ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 463

สรุปบท บทที่ 463 ซื้ออสังหาริมทรัพย์: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

สรุปเนื้อหา บทที่ 463 ซื้ออสังหาริมทรัพย์ – ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม โดย Internet

บท บทที่ 463 ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ของ ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 463 ซื้ออสังหาริมทรัพย์

หลังหลับสบายไปหนึ่งคืน วันต่อมาหลินชิงเหอก็ไม่ได้หลับนานนัก ช่วงฤดูร้อนก็เป็นแบบนี้ เธอไม่สามารถหลับยาว ๆ ได้ตามต้องการ ไม่เหมือนฤดูหนาวที่จะหลับยาวเท่าไรก็ได้

ผ้านวมผืนนั้นในเช้าฤดูหนาวไม่ต่างอะไรกับสรวงสวรรค์บนโลกเลย

เมื่อเธอตื่นขึ้นมา โจวชิงไป๋ก็เพิ่งจะกลับมาพร้อมกับซาลาเปาที่นำมาจากร้านของซูต้าหลิน

การได้กินเกี๊ยวเป็นประจำทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายได้ ดังนั้นในบางครั้งบางคราวพวกเขาก็จะไปกินซาลาเปาเป็นอาหารเช้าที่ร้านของซูต้าหลินแทน

“คุณไม่ได้ไปเปิดร้านเหรอคะ?” หลินชิงเหอถามเมื่อเห็นเขาทำตัวเหมือนว่างงาน

“เจ้าสามเป็นคนไปเปิดแล้วน่ะ” โจวชิงไป๋ตอบ

กิจการครอบครัวในฤดูร้อนนี้ตกเป็นของเจ้าสามอย่างแท้จริง โจวข่ายลูกชายคนโตไม่อยู่บ้าน โจวเฉวี่ยนก็ไม่มีความกระตือรือร้นจะจัดการกับเรื่องนี้ เดิมทีเขาวางแผนจะมาช่วย แต่ก็เห็นว่าน้องชายแข็งแกร่งและสามารถรับมือไหว

เขาจึงปล่อยให้น้องชายเป็นคนดำเนินกิจการไป ขณะที่ตัวเขาออกไปสอนพิเศษและรับจ้างวาดรูป ทำตัวเป็นอิสระเท่าที่จะเป็นได้

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อวานนี้เจ้าสามถึงมาบ่นกับเธอ บอกว่าตัวเขาที่เป็นลูกคนเล็กไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย กลับเป็นคนแรกที่จะถูกเรียกใช้งานสารพัด

หลินชิงเหอยิ้ม “เด็กคนนี้มีความสามารถจริง ๆ นะคะ”

ในดวงตาของโจวชิงไป๋ฉายแววสนุกสนาน เด็กคนนี้ไม่ได้อยากจะมาเปิดร้านในเช้าวันนี้หรอก แต่ถูกเขาปลุกและไล่ให้ไปเปิดต่างหาก

หลังเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ขนาดนี้แล้ว นี่ไม่ใช่เวลาใช้งานเขาอย่างเหมาะสมหรอกหรือ? ลูกชายก็เป็นแบบนี้ ยิ่งดูแลทนุถนอมมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสน้อยนิดที่จะเลี้ยงให้มีความกตัญญู ต้องใช้งานเขาให้มาก ๆ ต่างหาก เขาถึงจะยิ่งเติบโต

แน่นอนว่าผู้ชายหยาบอย่างโจวชิงไป๋ไม่เข้าใจเรื่องนี้ เมื่อเป็นเวลาทำงานเขาก็แค่ลากลูกชายออกไปทำงาน ง่ายดายเพียงนั้นเอง

“คุณได้ไปสำนักงานจัดการที่อยู่อาศัยหรือเปล่าคะ?” หลินชิงเหอถาม

เดิมทีโจวชิงไป๋ตั้งใจจะไปสำนักงานจัดการที่อยู่อาศัยด้วยตัวเองหลังนำอาหารเช้ากลับมาให้ภรรยา แต่ตอนนี้เธอตื่นนอนแล้ว เธอก็ย่อมอยากไปกับเขาด้วย

หลินชิงเหอล้างหน้าก่อนมากินอาหารเช้า “ตัดเรื่องที่ว่ากิจการของต้าหลินกับเสี่ยวเหมยดีแค่ไหนออกไปแล้ว ลำพังแค่ซาลาเปานี่ก็มีน้ำหนักเพียงพอแล้วล่ะค่ะ”

ไม่ว่าจะเป็นแป้งหรือไส้ซาลาเปา มันก็เพียงพอแล้วที่จะขายดี

“ร้านซาลาเปาร้านอื่น ๆ สู้ร้านเขาไม่ได้หรอกครับ” โจวชิงไป๋เองรู้สึกพอใจกับผลของบทเรียนธุรกิจที่เขาสอนให้ซูต้าหลิน

ทุกวันนี้ราคาสินค้าสูงขึ้น ผลกำไรของทางร้านก็สูงขึ้นด้วย ซึ่งซูต้าหลินเองก็เป็นคนขยัน คนส่วนใหญ่จะขายซาลาเปาแค่ในตอนเช้า แต่ร้านซาลาเปาของเขากลับเปิดตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ จะปิดร้านระหว่างวันก็ในสองชั่วโมงช่วงบ่ายเพื่องีบพัก ส่วนในตอนเย็นก็เปิดตามปกติจนกระทั่งถึงเวลาที่เขากลับบ้านเพื่อไปกินอาหารเย็น

ไม่ใช่แค่ที่ร้านของซูต้าหลิน ร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋ก็เป็นแบบนี้ ในช่วงฤดูร้อนนี้ โจวกุยหลายก็ได้ขึ้นราคาเกี๊ยวอีก

เด็กคนนี้ช่างมีกึ๋นนัก ตอนที่พ่อแม่ของพวกเขาไม่อยู่บ้าน เขากลับกล้าขึ้นราคาเกี๊ยว ยิ่งกว่านั้นมันยังไม่กระทบกิจการแม้แต่น้อย

ทั้งคู่มาที่สำนักงานจัดการที่อยู่อาศัยพร้อมกับกระเป๋าใบหนึ่ง

จริง ๆ แล้วสำนักงานจัดการที่อยู่อาศัยมีอสังหาริมทรัพย์ในมืออยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ทุกคนมาที่นี่เพื่อขายสินทรัพย์ของพวกเขา แต่ในยุคนี้ผู้คนต้องรอการจัดสรรที่อยู่อาศัยจากบริษัทที่ทำงานอยู่ ต่อให้สภาพความเป็นอยู่ในบ้านจะแออัดและมีประชากรหนาแน่นมหาศาลเพียงใดก็ตาม

แม้จะมีคนที่มาเสาะหาอสังหาริมทรัพย์และซื้อบ้านด้วยตัวเองบ้าง แต่ก็นับเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก

เป็นเพราะพวกเขาซื้อให้ตัวเอง นั่นจึงหมายความว่าพวกเขาต้องจ่ายด้วยเงินของตัวเอง ซึ่งราคาตลาดของอะพาร์ตเมนต์ในตอนนี้มีมูลค่าเป็นพันกว่าหยวน

แล้วมูลค่าพันกว่าหยวนมันหมายถึงอะไรในสายตาของชนชั้นแรงงานที่มีเงินเดือนแค่สิบกว่าหยวนล่ะ?

อย่างไรของที่ต้องเก็บในร้านก็ไม่ใช่ของถูก ๆ เธอคิดเรื่องนี้แล้วก็อยากให้หลี่อ้ายกั๋วกับโจวซานนีมาอยู่ในร้าน เมื่อถึงเวลานั้นก็จะต้องทำห้องน้ำและห้องครัวเพิ่ม

อย่างไรคนเราก็ต้องคิดหาวิธีจนได้ล่ะถูกไหม?

เธอกับโจวชิงไป๋ได้ไปดูร้านค้าอื่น ๆ พร้อมกับผู้จัดการสำนักงานจัดการที่อยู่อาศัย แต่หลินชิงเหอไม่ได้มีความต้องการเรื่องร้านมากขนาดนั้น นอกจากร้านขายอาหารแห้งที่เป็นร้านค้าแห่งที่หกแล้ว เธอยังตั้งร้านค้าแห่งที่เจ็ดไว้ด้วย เพราะร้านที่เจ็ดตั้งอยู่ในทำเลที่ดี

เมื่อเวลานั้นมาถึงก็คอยดูว่าพวกเขาจะทำอะไรได้บ้าง

มันมีร้านค้าอีกแห่งหนึ่งที่หลินชิงเหอไม่อยากได้ ต่อให้เธอรู้ว่าที่ดินทุกตารางนิ้วจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่เธอก็ไม่ได้จะอยากได้ไปเสียทุกอย่าง หลังจากนั้นพวกเขาคงจะรอได้ ไม่เร็วก็ช้า ความฝันการเป็นเจ้าของที่ดินของเธอก็จะเป็นจริงแล้ว

ตอนนี้มีร้านทั้งหมด 7 ร้าน ซึ่งทุกร้านตั้งอยู่ในทำเลดีทั้งหมด เรือนสี่ประสานก็ซื้อมาแล้ว เช่นเดียวกับบ้านพร้อมสวนในตัวหลังนั้น

อะพาร์ตเมนต์ของเธอไม่ได้ถูกนับรวมไว้ด้วย เพราะมันเป็นที่พักที่ที่ทำงานของเธอมอบให้ เธอมีสิทธิ์แค่พักอาศัยเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ซื้อหรือขายใด ๆ

เรือนสี่ประสานที่ซื้อไปเมื่อคราวที่แล้วนั้นผู้จัดการหญิงเป็นคนแนะนำให้พวกเขา ซึ่งผู้จัดการชายยังไม่รู้เรื่องนีี้

หลินชิงเหอจึงยื่นเงินสิบหยวนให้เขา

“โอ้ นี่คือ?” ผู้จัดการตกตะลึงไป

หลินชิงเหอยิ้มขณะกล่าวตอบ “วันนี้คุณพาเราไปหลายที่คงจะลำบากมากนะคะ ฉันก็เลยอยากรู้ว่าตอนนี้จะมีเรือนสี่ประสานขายหรือเปล่า? คุณรับไว้เถอะนะคะ นี่เป็นค่าตอบแทนที่คุณทำงานหนักเพื่อพวกเรา”

“ตอนนี้ยังไม่มีเรือนสี่ประสานขายหรอกครับ ถ้าคุณต้องการ ผมก็จะแจ้งให้ทราบเมื่อถึงเวลานั้นนะครับ ร้านเกี๊ยวร้านนั้นเป็นของพวกคุณใช่ไหมครับ?” ผู้จัดการรู้สึกมีความสุขมาก เพราะมีคนซื้อร้านค้าถึงสองร้านในคราวเดียวดังที่คาดหวัง ซึ่งทำให้เขาได้ค่าทิปมา 10 หยวน เขาจึงตอบกลับไปแบบนั้นหลังจากรับเงินค่าทิปแล้ว

……………………………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม