บทที่ 650 ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์
เป็นเพราะโจวชิงไป๋พูดว่าให้สังเกตการณ์อย่างละเอียด หลินชิงเหอที่เดิมทีไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น ก็จับตาดูไปกับเขาด้วยเช่นกัน
อาเตียนั้นมีหน้าตาไม่โดดเด่น กระทั่งสามารถเรียกได้ว่าธรรมดา เพียงแค่ดูไม่แย่ก็เท่านั้น แต่หญิงสาวคนนี้กลับเป็นคนทำงานขยันขันแข็งยิ่งนัก
นอกจากงานเย็บปักถักร้อยจะทำออกมาได้ดีแล้ว ฝีมือเข้าครัวที่หล่อนน่าจะเรียนรู้มาจากแม่ของหล่อนก็เข้าขั้นไม่เลวเลยทีเดียว
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญก็คือความมีคุณธรรมของอาเตีย
หญิงสาวเป็นคนที่อยู่กับความจริงคนหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนไม่เคยมีพฤติกรรมประจบสอพลอคนอื่น หล่อนเพียงขยันทำงานในแต่ละเรื่องอย่างจริงจัง พอมีเวลาเหลือหล่อนก็จะไปดูแลสวนดอกไม้ หรือตัดแต่งกิ่งต่าง ๆ
อีกทั้งยังเป็นเพราะว่ามีหล่อนมาทำงานที่นี่ เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านกระทั่งซอกหลืบก็ยากที่จะหาฝุ่นเจอสักที่หนึ่ง
สิ่งนี้ชี้ชัดว่าหญิงสาวเป็นคนที่ทำงานได้ไม่เลวคนหนึ่ง
เพราะว่าโจวชิงไป๋ก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน เขาจึงอยากจะนำอาเตียไปพูดกับกังจือ ดังนั้นหลินชิงเหอก็ย่อมต้องมาสอบถามเรื่องของอาเตียจากอาอี๋จ้าวก่อนแล้ว
เนื่องจากเธอรู้ว่าอาเตียนั้นยังไม่ได้แต่งงาน แต่ก็ไม่รู้ว่าอาเตียชอบพอกับใครอยู่หรือไม่
“เสี่ยวเตียปีนี้ก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะคะ อาอี๋จ้าวได้มองใครไว้ให้หรือยังคะ?” หลินชิงเหอยิ้มพูด
อาอี๋จ้าวหัวเราะแล้วพูด “ใช่ค่ะหล่อนไม่เด็กแล้ว เด็กคนนี้อยากจะรอไปก่อน 2 ปี แล้วค่อยหาผู้ชายที่พอจะมีฐานะดีหน่อยแต่งงานด้วย”
“ตอนนี้ในครอบครัวของคุณก็มีกันอยู่สองคน นั่นไม่เป็นไรเหรอคะ?” หลินชิงเหอยิ้มพูด
ตลอดมาหลินชิงเหอไม่เคยพูดเรื่องในครอบครัวของอาอี๋จ้าวเลย วันนี้จึงได้มีโอกาสอันหาได้ยาก ส่วนอาอี๋จ้าวก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่อยากจะพูดอะไรด้วยเช่นกัน หล่อนพูดว่า “นอกจากหล่อนแล้วก็ยังมีน้องชายหล่อนอีก 2 คนค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่มัธยมปลาย”
อาเตียเป็นลูกคนกลาง ก่อนหน้าหล่อนก็มีพี่ชายพี่สาวที่แต่งงานออกไปแล้ว แต่แต่งงานก็คือแต่งออกไปเลย พวกเขาไม่ได้กลับมาช่วยเหลือคนในครอบครัวที่เหลืออะไรหรอก
สามีของอาอี๋จ้าวเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ในตอนนั้นครอบครัวของหล่อนลำบากมาก ๆ อาเตียยังต้องไปขนของหาเงินมาให้คนในครอบครัวตอนหน้าหนาวอยู่เลย เพราะไม่อย่างนั้นพวกเธอก็คงผ่านช่วงหน้าหนาวของที่นี่ไปไม่ได้แน่
แต่หลังจากหลินชิงเหอรับหล่อนมาเป็นแม่บ้าน อะไร ๆ ในบ้านก็ดีขึ้นเป็นอย่างมาก แม้ว่าอาเตียจะไม่มีงานทำ แต่ตอนที่หล่อนยังไม่ได้งานที่นี่หล่อนก็ยังไปขนของอยู่เลย
เงินที่ได้ก็ช่างน้อยนิด แต่ไม่ว่าเท่าไรก็ถือว่ามันเป็นรายได้ที่เอามาจุนเจือครอบครัวได้อีกแรง
ทว่าเมื่อเทียบกันอย่างไรงานที่นี่ก็เงินดีว่ามากอยู่แล้ว
“เมื่อก่อนที่บ้านฉันฐานะไม่ค่อยดี ก็เคยมีคนมาพูดเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่หล่อนเองนั่นแหละค่ะที่ไม่ยอมแต่ง” อาอี๋จ้าวพูด
ที่จริงแล้วนางเองก็แอบคิดอยู่ลึก ๆ เพราะถ้าลูกสาวได้แต่งงานออกไปแล้ว นางที่เหลือตัวคนเดียวก็จะยิ่งกดดัน ความหมายของนางก็คือเรื่องในอนาคตที่ลูกชายอีกสองคนนั้นยังต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอีก หากลูกสาวแต่งงานออกไปแล้วอีกคน ลูกสองคนที่อยู่มัธยมปลายปีที่สองนั้นก็ยังเหลือเวลาอีก 1 ปี ก็ไม่ถือว่าหล่อนแต่งช้าไปหรอก
“ตอนนี้ได้งานนี้แล้วคุณถึงผ่อนคลายขึ้นเยอะสินะคะ” หลินชิงเหอยิ้มพูด
“ค่ะ ผ่อนคลายขึ้นมากเลย” อาอี๋จ้าวพูด
หลินชิงเหอไม่ได้พูดต่ออีกแล้ว เรื่องนี้ให้ดูต่อไปยาว ๆ ดีกว่า ถึงอย่างไรกังจือก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้วเช่นกัน
หลินชิงเหอชื่นชมหลานชายคนนี้มาก เขาเป็นชายหนุ่มสูง 178 เซนติเมตร ด้วยส่วนสูงนี้เขาย่อมไม่ใช่คนเตี้ยอย่างแน่นอน
สิ่งสำคัญก็คือชายหนุ่มเป็นคนมีความรับผิดชอบในหน้าที่มาก ๆ ตัวคนก็มีอนาคตไกล ดูได้จากตอนที่เธอพูดถึงบ้านแบบอาคารพาณิชย์สิ หลังจากนั้นคุณเห็นไหมล่ะว่าเขาสู้ชีวิตขนาดไหน?
เพราะปีนี้การค้าขายคล่องมาก เขาจึงยิ่งขยันทำงานสู้ชีวิตยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก หลินชิงเหอเคยถามรายได้เดือนที่แล้วของเขาว่าได้เท่าไหร่อยู่เลย เขาได้แต่หัวเราะเหอะ ๆ แล้วพูดว่าเขาได้ 1,500 หยวนในเดือนนั้น
เงินเดือน 200 หยวนต่อเดือนในยุคนี้ก็ถือว่าเป็นบุคคลที่มีรายสูงแล้ว แต่เขากลับทำเงิน 1,500 หยวนได้ภายใน 1 เดือน นี่เป็นความสามารถระดับไหนแล้ว?
และที่สำคัญเขาไม่สูบบุหรี่ดื่มเหล้า มีเพียงความตั้งใจที่จะเก็บเงินซื้อบ้านเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...