคนในหมู่บ้าน จึงถูกจับกล้อนผมและถูกลากไปประจานบนถนน ว่ากันว่าผู้ชายคนนั้นถูกซ้อมจนกลายเป็นขันที
ทั้งหมู่บ้านผลิตของชั้นเลวแบบนี้ออกมาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นหลินชิงเหอจึงจำได้ เมื่อสะใภ้ใหญ่พูดเตือนความทรงจำให้ฟัง
“แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับหล่อนด้วยคะ นั่นไม่ใช่ครอบครัวตระกูลหวงหรอกหรือคะ?” หลินชิงเหอถาม
คุณป้าหวงเคยแลกเปลี่ยนน้ำตาลทรายแดงกับเธอมาก่อน ครอบครัวตระกูลหวงมีชื่อเสียงที่ค่อนข้างดีเสมอมา วันนี้กลับมีเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ เธอจึงได้ถามถึงเรื่องนี้
สะใภ้ใหญ่จึงเล่าให้เธอฟังถึงเรื่องงามหน้าที่ลูกชายสามแห่งตระกูลหวงทำ เขาแอบไปที่บ้านของหวังหลิงเพื่อกินอาหารป่า ซึ่งทุกคนต่างรู้ดีว่า อาหารป่า มีความหมายว่าอย่างไร
เรื่องไม่ได้จบตรงที่กินอาหารป่าเท่านั้น แต่เขายังนำโรคกลับมาติดสะใภ้สามตระกูลหวงด้วย
สะใภ้สามตระกูลหวงไปตรวจโรคมาเมื่อวานนี้ หล่อนกลับมาไม่ทันจึงได้ค้างอยู่ในเมือง 1 คืน เช้านี้หล่อนจึงกลับมาพร้อมกับพี่ชายจากครอบครัวทางบ้านแม่ของหล่อน และตรงเข้าไปทำร้ายร่างกายลูกชายสามตระกูลหวงทันที
“หวังหลิงผู้หญิงคนนั้นเลวมากจริง ๆ หวงสามก็เคยดูเหมือนจะดีมาก่อน ใครจะไปคิดว่าเขาจะเป็นคนอย่างนี้ได้” สะใภ้ใหญ่ด่า
ที่ทางของหวังหลิงคือสถานที่ซึ่งพวกผู้ชายไร้ศีลธรรมไปหาความบันเทิง ตราบใดที่มีเงิน 3-5 หยวน พวกเขาก็สามารถไปได้แล้ว หล่อนควรจะดีใจที่อยู่ในยุคนี้ ถ้าย้อนกลับไปเป็นเมื่อครั้งอดีต ใครจะยอมปล่อยหล่อนเอาไว้
เดาได้ไม่ยากเลยว่าผู้หญิงคนนั้นติดโรค แต่หวงสามนั้นก็เป็นอะไรที่น่าประหลาดใจโดยแท้
หลินชิงเหอรู้จักกับสะใภ้สามตระกูลหวงและรู้ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่ดี เธอไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ เธอจึงเอ่ยเย้ยหยันขึ้น “ผู้ชายพวกนี้อุจจาระข้างนอกยังหอมเลยค่ะ ถ้าพวกเขายังไม่เคยได้กินมัน”
“ตอนนี้พวกเขากำลังทะเลาะเพื่อที่จะหย่ากันน่ะจ้ะ” สะใภ้ใหญ่ถอนใจ
“แน่นอนสิค่ะ พวกเขาจะต้องหย่า ทำไมถึงจะไม่หย่าล่ะ?” หลินชิงเหอคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติที่ต้องทำอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...