บทที่ 644 ลำดับแรกของการเป็นคนคือต้องมีคุณธรรม
หลินชิงเหอได้แวะไปที่บ้านเกิดในปี 87 โดยไปเที่ยวกับโจวชิงไปและสาวน้อยมี่มี่ แม้ว่าจะเป็นแค่ 1 วัน แต่ก็ต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดสักครั้ง
พี่ชายรองโจวดูแก่ชราลงไม่น้อยเลยจริง ๆ ซึ่งก็บอกว่าแก่ชราไม่ได้เช่นกัน เพราะคนอายุเท่านี้ที่ทำงานหนักก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ทั้งดำทั้งแก่ คนในชนบทมีไม่น้อยที่เป็นแบบนั้น และพี่ชายรองโจวก็ไม่ต่างไปจากพวกเขาเลย
เขาอายุมากกว่าโจวชิงไป๋เพียง 2 ปีเท่านั้น แต่ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนพวกเขาอายุห่างกัน 10 ปีขึ้นได้
แม้แต่พี่ชายใหญ่โจวก็ยังดูเด็กกว่าพี่ชายรองโจวเลย เพราะตอนนี้ลูก ๆ ต่างโตหมดแล้ว ชีวิตมีความสุขมาก เขาก็เหลือแค่ใช้ชีวิตในบั้นปลายชีวิตเท่านั้น แล้วก็ยังมีเงินที่ลูกสาวส่งกลับมาให้อีก ทำให้เขาอยู่อย่างสุขสบายและไม่มีเรื่องกังวลใจอะไรขนาดนั้น
ไม่เหมือนกับบ้านรอง เดี๋ยวก็ล้มเหลวเดี๋ยวก็ลูกสาวก่อเรื่องงามหน้า มีเรื่องไม่จบไม่สิ้น
แถมยังเรื่องขัดสนเงินทอง ครอบครัวยากจนมาก อาหารการกินจึงไม่ค่อยจะดีนักเช่นกัน
ตอนหลินชิงเหอโทรศัพท์หาพี่สะใภ้ใหญ่โจว ก็ได้ยินสะใภ้ใหญ่โจวพูดในสายโทรศัพท์ว่าสงสารพี่ชายรองจึงเรียกให้มากินข้าวที่บ้านด้วยกัน ท่าทางของเขาเหมือนกับคนที่หิวโซมานานแล้วอย่างไรอย่างนั้น
หลินชิงเหอรู้สึกดีกับพี่ชายรองโจว เขาเป็นคนไม่เลวเลย แต่เพราะได้แต่งงานกับภรรยาที่ไม่เหมาะสมกันเท่านั้น
ตอนเที่ยงหลินชิงเหอขับรถพาเซวียเหม่ยลี่วนไปรับโจวเสี่ยวเหมย และก็มีคุณแม่เวิง สี่สาวพากันไปแช่บ่อน้ำพุร้อนด้วยกัน และก็ผลัดกันแนะนำตัวทั้งสองฝ่าย
พวกเธอแต่ละคนต่างก็เป็นคนอัธยาศัยดี เพียงไม่นานก็พูดคุยกันอย่างถูกคอ
โดยเฉพาะตอนแช่น้ำพุร้อนแล้วก็รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวสุด ๆ เซวียเหม่ยลี่ก็เพิ่งได้จะแช่เป็นครั้งแรก ที่เซี่ยงไฮ้นั่นหล่อนก็ไม่รู้ว่ามีหรือไม่ แต่ก็ถือว่าหล่อนยังไม่เคยไปอยู่ดี มาครั้งถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
แถมหล่อนยังได้แช่น้ำนมด้วย ที่นี่มีบริการครบครันจริง ๆ
เจียงเกิงกลับมาถึงในช่วงเย็นวันนั้น ตอนที่เขากลับมาแม่ของเขากับแม่บุญธรรมเขาก็ยังไม่กลับมา แต่คุณปู่กับคุณย่าเขาอยู่ที่นี่ทำให้เขารู้ว่าแม่เขาก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน และยังไปแช่น้ำพุร้อนกับแม่บุญธรรมของเขาด้วยอีก ตอนได้ยินเจียงเกิงก็ยิ้มออกมาแล้ว
รอจนกระทั่งกลับมาแล้วเขาถึงยิ้มและพูด “แม่บุญธรรมพาแม่ของผมออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่แบบนี้ ต่อไปพอกลับไปเซี่ยงไฮ้แล้วเดี๋ยวแม่ผมก็ไม่ชินหรอกครับ”
“อยากมาก็มาจ๊ะ การขนส่งสาธารณะของที่นี่สะดวกสบายมากอยู่แล้ว ถ้าจะมาก็โทรศัพท์บอกถ้าฉันมีเวลาว่างฉันจะไปรับเอง” หลินชิงเหอพูดกับเซวียเหม่ยลี่
เซวียเหม่ยลี่ดีใจมากยิ้มพูด “ครั้งต่อไปฉันจะดูนะคะว่าเสี่ยวเกิงว่างไหม ถ้าว่างล่ะก็ฉันจะลากเขาไปด้วยกันเองค่ะ”
“ถ้ามาแล้วฉันจะบอกให้ชิงไป๋พาเขาไปด้วยนะคะ” หลินชิงเหอยิ้มพูด
หลังจากนั้นเธอก็พูดกับเจ้าสามโจวกุยหลาย “พรุ่งนี้พาปู่กับย่าแล้วก็ปู่เจียงย่าเจียงไปเที่ยวด้วยกันด้วยนะ”
“ไม่ต้องไปแล้วล่ะ ครั้งก่อนก็ไปมาแล้ว” ผู้เฒ่าเจียงพูด
“ใช่ ๆ ไปที่นั่นมันเปลืองเงิน แค่เปิดหูเปิดตาครั้งเดียวก็พอแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องไปทุกวันเลย พรุ่งนี้ฉันกะว่าจะเตรียมไปปีนกำแพงเมืองจีนเสียหน่อย” ยายเฒ่าเจียงก็พูดเช่นกัน
“พรุ่งนี้ผมจะพาคุณปู่คุณย่าไปเอง แม่ไม่ใช่ว่าอยากไปมาตั้งนานแล้วเหมือนกันเหรอครับ ไปด้วยกันหมดนี่แหละ” เจียงเกิงยิ้มพลางพูดขึ้น
“อย่าลืมเอากล้องไปด้วยนะ ถ่ายหลาย ๆ ใบหน่อย เดี๋ยวพอล้างรูปแล้วฉันจะเอารูปไปให้” โจวกุยหลายพูด
“ได้ครับ!” เจียงเกิงยิ้ม
แผนการท่องเที่ยวของผู้เฒ่าเจียงและยายเฒ่าเจียงรวมทั้งเซวียเหม่ยลี่จึงกลายเป็นหน้าที่ของเจียงเกิงแล้ว เจียงเกิงได้เวลาไปเรียนพอดี จึงให้เจ้าสามขับรถพาไปส่ง
เซวียเหม่ยลี่อยู่มา 2-3 วันก็ถึงเวลาที่ควรจะต้องกลับไปแล้ว ผู้เฒ่าเจียงและยายเฒ่าเจียงก็จะกลับไปพร้อมกันด้วย แม้ว่าหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋จะยินดีให้พวกเขาอยู่ต่อ แต่หล่อนก็ไม่สามารถอยู่ได้นานขนาดนั้นได้ แค่ได้มาเที่ยวเล่นที่นี่ 2-3 วันก็มีความสุขแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...