บทที่ 559 คิดแผนการสกปรกแต่ไม่สำเร็จ
“ยืมเงิน?” หลินชิงเหอถาม
โจวเสี่ยวเหมยไม่รู้สึกอะไรต่อให้พี่สะใภ้ของต้าหลินจะมายืมเงิน ประเด็นคือหล่อนไม่ชอบท่าทางของพี่สะใภ้คนนั้นเอาเสียเลย หล่อนรู้สึกเหมือนรับพวกนั้นมาปักกิ่งก็เพื่อให้พวกเขามาติดหนี้อย่างนั้นแหละ
เอะอะก็บอกว่าแม่สามีนั้นฝีมือทำอาหารดี เดี๋ยวจะมาขายซาลาเปาที่นี่ด้วย
ถ้าไม่ใช่เป็นการอ้างความดีความชอบแล้วจะเป็นอะไรได้อีก?
ซูต้าหลินเรียนวิธีการทำมาจากคุณป้าของเขาก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้เอาทั้งหมดที่คุณป้าสอนมาทำเสียหน่อย ยังมีสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองด้วยนะ
ซูต้าหลินกับหล่อนยังจำได้ดีว่าคุณลุงกับคุณป้ามีบุญคุณดูแลพวกเขาสองสามีภรรยาอย่างไร สะใภ้คนนี้กลับเอาแต่พูดตลอดเวลาว่าอย่าลืมทดแทนบุญคุณเรื่องในตอนนั้น
ตอนที่พี่สะใภ้คนนั้นของหล่อนพูด โจวเสี่ยวเหมยก็จะตอกกลับไปอย่างโกรธแค้นว่า งั้นหล่อนก็อย่าลืมว่าต้าหลินเป็นคนพาหล่อนมาที่นี่!
“ฉันไม่อยากให้หล่อนยืมหรอกค่ะ ถ้าหล่อนมีเงินก็ให้ไปซื้อเอาเองเถอะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด
“ไม่อยากให้ยืมก็ไม่ต้องให้ยืมเลย ไม่งั้นจะโมโหตัวเองเปล่า ๆ จำบุญคุณของคุณลุงคุณป้าซูไว้ก็พอ ส่วนพี่สะใภ้คนนั้นถ้าเขายังมาทวงบุญคุณกับเธอก็ไม่จำเป็นต้องอดทนหรอกนะจ๊ะ” หลินชิงเหอย่อมต้องยืนข้างโจวเสี่ยวเหมย
เธออยู่กับโจวเสี่ยวเหมยมาตั้งหลายปี นิสัยของโจวเสี่ยวเหมยเป็นอย่างไรเธอย่อมรู้ดี และอีกอย่างคือเธออยากจะปรองดองกับอีกฝ่ายอยู่ ดังนั้นจึงไม่คิดจะออกความเห็นต่าง
อีกฝ่ายสร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้น่าจะทำให้หล่อนรู้สึกไม่ดีแล้วแน่ ๆ ดังนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดอยู่อีก
เงินก็เป็นของตัวเอง จะให้ยืมไม่ยืมก็แล้วแต่
“ฉันคิดว่าน่าจะเป็นความคิดของหล่อนเองนั่นแหละค่ะ ที่อยากยืมเงินแล้วซื้อหน้าร้าน พี่ชายของเขาก็ไม่เคยพูดกับต้าหลินมาก่อนด้วย” โจวเสี่ยวเหมยพูด
ที่จริงเรื่องนี้เป็นความคิดของฝ่ายพี่สะใภ้คนเดียว แน่นอนว่าหล่อนก็เคยพูดกับสามีของตัวเองมาก่อน แต่ก็ถูกสามีของหล่อนปฏิเสธกลับมา
พี่ชายเขาบอกว่าเดิมที่ต้าหลินซื้อหน้าร้านมาก็ทำให้เหลือเงินอยู่ไม่กี่หยวนแล้ว ไหนจะยังซื้อบ้านด้วย ติดหนี้พี่ชายภรรยาไว้กี่หยวนแล้ว ใครล่ะจะกล้าพูดออกมา?
