ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 569

สรุปบท บทที่ 569 รับลูกศิษย์อีกคน: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

สรุปเนื้อหา บทที่ 569 รับลูกศิษย์อีกคน – ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม โดย Internet

บท บทที่ 569 รับลูกศิษย์อีกคน ของ ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 569 รับลูกศิษย์อีกคน

น้ำหนักของโจวเสี่ยวเหมยตอนนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 70 กว่ากิโลกรัม

เนื่องจากหล่อนมีความสูงแค่ 160 เซนติเมตร ดังนั้นน้ำหนักเท่านี้ก็เรียกได้ว่าอ้วนแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนยังสาว โจวเสี่ยวเหมยมีน้ำหนักเท่าไหร่เอง?

หล่อนในตอนนั้นดูเอวบางร่างน้อยมาก พอต่อมาคลอดลูกคนแล้วคนเล่า หล่อนก็อ้วนขึ้น ๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะต้าหลินทำอาหารอร่อย เขาทำกับข้าวในตอนที่หล่อนท้องไว้มากมายหลายอย่าง

ดังนั้นในตอนนี้โจวเสี่ยวเหมยจึงไม่สามารถลดน้ำหนักลงได้แล้วต่อให้อยากจะผอมแค่ไหนก็ตาม หลินชิงเหอบอกให้หล่อนควบคุมปากของตัวเอง หล่อนกลับบอกว่าควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะต้าหลินที่เอาอกเอาใจทำอาหารให้หล่อนกิน บอกว่ายิ่งอ้วนยิ่งมีวาสนาดี….

หลินชิงเหอได้ยินแล้วก็ไม่กล้าพูด แต่ในใจคือกลอกตาใส่ไปแล้ว

ไม่ใช่ว่าเธอกำลังดูถูกคนอ้วนหรอก คนอ้วนเหล่านั้นไม่ได้กินข้าวของเธอ ความจริงแล้วผู้หญิงรูปร่างอวบจัดว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าอ้วนเกินไปก็ไม่ไหวเช่นกัน

อย่างแรกจะทำให้ดูเป็นคนมีอายุ อย่างที่สองคือจะเหนื่อยง่าย และอย่างที่สามคือจะหาซื้อเสื้อผ้าใส่ยาก

ลองคิดถึงตอนไปซื้อเสื้อขนาดใหญ่ที่สุดของร้านเสื้อผ้าแล้วใส่ไม่ได้ดู จะพอเข้าใจในความผิดหวังนั้นได้ไหม?

หลินชิงเหอไม่ฟังคำพูดคะยั้นคะยอของโจวชิงไป๋

ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะกินข้าวน้อยลงและบอกโจวชิงไป๋ให้ซื้อข้าวโพดกลับมาต้ม พอเธอหิวก็จะกินข้าวโพดต้ม เห็ดหอม แตงกวา ส่วนอาหารว่างก็กินผลไม้เอา

เธอยังคงกินซุปเนื้อตุ๋นกับซุปปลาอยู่ เพราะรู้สึกว่ากินแล้วน้ำหนักไม่เกิน ทั้งยังทำให้ร่างกายแข็งแรง

ยายเฒ่าเจียงที่กินข้าวเสร็จก็มาเดินเล่นหลังอาหารที่นี่ในวันนี้ จากนั้นจึงเห็นว่าพวกเขากำลังกินอาหารกันอยู่พอดี อาหารล้วนมีแต่อาหารชั้นเลิศ แต่นางกลับสังเกตว่าหลินชิงเหอไม่ค่อยกินเท่าที่ควร โจวชิงไป๋พูดเสียงอ่อนด้วยเธอก็ทำเพียงฝืนขยับตะเกียบ นางจึงพูดอย่างอดไม่ได้ “เธอท้องไส้อยู่กินข้าวเยอะหน่อยเถอะ ไม่งั้นจะบำรุงเด็กในท้องยังไง เด็กจะดูดซึมอาหารจากตัวเธอนะ? นั่นจะไม่เป็นอันตรายกับตัวแม่หรือ?”

“คุณป้าคงยังไม่รู้ ฉันกินต่อไปไม่ไหวแล้ว คุณป้าเห็นผิวพรรณฉันไหมคะ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ได้แย่อะไรนี่คะ?” หลินชิงเหอเหอพูด

“ต้องไม่แย่อยู่แล้ว ตอนนี้พวกเธอดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว ตอนพวกฉันน่ะนะชีวิตลำบากมาก ช่วงตั้งท้องก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่” ยายเฒ่าเจียงพูด

“แม่สามีของฉันก็ลำบากมาก่อนจะสบายเหมือนกันค่ะ แต่ที่เซี่ยงไฮ้ของพวกคุณป้าเจียง น่าจะดีกว่าพวกท่านหน่อย” หลินชิงเหอพูด

“ก็ไม่ได้ดีอะไรนักหรอก” ยายเฒ่าเจียงพูด

พูดกันอยู่สักพัก ยายเฒ่าเจียงก็พูดด้วยน้ำเสียงติดจะเกรงใจ “ชิงเหอ พรุ่งนี้เธอว่างไหม?”

“หลานชายของคุณป้าจะมาแล้วเหรอคะ?” หลินชิงเหอถาม

“ภรรยาลูกชายของป้าจะพามาพรุ่งนี้น่ะจ้ะ” ยายเฒ่าเจียงพูดยิ้ม ๆ

“ได้ค่ะ พามาได้เลย” หลินชิงเหอพยักหน้า

“ชั่วโมงเดียวก็พอแล้วจ้ะ อย่าทำให้ตัวเองต้องเหนื่อยเลย” ยายเฒ่าเจียงพูด

หลินชิงเหอพยักหน้า ไม่ขัดเจตนาของยายเฒ่าเจียง

วันถัดมาเซวียเหม่ยลี่สะใภ้ของยายเฒ่าเจียงก็พาเจียงเกิงลูกชายของหล่อนมาที่นี่ สามีของเซวียเหม่ยลี่เป็นรองผู้ว่าการอยู่ที่สำนักงานเขตนี้ เป็นคนที่มีหน้ามีตา แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่กล้าดูถูกหลินชิงเหอ

หล่อนได้ยินมาจากแม่สามีของหล่อนว่า ครอบครัวนี้ย้ายมาจากปักกิ่ง เป็นอาจารย์สอนภาษาต่างประเทศให้กับนักเรียนมหาวิทยาลัย อ่านหนังสือภาษาอังกฤษได้ทั้งหมด เป็นคนมีการศึกษาสูงทีเดียว

หลินชิงเหอทดสอบระดับความสามารถของเจียงเกิงสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดออกมาตามตรง “เธออ่อนแค่วิชานี้จริง ๆ หรือว่าวิชาอื่นก็ไม่ได้เหมือนกัน?”

“อ่อนแค่วิชานี้ครับ” เจียงเกิงนิ่งอึ้งไปสักพัก เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีเท่าไหร่

เขาไม่ได้ภาษาอังกฤษก็จริง แต่วิชาอื่นเขายังพอไหว

“งั้นก็ไม่เป็นไร” หลินชิงเหอพยักหน้าและพูดขึ้น “พื้นฐานของเธออ่อนเกินไปแล้ว ฉันจะเริ่มจากการออกเสียงให้เธอก่อนรอบหนึ่ง ถ้าเธอมีเวลาว่างก็มาเรียนที่นี่ ฉันสามารถสอนให้เธอได้แค่หนึ่งชั่วโมงต่อวันเท่านั้น”

“ผมกลัวว่าคุณจะสอนผมไม่ดี” เจียงเกิงมองหล่อนด้วยสายตาสงสัย

“เด็กดื้อนี่ ลูกพูดอะไรออกมา?” เซวียเหม่ยลี่รีบพูด หลังจากนั้นก็พูดขอโทษหลินชิงเหอ “อาจารย์หลิน คุณอย่าถือสาเจ้าเด็กดื้อนี้เลยนะคะ เขาถูกพวกเราตามใจจนเสียคนแล้ว”

“ไม่ได้ค่ะ ๆ มีเรียนพิเศษที่ไหนไม่จ่ายค่าสอนกัน” เซวียเหม่ยลี่รีบพูด

“ไม่เป็นไรค่ะ” หลินชิงเหอพูด มองไปที่เจียงเกิง “เมื่อไหร่จะมาอีก?”

“พรุ่งนี้ผมจะมาอีกครับ” เจียงเกิงพูด

“ได้จ้ะ” หลินชิงเหอพูด “เอาเป็นเวลานี้แล้วกัน”

เจียงเกิงพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็ขอตัวกลับไปพร้อมกับเซวียเหม่ยลี่ด้วยความเกรงใจ และก็มาบอกลาบ้านยายเฒ่าเจียงที่อยู่ข้าง ๆ ก่อน

หลังจากสองแม่ลูกกลับไปแล้ว ยายเฒ่าเจียงก็ถึงเดินมาหาพูด ว่า “ฉันได้ยินเหม่ยลี่บอกว่าชิงเหอไม่รับค่าสอนจริงเหรอ?”

“สอนเนื้อหาเด็กมัธยมปลายนิดหน่อยเองค่ะ คุณป้าไม่ต้องเกรงใจไป” หลินชิงเหอพูด

ยายเฒ่าเจียงไม่ได้พูดอะไรอีก นางรู้มาจากสะใภ้ตัวเองแล้วมาพอสมควร บอกหลานชายว่าพรุ่งนี้หากมาก็อย่าลืมให้เอาผลไม้มาด้วย

สำหรับวันต่อไปที่เจียงเกิงจะมาเรียนพิเศษอีก ก็ให้นำผลไม้มาด้วยทุกครั้ง หลินชิงเหอก็ไม่ได้ว่าอะไร ฝ่ายนั้นซื้อมาให้แล้วก็กินไปเถอะ

ส่วนรองผู้ว่าการเจียงเลิกงานกลับมาที่บ้านแล้วไม่เห็นลูกชายตนเห็นเพียงลูกสาว ก็รู้ว่าเขาไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ จึงพูดว่า “ทำไมผมรู้สึกว่าช่วงนี้เสี่ยวเกิงจะสนใจเรียนภาษาอังกฤษเป็นพิเศษนะ?”

………………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เห็นแม่หลินบอกแบบนี้แล้วก็นึกถึงสภาพตัวเอง ช่วงนี้อืดมากเหมือนกันค่ะ แง เอวได้หายไปแล้ว

เจ้าเด็กอ่อนหัดอย่ามาทำเก๋ากับคุณแม่หลินนะคะ นี่อาจารย์ภาคภาษาอังกฤษตัวท็อปของม.ปักกิ่งเลยนะ

ไหหม่า(海馬)

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม