ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 640

บทที่ 640 ซื้อไม่ไหวเสียเปรียบ ซื้อไม่ไหวถูกหลอก

“งั้นทำไมคุณไม่บอกฉันคะ” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูด

ตอนที่หล่อนได้ยินแม่ของเขาพูดในวันนี้ หล่อนก็ลอบตกใจอยู่ในใจ เงินแสนหยวนไว้ให้ย้ายที่อยู่ใหม่เชียวนะ เงินจำนวนนั้นสำหรับครอบครัวหล่อนมันไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลย

นี่เรียกว่าพวกเขาทุ่มเทได้อย่างใจใหญ่จริง ๆ

“แล้วตอนนี้ไม่ใช่ว่าคุณรู้แล้วหรอกเหรอ?” โจวเฉวี่ยนพูด

เหอเมี่ยนเมี่ยนไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรกับเขาแล้ว เขาจะรู้ไหมว่ามันทำให้หล่อนตกใจขนาดไหน?

“ดูคุณไม่สนใจแบบนี้ ต่อไปเงินในบ้านคงต้องให้ฉันดูแลแล้วล่ะ” หล่อนพูด

“ก็ได้” โจวเฉวี่ยนพยักหน้า เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องการดูแลเงินทองเท่าไหร่นัก หล่อนมีใจจะทำเรื่องนี้ก็ดีไม่ใช่น้อย

ในที่สุดข่าวเรื่องที่ครอบครัวเหอจะให้สินสอดทั้งสองเป็นรถยนต์คันหนึ่งก็ถูกส่งมาที่บ้านตระกูลโจว

หลินชิงเหอยิ้มแล้วมองไปทางโจวชิงไป๋ “มีอะไรจะพูดไหมคะ?”

“ผมจะมีอะไรให้พูดอีก นั่นไม่ใช่ของที่ให้พวกเขาทั้งคู่หรือไง” โจวชิงไป๋พูดพลางอุ้มลูกสาวขึ้นเพื่อเตรียมตัวจะไปร้านชา

“นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว คุณยังจะออกไปอีกเหรอคะ?” หลินชิงเหอพูด

“ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง เดี๋ยวผมกลับมา” โจวชิงไป๋บอกขณะมองนาฬิกาแวบหนึ่ง

ที่สำคัญคือเขารับปากลูกสาวไว้แล้วว่าจะพาออกไปเดินเล่นรอบหนึ่ง ดังนั้นแม้ว่าจะใกล้ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว เขาก็คิดว่าจะรีบไปรีบกลับ

สำหรับเรื่องที่ครอบครัวเหอจะให้สินสอดเป็นรถนั้น หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น

ครอบครัวเหอฐานะดี อีกทั้งเจ้ารองกับเหอเมี่ยนเมี่ยนก็จำเป็นต้องใช้รถเช่นกัน เพราะวันหยุดจะได้มาเยี่ยมที่นี่ได้ การมีรถสักคันหนึ่งจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

แต่เจ้าใหญ่กับเวิงเหม่ยเจี่ยนั้นไม่จำเป็นต้องใช้รถ ในกองทัพพวกเขามีสิ่งของพร้อมอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องไปอำเภอรอบ ๆ พวกเขาก็มีรถประจำหน่วยงานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อเลยจริง ๆ

อีกอย่างแม้ว่าครอบครัวเวิงจะร่ำรวยพอสมควร แต่แน่นอนว่ายังเทียบกับครอบครัวเหอไม่ได้ เรื่องแบบนี้ที่จริงก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เนื่องจากสินสอดอะไรนั่นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผู้หลักผู้ใหญ่อย่างพวกเขา

ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องนี้ออกมาพูดโดยเฉพาะก็ได้

โจวชิงไป๋พาสาวน้อยมี่มี่ออกไปเดินเล่นรอบหนึ่ง พอกลับมาก็พาเจียงเกิงกลับมาบ้านด้วย

“หยุดแล้วเหรอ? วันนี้อาอี๋ตุ๋นซุปไก่ไว้น่ะ ทานเยอะๆ เลยนะจ๊ะ” หลินชิงเหอมองเห็นลูกชายบุญธรรมมาถึงแล้ว ก็ยิ้มไปพูดไป

เจียงเกิงฉีกยิ้มแล้วพูด “แม่บุญธรรมครับ หลังจากที่ผมมาเรียนที่นี่ ได้กินไก่ไปไม่น้อยเลย”

“เธอไม่มาพวกเราก็กินกันอย่างนี้แหละ ไม่ได้ทำให้เธอกินโดยเฉพาะหรอกนะ ฉันแค่แบ่งให้เธอหนึ่งถ้วยก็เท่านั้น” หลินชิงเหอยิ้มพูด “จะกลับวันอาทิตย์เหมือนเดิมใช่ไหมจ๊ะ?”

“วันจันทร์แล้วกันครับ ผมอยากอยู่ที่นี่อีกหน่อยสัก 2-3 วัน จะได้พักผ่อนหย่อนใจด้วย” เจียงเกิงพูด

พ่อกับแม่บุญธรรมเขาซื้อเรือนสี่ประสานใหญ่ขนาดนี้ ไม่ต้องพูดเลยว่ามันจะสบายขนาดไหนถ้าได้พักอยู่ที่นี่

“ปีนี้เธอสูงขึ้นอีกแล้วนะ พรุ่งนี้ไปร้านเสื้อผ้าแม่เอาเสื้อผ้าใหม่ไปสัก 2 ชุดนะจ๊ะ” หลินชิงเหอพูด

“ตอนนี้ก็ยังใส่ได้ครับ ไว้คราวหลังแล้วกันครับ” เจียงเกิงพูด

หลินชิงเหอพยักหน้า ไม่นานเจ้าสามกับกังจือก็กลับมาถึง และเจ้าสามก็พูดขึ้น “ป๊าครับ ร้านเกี๊ยวป๊าจะยังเปิดอยู่ไหม? ตอนนี้สามวันจับปลา สองวันตากแหไปแล้ว*นะครับ”

(* หมายถึง ทำ ๆ หยุด ๆ ไม่ต่อเนื่อง)

โจวชิงไป๋พูดเรียบ ๆ “ว่างแล้วค่อยไปเปิด” วันนี้เป็นวันหยุดลูกสาวเขา เขาก็ต้องพาลูกสาวออกไปเที่ยวเล่นรอบ ๆ อยู่แล้วน่ะสิ

“อาเกิง วันนี้ทำไมนายกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะ ไม่ใช่ว่าตอนบ่ายมีเรียนอีกสองคาบเหรอ” โจวกุยหลายถาม

“ตอนเช้าเรียนเสริมไปแล้วหนึ่งคาบ ตอนบ่ายมีเรียนอีกหนึ่งคาบ แต่ไม่ใช่วิชาสำคัญเท่าไหร่ ไม่ไปก็ไม่เป็นไร” เจียงเกิงยิ้มพูด

“ป๊าดูเจ้าหมอนี่สิ ตอนนี้ขี้เกียจมากเลย งั้นตอนบ่ายนายไปช่วยฉันเปิดร้านเกี๊ยวซะ” โจวกุยหลายเริ่มลากคนมาร่วมเผชิญชะตากรรมด้วยกันแล้ว

“ก็ได้” เจียงเกิงก็ตอบตกลงไปเช่นกัน

“ลูกอย่าลืมพาน้องไปเลือกชุดใหม่ที่ร้านเสื้อผ้าสัก 2 ชุดด้วยนะ” หลินชิงเหอพูดเตือนเขา

