บทที่ 613 สองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน
ปีนี้ผู้เฒ่าหวังดูแก่ลงอย่างเห็นได้ชัดที่สุด เส้นผมบนศีรษะขาวขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
เขาดูแก่มากกว่าท่านพ่อท่านแม่โจวเล็กน้อย ทั้งยังไอโขลกอีกด้วย โจวข่ายมองผู้เฒ่าหวังด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่นัก
“ทำหน้าอะไรเธอเนี่ย ปู่บุญธรรมของเธอยังร่างกายแข็งแรงดี นี่ก็แค่โรคป่วยเดิม ๆ น่ะ ฉันนัดกับเจ้าสามไว้แล้วว่าปีหน้าปิดเทอมฤดูร้อนจะไปเที่ยวด้วยกันอีกรอบ” ผู้เฒ่าหวังพูดยิ้ม ๆ
“ปู่บุญธรรมไปอยู่ที่ร้านเกี๊ยวเถอะครับ ที่นั่นพวกเราสามารถดูแลปู่ได้ตลอด” โจวข่ายพูด
“ปีหน้าครอบครัวอาเขยของเธอก็จะย้ายไปอยู่บ้านของพวกเขาแล้ว ถึงตอนนั้นพอพวกเขาออกมา ฉันค่อยไปอยู่กับปู่ย่าเธอก็ได้” ผู้เฒ่าหวังพูด
โจวข่ายได้ยินก็วางใจไปได้ไม่น้อย “ไปอยู่ที่นั่นก็ดีครับมีคนดูแลเหมือนกัน”
“เธอกินอะไรมาหรือยังล่ะ?” ผู้เฒ่าหวังถามเขา
“ปู่บุญธรรมล่ะครับ?” โจวข่ายพูด
“กินแล้ว ถ้าเธอยังไม่ได้กินฉันจะพาไปกิน” ผู้เฒ่าหวังพูด
โจวข่ายพยักหน้า “ผมก็กินมาแล้วเหมือนกันครับ แต่ยังไงก็ยังต้องพาปู่บุญธรรมไปตรวจร่างกายไปโรงพยาบาลอยู่ดี ผมถึงจะวางใจได้”
“ไม่เห็นต้องเปลืองเงินเปลืองทองอย่างนี้เลย ปู่เพิ่งไปมาไม่นานนี้เอง” ผู้เฒ่าหวังโบกมือ
แต่โจวข่ายขอร้อง ผู้เฒ่าหวังจึงถูกประคองพาไปตรวจที่โรงพยาบาล
“ผู้เฒ่าหวังทำไมมาอีกแล้วล่ะครับ” หัวหน้าแผนกคนหนึ่งยิ้มแล้วถามเขา
“ก็เด็กคนนี้น่ะสิ กลับมาพอได้ยินว่าฉันเป็นหวัด ก็จะให้ฉันมาตรวจให้ได้เขาถึงจะวางใจ” ผู้เฒ่าหวังพูด
“ผมจำได้แล้ว นี่เป็นหลานชายคนโตของคุณใช่ไหมครับ สูงกว่าสองคนนั้นอีกนะ” หัวหน้าแผนกพูดขึ้นยิ้ม ๆ
ผู้เฒ่าหวังก็ยิ้มเช่นกัน จากนั้นโจวข่ายจึงพูดขึ้น “รบกวนคุณหัวหน้าแผนกด้วยนะครับ”
“ไม่รบกวน ๆ” หัวหน้ายิ้มอย่างร่าเริง และตรวจร่างกายให้ผู้เฒ่าหวังอีกครั้ง จริง ๆ ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร เนื่องจากเป็นอาการป่วยเดิม ๆ เขาพูดว่า “จากโรคที่ไม่สามารถพูดได้ตั้งแต่สมัยก่อนรักษาจนมาถึงตอนนี้ นี่ก็ถือว่าไม่แย่แล้ว”
โจวข่ายค่อย ๆ วางใจลง ประคองผู้เฒ่าหวังกลับมาพักผ่อน
“ทุกวันเจ้าสามจะตุ๋นซุปไก่มาส่งฉันกินแล้วก็ดีขึ้น เดิมทีไม่มีปัญหาอะไรหรอก พวกนี้ก็แค่โรคเดิมที่มันกำเริบตอนแก่ทั้งนั้นแหละ” ผู้เฒ่าหวังพูด
“พรุ่งนี้ผมจะขับรถพาพวกคุณปู่ไปบ่อน้ำพุร้อนนะครับ” โจวข่ายพูด
ผู้เฒ่าหวังชอบบ่อน้ำพุร้อนมากพูดขึ้น “งั้นพรุ่งนี้ปู่จะไปรอที่บ้านปู่พวกเธอนะ”
“วันนี้ผมจะไปกินข้าวกับคุณปู่คุณย่า ตอนบ่ายผมจะพาแฟนไปหาพวกเขาด้วย ปู่บุญธรรมก็ไปดูด้วยกันนะครับ” โจวข่ายยิ้มพูด
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นน้องสาวของกั๋วต้ง ครอบครัวเวิงเป็นคนซื่อสัตย์ พ่อกับแม่พวกเขาก็เป็นคนร่าเริง ครอบครัวนี้ไม่มีทางอบรมสั่งสอนลูกสาวออกมาไม่ดีแน่” ผู้เฒ่าหวังพยักหน้าพูด
“ปีนี้พวกเราวางแผนว่าจะหมั้นกันก่อนครับ” โจวข่ายยิ้มพูด
“งั้นปู่บุญธรรมต้องให้อั่งเปาซองใหญ่กับพวกเธอซะแล้วสิ” ผู้เฒ่าหวังดีใจมากเช่นกัน
โจวข่ายอยู่เป็นเพื่อนปู่บุญธรรมของเขาหนึ่งชั่วโมงกว่า หลังจากนั้นจึงกลับมาบ้าน ซึ่งโจวชิงไป๋กับโจวเฉวี่ยนพากันตื่นหมดแล้ว
หลินชิงเหอยังคงนอนต่อ เช่นเดียวกับลูกสาวของเธอ
เพราะเธอตื่นขึ้นมารอบหนึ่งตอนตีสี่ มาเปลี่ยนผ้าอ้อมและก็ให้นมจึงค่อยกลับมานอนต่อ จนถึงตอนนี้ก็ใกล้จะเก้าโมงเช้าแล้ว เธอก็ยังไม่ตื่นเลย
โจวข่ายเข้ามาดูครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปบ้านตระกูลเวิงไปหาเวิงเหม่ยเจี่ย
แต่เขาถูกโจวชิงไป๋รั้งเอาไว้ก่อน โจวชิงไป๋นัดลูกชายคนโตลงไปซ้อมชกด้านล่างตึก
“พ่อต้องการให้ผมออกแรงเท่าไหร่ดี” โจวข่ายยิ้มพูด
โจวชิงไป๋มองค้อนเขาทีหนึ่งและชกหมัดออกไปตรง ๆ สองพ่อลูกก็เริ่มแลกหมัดกันที่ด้านล่างตึก
อย่าดูถูกโจวชิงไป๋ว่าเขาอายุ 40 กว่าแล้วจะชกไม่ไหว เพราะแม้เขาจะไม่ได้ซ้อมอะไรแล้ว แต่ฝีไม้ลายมือยังคงมีอยู่
โจวเฉวี่ยนมองมาจากอีกด้านหนึ่ง
คนที่เดินผ่านไปมาก็มองสองพ่อลูกแลกหมัดกันไม่ต่างกัน และก็อดยอมรับไม่ได้ว่าตระกูลโจวไม่มีใครกล้ารังแกพวกเขาหรอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...