บทที่ 478 วาสนาดอกท้อ
แน่นอนว่าท่านแม่โจวย่อมต้องดีใจ เรื่องนี้ต่างจากเรื่องของสวี่เชิงเฉียงซึ่งเป็นฝ่ายเริ่มไล่ตามผู้อื่นก่อน เพราะนี่เป็นเรื่องที่ผู้อื่นเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน
แม้คนที่มาพูดเรื่องนี้จะเป็นคุณป้าหม่า แต่ก็ไม่ได้ทำให้ท่านแม่โจวรู้สึกสับสนอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงาน ซึ่งทั้ง 2 คนต่างก็เป็นคนมีประสบการณ์ช่ำชอง
เรื่องนี้หากทางฝ่ายหญิงเต็มใจ หล่อนจะเป็นฝ่ายขอให้คนกลางมาพูดหยั่งเชิงเพื่อดูท่าทีของฝ่ายชาย คนกลางจะทำเสมือนว่าฝ่ายหญิงไม่ได้รู้รับในเรื่องนี้ และถ้าฝ่ายชายสนใจ จากนั้นคนกลางก็จะช่วยเป็นสื่อกลางให้
แต่แท้ที่จริงแล้วฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน หากเรื่องนี้ล้มเหลว ทั้ง 2 ฝ่ายจะได้ไม่ต้องอับอาย
ด้วยเหตุนี้ ท่านแม่โจวจึงมีความสุขมาก
“เอาล่ะ เธอกลับไปเร็ว ๆ ได้แล้ว เรื่องเฉียงจือก็จัดการไปตามที่เธอเห็นสมควรแล้วกัน ยังไงเธอก็เป็นคนมีความสามารถมากอยู่แล้วนี่” ท่านแม่โจวไล่หลานสาวให้กลับไปก่อน
สวี่เชิ่งเหม่ยเองก็ไม่อยากจะอยู่เช่นกัน ทัศนคติของคุณยายทำให้หล่อนรู้สึกเจ็บปวดเกินไป
ทันทีที่หลานสาวกลับไปแล้ว ท่านแม่โจวก็ดึงตัวคุณป้าหม่าให้มานั่งข้าง ๆ
โจวชิงไป๋เอาน้ำมาให้ 2 แก้ว แม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เขาก็แสดงท่าทีสนับสนุนเรื่องนี้
ท่านแม่โจวเพิ่งได้ยินจากคุณป้าหม่าว่าตอนนี้ฝ่ายหญิงทำงานอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าของสะใภ้สี่ เมื่อรู้ว่าลูกชายคนเล็กรู้จักหญิงสาวผู้นี้และเห็นท่าทีที่เขาแสดงออกมาในตอนนี้ ท่านแม่โจวก็รู้สึกมั่นใจขึ้น
“น้องสาวจ้ะ ฉันอยากจะขอบคุณเธอจริง ๆ นะที่เต็มใจช่วยในเรื่องนี้แล้วยังชื่นชมหู่จือเจ้าเด็กหัวทื่อคนนี้อีก” ท่านแม่โจวกล่าวนำ
“ฉันเห็นพวกเด็ก ๆ ทุกคนมาตั้งแต่พวกเขามาถึงที่นี่กันแล้วละค่ะ หลานชายของพี่สาวคนนี้จะมีอนาคตไม่ย่ำแย่แน่นอนค่ะ” คุณป้าหม่าก็เป็นคนที่มีวาทศิลป์เช่นกัน
ท่านแม่โจวมีความสุขมากเมื่อหลานชายได้ดี ในฐานะคนเป็นยาย นางย่อมจะได้หน้าไปด้วย “น้องสาวอยู่ช่วยงานชิงไป๋ที่นี่ย่อมจะรู้สถานการณ์ดีอยู่แล้ว ฉันรับประกันเรื่องที่เหลือได้เลย ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวคนรองหรือลูกเขยคนรองของฉัน พวกเขาไม่ใช่คนเลอะเลือน ลูกสาวคนโตของฉันแต่ก่อนก็เคยดี แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหล่อนถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้ สอนเด็ก ๆ พวกนี้ให้เป็นอย่างนี้ไปเสียได้ แค่เห็นพวกเขาจิตใจฉันก็ไม่เป็นสุขแล้วล่ะจ้ะ แต่ว่าครอบครัวของลูกสาวคนรองฉันไม่เป็นแบบนั้นหรอกนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่กล้าหน้าหนามาพูดเรื่องนี้หรอก อย่างเฉียงจือน่ะฉันคิดว่ามีสาวชนบทตกลงใจจะแต่งงานกับเขาด้วยก็เป็นบุญแล้ว นั่นเป็นความสัตย์จริง ไม่ได้พูดขึ้นมาพล่อย ๆ หรอกนะ”
คำพูดท่านแม่โจวนั้นถือได้ว่าเปิดเผยและชัดเจน นางเรียนรู้ทักษะทางด้านนี้มาจากบรรดาเหล่าแม่สื่อในอดีต
แต่มันก็ทำให้คุณป้าหม่ารู้สึกสบายใจเมื่อได้ยินจริง ๆ นั่นแหละ
“พี่สาวไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันเข้าใจดีค่ะ” คุณป้าหม่าตอบกลับสีหน้ายิ้มแย้ม
“เรื่องอื่นสามารถคุยกันแบบสบาย ๆ ได้เลยนะ ฉันสัญญากับเธอได้ว่าหู่จือเด็กคนนี้จะต้องรักทะนุถนอมภรรยาของเขาแน่นอนจ้ะ เธอก็รู้เรื่องเงินเดือนของเขานี่ เขาพักอยู่ที่บ้านของน้า ปกติแล้วไม่มีเรื่องให้ต้องใช้เงินที่ไหนเลย เด็กคนนี้เป็นคนกตัญญู เงินก็ส่งกลับไปให้ที่บ้าน แต่ถ้าเขาแต่งงานแล้ว ก็จะไม่เหมือนเดิมหรอกนะจ๊ะ แสดงความกตัญญูตามสมควรก็พอแล้ว เงินที่เหลือก็ต้องใช้สำหรับของครอบครัวตัวเขาเองเท่านั้น” ท่านแม่โจวกล่าวต่อ
ไม่แปลกที่ท่านแม่โจวยินดีที่จะช่วย หากหลานชายของนางได้แต่งงานกับสาวปักกิ่ง มันจะวิเศษขนาดไหนกันล่ะ?
นอกจากนี้ พวกเขาอยู่ในยุคสมัยไหนแล้ว? ตอนนี้ทุกอย่างเปิดกว้าง โดยเฉพาะในปักกิ่ง คนหนุ่มสาวที่แต่งงานแล้วต่างก็นิยมแยกบ้านออกมาจากครอบครัวของตน
ดังนั้นท่านแม่โจวจึงได้บอกไปว่า ต่อไปวันหน้าถ้าเขาจะเก็บเงินเดือนไว้เป็นของตัวเองก็สามารถทำได้
ต้องไม่ลืมว่าการอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่นั้นมีความกดดันในการเอาชีวิตรอดไม่น้อย พวกเขายังจะสามารถส่งเงินทั้งหมดกลับไปได้อย่างไร? การส่งเงินกลับไปแค่บางส่วนแล้วเก็บส่วนที่เหลือไว้ใช้เองเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ต้องกล่าวว่าหลังจากมาอยู่ที่ปักกิ่งแล้ว ความตระหนักรู้ของท่านแม่โจวก็ดีขึ้นมากเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...