บทที่ 664 พูดได้เต็มปาก
“พี่อยู่ช่วยงานที่นี่น่ะ” สวี่เชิ่งเฉียงเอ่ยเรียบ ๆ
“แล้วอาสี่ให้เงินเดือนพี่เดือนละเท่าไหร่คะ?” โจวลิ่วนีถามอย่างไม่ใส่ใจ
ชาติก่อนสวี่เชิ่งเฉียงกับสวี่เชิ่งเหม่ยสองคนพี่น้องไม่ได้มีชีวิตที่ไปไกลนัก ต่างอยู่ที่ชนบท ชาตินี้กลับโชคดีได้มาอยู่ที่ปักกิ่ง
โดยเฉพาะสวี่เชิ่งเหม่ย ที่ชาตินี้ได้แต่งงานกับคนดีขนาดนั้น
ชาติก่อนหล่อนได้แต่งกับกุ๊ยคนนึงเท่านั้น แถมยังโดนทุบตีบ่อย ๆ และได้ข่าวว่าเคยโดนทุบตีจนแท้งด้วย
แต่ชาตินี้กลับได้แต่งงานกับคนปักกิ่ง
แน่นอนว่าโจวลิ่วนีไม่รู้เรื่องที่หล่อนหย่าแล้ว
สวี่เชิ่งเฉียงไม่ได้บอกว่าตัวเองได้เงินเดือนเท่าไร เงินเดือนร้อยกว่าหยวนถือว่าไม่ใช่น้อย ๆ เขาโอนเงินกลับบ้านทั้งหมด ขณะที่ตัวเองอยู่ฟรีกินฟรีไม่มีที่ให้ต้องใช้เงิน
โจวลิ่วนีไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเท่าไร เขาไม่พูดก็ไม่เป็นไร เงินเดือนก็จำนวนประมาณนั้นแหละ
หล่อนไม่รู้เรื่องที่เขาหย่า แค่แปลกใจว่าทำไมไม่ออกไปทำกิจการคนเดียวแค่นั้น
สมัยนี้การได้ทำธุรกิจน่ะดีที่สุดแล้ว อยากจะรุ่งเรืองก็ต้องฉวยโอกาสนี้แหละ หลังจากนี้กฎหมายต่าง ๆ จะรัดกุมขึ้นเรื่อย ๆ พวกคลับบาร์ต่าง ๆ จะทำยากขึ้น
ตอนนั้นที่หล่อนเพิ่งไปทางใต้มันทำได้ง่ายมาก แต่หลังจากนั้นก็มีคนมาตรวจตราอยู่บ่อย ๆ ถ้าคนหนุนหลังไม่ใหญ่พอทำต่อไม่ไหวไปนานแล้ว
และหลังจากนี้มีคอนโดมิเนียมด้วย ถ้าซื้อเร็วยังได้ราคาถูก แต่ถ้าหวังซื้อด้วยเงินเดือนน้อยนิดแบบนี้ ต่อให้ตอนนี้ถูกก็ใช่ว่าพวกทำงานกินเงินเดือนจะซื้อไหว
สวี่เชิ่งเฉียงไม่รู้ว่าหล่อนคิดมากขนาดนี้ เขาเห็นท่าทางงุ่มง่ามเงอะงะของหล่อนก็นึกรำคาญจึงเอ่ยขึ้น “เธอไปนั่งตรงนู้นเถอะ พี่ทำเองได้”
จริง ๆ เลย ตอนเขายังไม่ค่อยรู้ความยังทำงานเป็นมากกว่าหล่อนอีก หล่อนช่างไม่รู้จักน้ำหนักมือเอาเสียเลย ไส้เกี๊ยวทะลักหมดแล้ว
โจวลิ่วนีเอ่ย “เมื่อไหร่อาสี่จะมาเหรอคะ?”
“ทุ่มกว่า” สวี่เชิ่งเฉียงบอก
ตอนนี้เพิ่งจะหกโมง ที่บ้านกินข้าวเย็นกันอยู่
หลินชิงเหอไม่ให้ความสำคัญโจวลิ่วนีเลยสักนิด เธอถามกังจือ “เกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้ดูเหนื่อยจริง?”
“วันนี้ผมไปทำธุระหลายที่ เหนื่อยก็จริงแต่ไม่เป็นอะไรหรอกครับ” กังจือบอก
เวลาจะตั้งร้านแผงลอยก็ต้องพิจารณาเรื่องสถานที่ด้วย บางที่ตั้งไม่ได้ เพราะมีพวกนักเลงมาขอเก็บค่าคุ้มครอง อย่างวันนี้เขาเจอไปสองรอบ จึงต้องเก็บแผงไปตั้งที่อื่น
หลินชิงเหอไม่พูดอะไรอีก ตั้งร้านมาตั้งหลายปีย่อมรู้แกวหมดแล้ว เรื่องนี้เขารู้ดีอยู่แก่ใจ เธอเอ่ยเพียงว่า “ดื่มซุปหัวปลานี่เยอะ ๆ หน่อย ฉันว่าช่วงนี้เธอผอมลงนะ”
“อาหารดีขนาดนี้ ไม่มีทางผอมลงหรอกครับ” กังจือยิ้มกว้าง
อาหารบ้านน้าสี่ของเขาเป็นอาหารที่ดีที่สุดที่เขาเคยกินมา กินมาตั้งหลายปีก็ไม่เคยเลี่ยน
“กินเยอะ ๆ หน่อย ปีนี้เจ้าใหญ่แต่งงาน น้าสะใภ้ใหญ่น้าสะใภ้สามแล้วก็แม่เธอบอกว่าจะมากัน เดี๋ยวพวกหล่อนเห็นเธอผอมเอา ๆ ฉันเสียหน้าแย่” หลินชิงเหอกล่าว
“แม่ผมรู้ครับว่าผมกินดีอยู่ดีมาก” กังจือยิ้ม
โจวอู่นีและหลินซิ่วอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ยังไม่กลับ แต่พรุ่งนี้ก็น่าจะกลับมาแล้ว เรื่องนี้ทำให้หลินชิงเหออารมณ์ดีไม่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...