ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 68

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 68 วันขึ้นปีใหม่
บทที่ 68 วันขึ้นปีใหม่
โดย
EnjoyBook
บทที่ 68 วันขึ้นปีใหม่

เจ้าใหญ่ เจ้ารอง กับเจ้าสามได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีกันทุกคน ส่วนโจวชิงไป๋ลูกชายคนเล็กก็กลับมาที่บ้าน สองสามีภรรยาชราจึงหน้าชื่นตาบานเป็นพิเศษในงานเลี้ยงอาหารเย็นครั้งนี้

แม้แต่สะใภ้รองก็ไม่ได้แสดงท่าทีดูถูกออกมา

ความจริงก็คือหล่อนไม่มีเวลาทำอะไรแบบนั้น เป็นโอกาสหายากที่จะได้ทานอาหารอร่อย ๆ แบบนี้ หล่อนเลยไม่รอช้าที่จะทานอาหารมากขึ้นแทน ทำไมต้องคอยจับผิดคนอื่นด้วย?

หลังทานอาหารเย็นในวันสิ้นปีเสร็จ ทุกคนก็คุยกันว่าจะนั่งรอจนถึงเช้าวันปีใหม่

แต่หลินชิงเหอไม่อยากร่วมประเพณีรอวันขึ้นปีใหม่แบบนี้ เธอจึงอยู่สนทนากับคนในบ้านครู่หนึ่งก่อนจะพาเด็ก ๆ กลับบ้านเพื่อเข้านอนในตอนสามทุ่ม ประเพณีนั่งรอให้ถึงเช้าวันปีใหม่มีแค่โจวชิงไป๋เข้าร่วมคนเดียวก็พอแล้ว

ในตอนนี้เองท่านแม่โจวก็ได้ดึงตัวลูกชายคนเล็กเข้ามาคุยในห้อง ซึ่งเรื่องส่วนใหญ่ที่นางถามไถ่ก็คือความคิดอ่านของหลินชิงเหอในตอนนี้

“อย่าห่วงเลยครับแม่ เมียผมดีมาก ๆ เลย” โจวชิงไป๋บอก

“แม่รู้ว่าเมียแกปรับปรุงตัวเองดีขึ้นแล้ว แต่แกยังต้องเอาใจใส่หล่อนอยู่นะ หล่อนยังมีแผลใจจากการลาออกของแกอยู่ ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมาก็ทน ๆ หล่อนหน่อยแล้วกัน” ท่านแม่โจวเอ่ยแนะนำ

โจวชิงไป๋พยักหน้า

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ภรรยาของเขาจะจัดการหุงหาอาหารและดูแลเสื้อผ้าของคนทั้งบ้าน เขาก็เลยยอมอ่อนข้อให้เธอ

ท่านแม่โจวไม่อยากให้ลูกชายคนเล็กยอมลดตัวลงต่อหน้าลูกสาวของคนอื่นเลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ ตอนนี้เขาโตแล้วและมีครอบครัวเป็นของตัวเอง นางจะไม่รู้ได้อย่างไรล่ะว่าสภาพความเป็นอยู่ภายในบ้านจะไม่มีวันสงบสุขได้หากคนเป็นแม่ประพฤติตัวไม่ดี?

พลังของเพศแม่มีอิทธิพลมากมายนัก เรื่องนี้เป็นความจริงโดยไม่ต้องสงสัย

ดังนั้นแล้วท่านแม่โจวจึงคิดว่ายอมให้ลูกชายตัวเองเป็นทาสเมียยังจะดีกว่า อย่างน้อยตอนนี้เมียของอาสี่ก็ไม่สร้างปัญหาเพราะเขาลาออกอีกแล้วล่ะถูกไหม?

เรื่องนี้นับว่าดีนัก ในตอนแรกนางกังวลแทบตายเพราะกลัวว่าสะใภ้สี่จะสร้างปัญหามากมายไม่รู้จบ

ความคิดอ่านตอนนี้ของหล่อนนับว่ายังดี

หลังนั่งรอฉลองวันขึ้นปีใหม่เสร็จแล้ว โจวชิงไป๋ก็กลับไป

ตอนนี้เองโจวเสี่ยวเม่ยก็ได้เข้ามาถามผู้เป็นแม่ “แม่ แม่เรียกพี่ชายสี่เข้ามาคุยอะไรกันคะ?”

“ไม่มีอะไรหรอก” ท่านแม่โจวไม่อยากให้ความใส่ใจกับลูกสาวคนนี้มากนัก ไม่อย่างนั้นหล่อนก็จะไปหาสะใภ้สี่แล้วเอาเรื่องที่นางพูดไปแฉให้ฟัง

“แม่ไม่ต้องบอกหนูก็รู้แล้วค่ะ คงจะบอกให้พี่ชายสี่ประคับประคองความสัมพันธ์กับสะใภ้สี่ให้มาก ๆ สินะคะ?” โจวเสี่ยวเม่ยบอก

ท่านแม่โจวเหลือบมองหล่อน “แกเกิดหัวแหลมขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”

“หนูฉลาดอยู่แล้วล่ะค่ะ จะบอกความจริงให้นะคะ ว่าแม่ควรคุยกับพี่ชายสี่ดี ๆ หน่อยว่าผู้ชายอย่างเขาน่ะโชคดีแล้วที่ได้แต่งงานกับพี่สะใภ้สี่ เขาต้องรักษาเรื่องนี้ไว้ให้ดี” โจวเสี่ยวเม่ยพูด

ท่านแม่โจวฟังแล้วก็เคืองเล็กน้อย “พี่ชายสี่ของแกไม่ดีตรงไหนกัน?”

“พี่ชายสี่ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกค่ะ แต่เทียบกับพี่สะใภ้สี่แล้วเขาถือว่ายังดีไม่พอ หนูรู้นะคะว่าแม่ก็รู้เรื่องนี้ดีต่อให้ไม่พูดออกมา พี่สะใภ้สี่น่ะรสนิยมกับความรู้ดีจะตาย แม้แต่สาว ๆ ชาวกรุงยังเทียบกับหล่อนไม่ติด” โจวเสี่ยวเม่ยเอ่ยเจื้อยแจ้ว

“แล้วเรื่องนั้นมันกินได้ไหม?” ท่านแม่โจวบอก

“คุณนายคะ ทำไมใจดำแบบนี้ หนูกำลังพูดถึงเรื่องจริงจังแต่แม่ก็เฉไฉ” โจวเสี่ยวเม่ยเอ่ย “แม่ แม่รู้สึกไหมคะ? ว่าตอนนี้พี่สะใภ้สี่สวยกว่าเมื่อก่อน”

ท่านแม่โจวเหลือบมองหล่อนแล้วก็ไม่พูดอะไร

ทำไมนางจะไม่เห็นล่ะ? ไม่ต้องบอกถึงรูปโฉมของสะใภ้สี่เลย ต่อให้เป็นสาวชาวกรุงมีการศึกษาหน้าตาดีก็ยังเทียบไม่ได้กับสะใภ้สี่

เทียบกับเมื่อก่อนแล้ว สะใภ้สี่ตอนนี้ดูว่านอนสอนง่ายมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการพูดจาหรือการกระทำ อย่างเช่นวันนี้ที่มีงานเลี้ยงอาหารเย็นส่งท้ายปีเก่าของทั้งครอบครัว หล่อนก็ทำอาหารมาร่วมโต๊ะด้วย แม้แต่สะใภ้รองที่ปกติมักจะพูดเหน็บแนมอยู่ตลอดก็เงียบกริบ นับว่าหล่อนมีน้ำใจและวางตัวเหมาะสมทีเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม