ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 522

บทที่ 522 บาดเจ็บและมีความดีความชอบ

ไม่นานนักปัญหาทะเบียนบ้านของโจวเสี่ยวเหมยและซูต้าหลินก็ถูกจัดการเสร็จสิ้นแล้ว

ทะเบียนบ้านที่ทำเสร็จกลับมาเป็นทะเบียนบ้านของปักกิ่ง ไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกของโจวเสี่ยวเหมยและซูต้าหลินในตอนนี้เลย

“หลังจากนี้ก็ไปจัดการเรื่องบัตรประชาชนได้แล้วล่ะ” หลินชิงเหอพูดด้วยรอยยิ้ม

ปีนี้เริ่มมีการทำบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว ซึ่งครอบครัวของเธอได้ทำหมดทุกคน เพียงแต่ว่ามันจำเป็นต้องใช้ทะเบียนบ้าน ดังนั้นโจวเสี่ยวเหมยจึงยังไม่ได้ทำ

แต่ตอนนี้มีทะเบียนบ้านแล้ว ย่อมสามารถทำบัตรประชาชนได้

ถ้าต้องการจะปักหลักอยู่ที่นี่ ก็ควรจะทำบัตรประชาชนให้เป็นคนที่นี่ทั้งหมด ต่อไปใครจะพูดอะไรก็พูดไม่ได้แล้ว

โจวเสี่ยวเหมยกับซูต้าหลินเห็นด้วยว่าควรจะไปทำ สองสามีภรรยาจึงหาเวลาว่างช่วงกลางวันไปทำบัตรประชาชนที่มีอายุการใช้งาน 10 ปีด้วยกัน

และตอนนี้ครอบครัวของหล่อนก็ได้กลายเป็นพลเมืองปักกิ่งแล้ว

จากการแนะนำของหลินชิงเหอ พวกเขาจึงไม่พูดอะไรออกมา ทำให้ไม่มีใครรู้เรื่องนี้

เนื่องจากเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศออกไป อยู่ให้เงียบ ๆ ที่สุดน่ะดีแล้ว ไม่อย่างนั้นตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ซูเฉิงกับน้อง ๆ ต้องเข้าเรียนแล้ว จะได้ไม่ต้องทำเรื่องขอฝากเข้าโรงเรียนให้วุ่นวาย

ในวันนั้นเอง หลินชิงเหอได้รับโทรศัพท์จากเจ้าใหญ่ขณะอยู่ในห้องทำงาน

“เพิ่งรู้เหรอว่าต้องโทรศัพท์กลับมาน่ะ ไม่ใช่ว่าลืมครอบครัวไปแล้วหรอกเหรอ?” หลินชิงเหอตำหนิ

เจ้าเด็กดื้อนี่กี่เดือนแล้วทำไมถึงเพิ่งโทรศัพท์กลับมา?

โจวข่ายหัวเราะก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เขาออกไปทำภารกิจจึงเพิ่งได้โทรกลับมา “ผมก็ยุ่งเหมือนกันนะครับ เลยเพิ่งจะมีเวลาว่างโทรหาน่ะครับ”

“ออกไปทำภารกิจแล้วเหรอ?”

“ครับ” โจวข่ายพยักหน้า ถ้าหลินชิงเหอไม่ได้โทรศัพท์หาเขาอยู่ละก็ เธอก็คงจะเห็นผ้าพันแผลรอบกายของเขาแล้ว

ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าภารกิจไม่ได้ราบรื่นนัก แต่นับว่าไม่ได้รับอันตรายร้ายแรงเช่นกัน ถึงจะเป็นอย่างนั้น เรื่องพวกนี้ไม่ต้องบอกกับครอบครัวก็ได้ มีแต่จะทำให้พวกเขากังวลใจเปล่า ๆ

“พี่กั๋วต้งกลับไปที่นั่นได้งานมั่นคงดีแล้วเหรอครับ” หลังจากพูดคุยกับแม่ของเขาสักพัก โจวข่ายถึงถามคำถามนี้

“มั่นคงแล้วล่ะ ลูกจำไว้นะว่าถ้าครั้งต่อไปโทรมาอย่าโทรมาเบอร์นี้ มันเป็นโทรศัพท์ห้องทำงานแม่” หลินชิงเหอพูด

โทรศัพท์เครื่องนี้ยังมีครูผู้ช่วยคนอื่นมารับโทรศัพท์ได้

“ทำไมล่ะครับ ทุกครั้งผมก็โทรเข้าเบอร์นี้นี่” โจวข่ายพูด

“แม่เปลี่ยนห้องทำงานแล้วน่ะ”หลินชิงเหอพูด

โจวข่ายจึงตอบตกลงและจดเบอร์ใหม่ลงไป จากนั้นก็ชวนมารดาคุยเรื่องอื่นสักพัก และยืนยันแล้วว่าเขาจะกลับมาหลังปีใหม่ปีนี้ หลินชิงเหอจึงวางสายไปอย่างพึงพอใจ

อีกด้านหนึ่ง โจวข่ายที่เพิ่งวางสายไปก็ไปโรงพยาบาลทหารเปลี่ยนผ้าพันแผล

เวิงเหม่ยเจี่ยเป็นคนเปลี่ยนให้เขา หล่อนหยิบอุปกรณ์ทำแผลมาเปลี่ยนไปด้วยและก็ชวนเขาพูดไปด้วย “โทรกลับไปหาน้าหลินเหรอ”

“เธอดูออกได้ยังไง” โจวข่ายแปลกใจ

เวิงเหม่ยเจี่ยพูด “เห็นพี่ดูดีใจน่ะ”

“ปีใหม่นี้ฉันว่าจะกลับ ถึงตอนนั้นเธอจะกลับไปด้วยกันไหม” โจวข่ายถาม

“ฉันยังไม่รู้เลย” เวิงเหม่ยเจี่ยมองหน้าเขาและพูดขึ้น

“กลับเถอะ ปีที่แล้วก็ไม่ได้กลับ ปีนี้กลับไปด้วยกันเถอะ” โจวข่ายพูดยิ้ม ๆ

“ขอฉันดูตารางงานอีกทีแล้วกันนะ” เวิงเหม่ยเจี่ยพูด และถามเขา “รู้สึกยังไงบ้าง?”

“ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรหรอก เพียงแต่จัดการไม่ทันการณ์ เลยช้าไปหน่อย” โจวข่ายมองปากแผลตรงหน้าอกตัวเองที่มีขนาดเท่ากำปั้น เห็นได้ชัดว่าหนักไม่ใช่น้อย

“ยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร อย่างนี้ต้องเรียกน้าหลินมาหาแล้ว ดูสิว่าน้าหลินจะลงโทษนายยังไง” เวิงเหม่ยเจี่ยจ้องเขาเขม็ง

โจวข่ายละล่ำละลัก “เรื่องนี้เธอห้ามบอกแม่ฉันนะ”

“ปีนี้ยังจะออกไปทำภารกิจอีกไหม?” เวิงเหม่ยเจี่ยไม่ได้ตอบกลับ เพียงถามนิ่ง ๆ

โจวข่ายมุมปากกระตุกโค้งขึ้น “พี่ใหญ่อายุเพิ่งจะยี่สิบกว่า ไม่ถือว่าช้าเกินไปหรอกมั้ง”

เพียงแค่แต่งงานช้าไปหน่อย ก็ถูกสงสัยว่าชอบผู้ชายแล้วเหรอ เขารู้สึกเห็นใจเวิงกั๋วต้งขึ้นมานิด ๆ แล้ว

ถ้าบอกว่าเวิงกั๋วต้งชอบผู้ชาย โจวข่ายไม่มีทางเชื่อ เขาแค่ยังไม่เจอคนที่เหมาะสมเท่านั้น เนื่องจากนิสัยของเวิงกั๋วต้งนั้นแตกต่างจากเวิงกั๋วเหลียงที่เป็นคนเปิดเผย

“อย่าเอาไปพูดเชียวล่ะ” เวิงกั๋วเหลียงยิ้มพูดขึ้น “แม่ฉันตั้งใจจะกระตุ้นพี่ใหญ่ฉันเฉย ๆ ”

“รู้แล้วน่า” โจวข่ายหัวเราะ

“ปีนี้นายน่าจะได้กลับไปแล้ว นายจะกลับไหม?” เวิงกั๋วเหลียงถาม

“กลับสิ ยังไงก็กลับ นายล่ะ?” โจวข่ายพูด

“กลับไม่ได้ ปีนี้ยังต้องอยู่ที่นี่” เวิงกั๋วเหลียงส่ายหัว

เวิงกั๋วเหลียงอยู่ต่อสักพักก็กลับไป โจวข่ายนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงตัวเอง หลังจากนั้นก็เริ่มคิดว่าเขาควรจะแต่งงานตอนอายุเท่าไหร่ดี?

แล้วจะแต่งกับใคร? ถ้าไม่สนิทก็น่าจะไม่ไหว อย่างไรก็ต้องเป็นคนสนิทและเข้าใจกัน ต้องคุยด้วยกันได้จึงจะพอไหว

พอคิดแบบนี้ จู่ ๆ ในสมองก็มีใบหน้าของเวิงเหม่ยเจี่ยปรากฏขึ้นมา

คิดไปคิดมาโจวข่ายก็หลับไป แม้ว่าร่างกายจะได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่รู้ว่าเขาฝันถึงอะไรถึงนอนหลับทั้งที่มุมปากยังยกยิ้มไปด้วย

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เจ้าใหญ่เอ๊ย แม่มาเห็นสภาพตอนนี้ได้ร้องกรี๊ดแน่ ดีที่อาการไม่หนัก

รู้สึกถึงความกดดันของสังคมบ้านเค้าอยู่เหมือนกันนะคะ พอแต่งงานช้าหรือไม่คิดที่จะแต่งงานก็ถูกสงสัยแล้วว่าผิดปกติตรงไหนหรือเปล่า บางคนไม่ได้ชอบเพศตรงข้ามยิ่งหนักกว่าเดิม ต้องคอยคบแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากครอบครัว กระทั่งไปต่อไม่ได้ก็ต้องเลิกรากันแล้วไปแต่งงานเพื่อครอบครัว

เมื่อไหร่เจ้าใหญ่จะรู้ตัวสักทีเนี่ยว่าชอบน้องตุ๊กตา แม่ทิพย์เหน่ยใจ

ไหหม่า(海馬)

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม