บทที่ 507 เหลืออดมานานแล้ว
อากาศในเดือนพฤษภาคมร้อนมาก หลินชิงเหอที่สอนหนังสือเสร็จก็กลับมากินไอศกรีมทันที
โจวชิงไป๋รู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย และปรายตามองเธอ
“ฉันกินแท่งเดียวเองค่ะ อากาศร้อนจนทนไม่ไหวแล้ว” หลินชิงเหอพูด ในใจคิดว่าหากมีเครื่องปรับอากาศก็น่าจะดีกว่านี้ เหมือนฤดูร้อนปีนี้จะร้อนเป็นพิเศษเลย
โจวชิงไป๋ก็ไม่ได้พูดอะไรและทำบะหมี่เย็นให้เธอกินชามหนึ่ง โปะหน้าด้วยแตงกวาเปรี้ยวหั่นลูกเต๋า ให้ทั้งความรู้สึกเย็นสดชื่นและรสโอชา
หลินชิงเหอกินหมดอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นจึงพูดกับคุณป้าหม่าด้วยรอยยิ้มว่า “ฝีมือทำขนมของเสี่ยวหลิ่วไม่เลวเลยค่ะ เค้กของหล่อนถูกขายหมดเกลี้ยง ขายหมดทั้งสี่ถาดทุกวันเลย”
คุณป้าหม่าได้ยินก็ดีใจมากเช่นกัน
ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ชิงไป๋ให้นางได้หยุดพักเก็บของไปกับสามีที่ชายแดนเพื่อไปหาลูกชายคนโตของพวกเขา
แม้ว่าที่นั่นจะไม่เหมือนกับที่นี่ แต่ชีวิตของลูกชายคนโตก็ถือว่ามั่นคงดี คุณป้าหม่าเองจึงรู้สึกปลื้มใจและวางใจได้ในที่สุด
หลังจากกลับมาที่นี่ นางถึงรู้ว่าไม่เพียงเขาจะให้นางหยุดพักแล้ว ยังให้ลูกชายของนางได้พักด้วยอีก 2 หรือ 3 วัน ทำให้ครอบครัวของพวกเขาได้กลับไปพักที่ชนบทนานขึ้น
อีกอย่างเขายังให้นำเค้กนึ่งไม่กี่ถาดมาขายทุกวันเป็นการเฉพาะ ซึ่งรายได้ถือว่าไม่ค่อยสูงนัก เค้กนึ่งหนึ่งถาดขายในราคาเพียง 5 เหมา เค้กทั้งหมด 4 ถาดจึงคิดเป็น 2 หยวนเท่านั้น หักต้นทุนแล้วเท่ากับว่าหวงเสี่ยวหลิ่วได้เงินประมาณ 5 เหมาต่อวัน หนึ่งเดือนก็เท่ากับ 15 หยวน
แต่เป็นเพราะการได้ทำเค้กนึ่งมาขายนี่เอง หวงเสี่ยวหลิ่วจึงมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น
คุณป้าหม่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอาจารย์หลินดูแลหล่อนแท้ ๆ เลยค่ะ”
หลินชิงเหอยิ้ม “ไม่ใช่แค่ฉันดูแลหล่อน แต่เป็นเพราะความสามารถของหล่อนเองด้วย”
หวงเสี่ยวหลิ่วได้กำไรน้อยก็จริง แต่ทางร้านก็ได้กำไรน้อยตามไปด้วย ซึ่งถือว่าสมน้ำสมเนื้อแล้ว
คุณป้าหม่าเล่าถึงเรื่องคนในชุมชนเหล่านั้นว่ามีไม่น้อยที่รู้สึกอิจฉา และหลายคนในนั้นก็เคยนินทาว่าร้ายหวงเสี่ยวหลิ่ว พอพูดถึงตรงนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะก่นด่าออกมา
“ที่ไหนมีคนที่นั่นย่อมมีเรื่องนินทาเป็นธรรมดา ให้เสี่ยวหลิ่วดูไว้เฉย ๆ แล้วกันค่ะ ถ้าเราประพฤติตนดีแล้วก็ไม่มีอะไรต้องกลัว” หลินชิงเหอเอ่ย
“แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิคะ ก่อนหน้านี้ป้าได้ยินแล้วก็แทบทนฟังไม่ได้ และก็เป็นเพราะเรื่องนี้แหละป้าถึงได้กลับมา” คุณป้าหม่าเอ่ย
ที่จริงนางรู้สึกเอะใจขึ้นมาบ้างว่าเมื่อปีที่แล้วลูกสะใภ้ตนดูอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดออกมาว่าอะไร ขนาดตัวนางเองยังมองออกเลย
หลินชิงเหอเปลี่ยนหัวข้อสนทนาพูดคุยกับป้าหม่าสักพัก ก่อนจะกลับมาพักผ่อนที่บ้าน เมื่อตอนบ่ายวันนี้อาจารย์ท่านหนึ่งมาขอแลกคาบสอนกับเธอ 1 คาบ และยังมีอีก 3 คาบหลังจากนั้น นับว่าไม่ใช่เรื่องสบายนัก
พอกลับมาเธอก็พบจางเหมยเหลียน จางเหมยเหลียนเห็นเธอแล้วจึงยิ้มหวาน “คุณป้าคะ”
หลินชิงปรายตามองหล่อน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปในบ้านตัวเอง ไม่ขานรับกลับ
“แกยังจะไว้หน้าหล่อนไปเพื่ออะไรอีกฮึ” สะใภ้บ้านจางที่มองเห็นเข้าพอดี พ่นเสียงฮึขึ้นจมูก
หล่อนหรือก็นึกว่าหลินชิงเหอจะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนบ้าน มอบงานมอบตำแหน่งให้หล่อนสักงาน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวเลยแม้แต่ครึ่งเดียว
จนกระทั่งตอนนี้สะใภ้บ้านจางเริ่มหมดหวังแล้ว และย่อมเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนด้วยตนเอง
แม้กระทั่งหวงเสี่ยวหลิ่วในครอบครัวนั้นเธอยังเต็มใจให้โอกาส แต่กลับไม่สนใจหล่อนเลย นี่ยังไม่เข้าใจอีกหรือ? ว่ายังจะประจบสอพลออะไรเธอได้อีก
“อย่างไรก็เป็นเพื่อนบ้านกันนี่คะ” จางเหมยเหลียนพูดขึ้น
ที่จริงหล่อนต้องการผูกมิตรกับตระกูลโจวฝั่งนี้ เพื่อที่หล่อนจะคบกับสวี่เชิ่งเฉียงได้อย่างออกนอกหน้า
ตอนนี้หล่อนรู้สึกเหนื่อยหน่ายมากพอแล้ว ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงตอนนี้สวี่เชิ่งเหม่ยคอยจับตาดูหล่อนและสวี่เชิ่งเฉียงอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ทำให้หล่อนไม่ได้ไปหาสวี่เชิ่งเฉียงที่นั่นอีก
แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้สวี่เชิ่งเฉียงอดทนไม่ไหว เขาจึงย้ายมาอยู่ที่ห้องเช่าของหล่อนแทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...