อีกอย่างต้าหลินน้องชายคนนี้ของเขาก็เป็นคนซื่อและจริงใจ เขาหาบ้านให้พวกเขาอยู่ ทั้งยังหาสถานที่เปิดร้านให้ด้วย
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าร้านนี้ก็ไม่เลว แต่ภรรยาของเขาบอกว่าร้านนี้ดีสู้อีกร้านหนึ่งที่อยู่อีกทางไม่ได้ ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นว่าที่นี่คึกคักขึ้นมามากกว่าปีที่แล้วเสียอย่างนั้น
ร้านซาลาเปาของเขาไม่ได้ทำอย่างซื่อตรงเท่ากับร้านของน้องชายเขา ทำให้มีกำไรสูงแต่ละเดือนมีเงินเก็บไม่น้อย และตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้เขาเก็บเงินได้ส่วนหนึ่งแล้ว
ดังนั้นจึงคิดว่าเก็บอีก 2-3 ปี ตัวเองก็น่าจะซื้อหน้าร้านมาเองได้ ทำไมต้องไปยืมเงินน้องชายของเขาอีกด้วย?
แต่ว่าภรรยาของเขากลับแอบมาหาโจวเสี่ยวเหมยลับหลัง โดยที่เขาไม่รู้ก็เท่านั้น
หลินชิงเหอได้ยินก็พูด “เรื่องนี้ไม่ง่าย ให้ต้าหลินไปหาพี่ชายแล้วพูดกับเขาเถอะ ให้ต้าหลินไปพูดน่ะดีสุดแล้ว”
โจวเสี่ยวเหมยพยักหน้า หล่อนจึงไปพูดกับซูต้าหลิน ซูต้าหลินก็ไม่ได้บอกปัดเช่นกัน
เพราะว่าครอบครัวของเขายังไม่สามารถให้เงินใครได้ในตอนนี้
ก่อนอื่นต้องคืนเงินที่ทำร้านนี้ให้กับโจวชิงไป๋และหลินชิงเหอก่อน ซึ่งส่วนนั้นก็ยังคืนไม่หมด ยังจะให้คนเงินยืมในส่วนนี้ได้อีกเหรอ เพราะปีที่แล้วที่พวกเขาทำเรื่องย้ายทะเบียนบ้านก็ทำให้พวกเขาต้องเสียเงินไปอีก 2,000 หยวนแล้ว
ร้านซาลาเปาของเขาก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรขนาดนั้น
พี่ชายของซูต้าหลินพอได้ยินก็พอเข้าใจ น้องชายคนนี้ของเขาเป็นคนอย่างไรเขารู้ดี จึงไปถามภรรยาของตัวเอง ทำให้ได้รู้ว่าภรรยาของเขาแอบไปหาโจวเสี่ยวเหมย นั่นทำให้สองสามีภรรยามีปากเสียงกัน
แต่ว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้กระทบมาถึงทางนี้
หลังจากหลินชิงเหอท้องมาแล้ว 4 เดือนเต็ม ร่างกายของเธอก็เริ่มแสดงความยุ่งยากอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าหลินชิงเหอจะมีร่างกายแข็งแรง แต่มันกลับเป็นเรื่องของอายุ ร่างกายของเธอเทียบกับเมื่อตอนอายุ 20 ไม่ได้แล้ว
“ถ้าไม่สบายตรงไหน ก็ให้มาตรวจที่โรงพยาบาลได้ตลอดเลยนะครับ” คุณหมอของโรงพยาบาลพูด “คุณอายุมากแล้ว ต้องดูแลตัวเองดี ๆ ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ” หลินชิงเหอพยักหน้า หลังจากนั้นก็กลับมากับโจวชิงไป๋
โจวชิงไป๋รู้สึกตื่นเต้นมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...