โจวกุยหลายตอบตกลง ตอนกินข้าวเที่ยง โจวกุยหลายก็พูดถึงเซี่ยงไฮ้ขึ้นมา อีกไม่กี่วันเขาก็ต้องกลับไปดูงานอีกครั้งแล้ว

แม้ว่าเดิมทีเขาวางแผนว่าจะไปเดือนละครั้ง แต่อย่างไรแล้วที่นั่นก็เพิ่งจะเปิดกิจการ โจวกุยหลายจึงคิดว่าต้องไปดูหลายครั้งหน่อย

“เอาผงมะพร้าวไปฝากผู้เฒ่าเจียง 2 กระปุกด้วยนะลูก” หลินชิงเหอพูด

โจวชิงไป๋รู้สึกอยากไปด้วยเล็กน้อย แต่หลินชิงเหอก็พูดกับเขา “คุณอย่าไปเลยค่ะ อยู่บ้านเนี่ยแหละ ฉันไปกับเจ้าสามก็พอแล้ว”

ให้ตายสิ พวกเธอสามีภรรยาแก่กันหมดแล้ว ยังจะตามไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่อีก

“ถึงตอนนั้นแล้วค่อยพูดเถอะ” โจวชิงไป๋พูด

หลินชิงเหอยิ้มแล้วพูดว่าเขา “ตอนบ่ายไปดูร้านดี ๆ นะคะ ถ้าไม่ดีก็ไม่ต้องเอา ให้กังจือหาร้านอื่น”

“อืม” โจวชิงไป๋ตอบรับหนึ่งเสียง

บ่ายสามเขาก็พากังจือมาดูร้านอย่างตรงเวลา แม้ว่าสถานที่ตั้งจะอยู่ในย่านตงเฉิง แต่สภาพร้านกลับดูไม่ค่อยดีนัก ทำเลพอได้แต่ว่าเล็กไปหน่อย

ถ้าทำขนมล่ะก็ยังพอได้ ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากนัก แต่ถ้าจะเปิดกิจการอย่างอื่นเห็นทีจะไม่ไหว

“เอาตามความตั้งใจของเธอเถอะ ซื้อไว้ก็ไม่เสียหาย” โจวชิงไป๋มองหลานชาย

แม้จะซื้อทิ้งเอาไว้เฉย ๆ ต่อไปพื้นที่แต่ละนิ้วก็เป็นทองทั้งนั้น แต่การตัดสินใจสุดท้ายก็ยังคงอยู่ในมือของหลานชายเขา

“งั้นผมซื้อเอาไว้ดีไหมครับ?” กังจือพูดพลางลูบหัวเก้อ ๆ

“ซื้อเถอะ” โจวชิงไป๋พยักหน้า “ซื้อแล้วก็ตกแต่งอีกหน่อย ตัวเองก็ไม่ต้องมาเปิดร้านที่นี่ปล่อยให้เช่าไปก็ได้”

เขารู้ราคาที่ดินในปักกิ่งในอนาคต ขอเพียงมันไม่แย่จนเกินไปนัก เขาก็แนะนำให้ซื้อเอาไว้หมด ซื้อไม่ไหวเสียเปรียบ ซื้อไม่ไหวถูกหลอก[2]

……………………………………………………………………………………………………………………………

[1] ชาหลงจิ่ง เป็นชาเขียว มีต้นกำเนิดอยู่บริเวณมณฑลเจ้อเจียง ทะเลสาบซีหู เมืองหางโจว

[2] หมายถึง ให้ซื้อตอนที่สามารถซื้อได้ โอกาสไม่ได้มีทุกวัน สามารถลงมือทำได้ก็ลงมือ

สารจากผู้แปล

มีโอกาสก็รีบซื้อเลยค่ะกังจือ ต่อไปจะซื้อไม่ไหวแล้วนะ

ผู้แปลนี่แหละค่ะที่ซดชาหลงจิ่งแทบทุกวัน กลิ่นตอนชงใหม่ ๆ มันหอมสดชื่นดีนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม