บทที่ 490 ไล่ออกไปไม่ได้
เมื่อพวกเขาได้ออกเดินทางไปแล้ว หลินชิงเหอก็โทรศัพท์ไปหาสะใภ้ใหญ่
“พวกเขาขึ้นรถกันมาในปีนี้เหรอจ๊ะ? ได้จ้ะ พี่จะไปทำความสะอาดบ้านไว้เลย!” สะใภ้ใหญ่รีบพูดออกมาอย่างดีใจ
พวกเขาพูดคุยกันไปอีกสักพัก จากนั้นสะใภ้ใหญ่จึงลงวางโทรศัพท์ลง
ภรรยาของเลขาธิการสาขาหมู่บ้านถามอย่างอารมณ์ดีว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือจ้ะ? ฉันเห็นเธอดูตื่นเต้นเชียว”
จนกระทั่งบัดนี้ สะใภ้ใหญ่ยังไม่เคยเปิดเผยเรื่องที่โจวเอ้อร์นีมีคนรักที่ปักกิ่งกับผู้ใดเลย หล่อนกลัวว่าหากเรื่องนี้ไม่สำเร็จแล้วจะกลายเป็นเรื่องตลกไป หล่อนจึงไม่เคยพูดอะไรออกมาสักคำเดียว
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังเดินทางมาพร้อมกับเอ้อร์นีเพื่ออวยพรปีใหม่ ดังนั้นจึงไม่สามารถเก็บเป็นความลับได้อีกแล้ว มันจะดูเสแสร้งไปสักหน่อยหากหล่อนไม่เอ่ยอะไรออกมาบ้างในตอนนี้
ดังนั้นสะใภ้ใหญ่จึงบอกเรื่องนี้กับภรรยาเลขาธิการสาขาหมู่บ้าน หล่อนทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม “แต่อย่าพูดออกไปนะคะ”
อย่าทำให้ดูเหมือนกับว่าครอบครัวหล่อนอยากจะป่าวประกาศออกไปเพื่อต้องการอวดจะดีกว่า
ภรรยาเลขาธิการสาขาหมู่บ้านรู้สึกประหลาดใจมาก ตอนแรกหล่อนรู้ว่าเอ้อร์นีกำลังจะกลับมาในช่วงปีใหม่ อย่างไรเสียเอ้อร์นีก็ไม่ได้กลับมาที่นี่หลายปีแล้ว อีกทั้งเอ้อร์นีก็เป็นเด็กสาวที่ดีมาโดยตลอด อันที่จริง ลูกสาวทั้ง 3 คนของสะใภ้ใหญ่ไม่มีคนไหนที่แย่เลยสักคน
ไม่ใช่เรื่องที่สะใภ้รองจะสามารถมาเทียบได้เลย
นั่นคือเหตุผลที่ภรรยาเลขาธิการหมู่บ้านตั้งใจจะจับคู่ให้กับหลายชายทางบ้านแม่ของตนในระหว่างการเดินทางกลับมาครั้งนี้ หล่อนไม่คิดว่าเอ้อร์นีจะมีคนรักในปักกิ่งเสียแล้ว
นี่เป็นการแต่งงานเข้าไปอยู่ในปักกิ่ง
ภรรยาเลขาธิการหมู่บ้านไม่ใช่คนพูดมาก หล่อนจึงยิ้มตอบ “ฉันจะไม่พูดอะไรเลยจ้ะ แต่เอ้อร์นีนี่ช่างโชคดีจริง ๆ เลยนะ”
หล่อนกำลังจะได้แต่งงานไปอยู่ในปักกิ่งเพื่อได้ใช้ชีวิตที่สุขสบาย โชคดีมากจริง ๆ
ไม่รู้ว่าในอนาคตซื่อนีจะเป็นอย่างไรบ้าง?
สะใภ้ใหญ่ไม่ได้พูดอะไรมากนัก แม้ว่าการที่ลูกสาวของตนได้แต่งงานเช่นนี้จะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากก็ตาม แต่จริง ๆ แล้วหล่อนก็ยังรู้สึกกังวลใจอยู่บ้างเล็กน้อย
อย่างไรก็ดีหล่อนไม่ควรจะคิดอะไรให้มากเกินไป
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หล่อนบอกกับพี่ชายใหญ่ พวกเขารวมทั้งถู่โต้ว(1) ลูกชายคนเล็กต่างช่วยกันทำความสะอาดบ้านทั้งภายในและภายนอก
ลูกชายคนโตจะกลับมาในปีนี้เช่นกัน ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในระหว่างการเดินทางกลับ
“แม่ครับ บ้านสะอาดมากอยู่แล้ว แม่ยังต้องทำความสะอาดอีกหรือครับ?” ถู่โต้วถาม เขามีอายุเกือบ 13 ปีแล้ว และตอนนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
“อีก 2 วันข้างหน้านี้เชือดไก่ที่เหลืออยู่ในบ้านให้หมด ทำความสะอาดเล้าไก่ไม่ให้เหลือกลิ่นอะไรไว้เลยนะ” สะใภ้ใหญ่กล่าว
“ผมจะทำเอง” พี่ชายใหญ่พยักหน้า
“พี่เขยรองไม่รังเกียจบ้านเราหรอกครับ ในเมื่อมีตัวอย่างจากพี่เขยของบ้านป้าใหญ่มาก่อน อาสะใภ้สี่กับพี่สาวรองจะต้องบอกเรื่องนี้อย่างชัดเจนกับพี่เขยรองไว้แล้วล่ะครับ แต่เขาก็ยังเต็มใจจะมา นั่นแสดงว่าเขาไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มากนักหรอกนะครับ” ถู่โต้วพูดขึ้น
สรุปแล้วบ้านสะอาดมากจริง ๆ แม้แต่ฟืนยังถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ในสวนก็ไม่มีร่องรอยสิ่งสกปรกใด ๆ อยู่เลย
เนื่องจากพ่อแม่ของเขารู้ว่าปีนี้พวกตนจะต้องต้อนรับลูกเขยจากปักกิ่งคนนี้ พวกเขาถึงกับปูพื้นสนามในสวนด้วยก้อนอิฐ ดังนั้นมันจึงไม่สกปรกเลยจริง ๆ
“ถึงแม้พี่เขยรองของลูกจะไม่สนใจ พวกเราก็ต้องทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อยอยู่ดีนั่นแหละจ้ะ” สะใภ้ใหญ่ตอบ
โจวหยางกลับมาถึงในวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแล้วเขากลายเป็นคนที่มีอุปนิสัยอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อย ๆ บุคลิกของเขามีราศีของความเป็นบัณฑิต
เขายังคงอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอ หลังจากกลับมาที่หมู่บ้านแล้วเขาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม แม้ในตอนที่เลขาธิการสาขาหมู่บ้านมานั่งคุยด้วยที่บ้านและถามถึงเรื่องมหาวิทยาลัยก็ตาม
หลังจากที่ส่งแขกกลับแล้ว โจวหยางจึงแสดงอาการอ่อนล้าออกมาเล็กน้อย ถึงอย่างไรการเดินทางกลับมาจากเมืองหลวงประจำมณฑลก็ไม่ใช่ระยะทางที่ใกล้เลย
“แม่ครับ ทำไมบ้านของเราถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ได้ล่ะครับ” โจวหยางถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...