“เธอเขียนสรุปบทเรียนพวกนี้เองหมดเลยเหรอ?” สะใภ้สามพลิกเปิดหน้าสมุดทบทวนบทเรียนผ่าน ๆ จากนั้นก็พูดกับสะใภ้สี่ด้วยอาการตื่นตกใจ
ลายมือของเธอช่างสวยงามเป็นระเบียบเหลือเกิน
“ฉันแค่จดไว้ลวก ๆ น่ะค่ะ” หลินชิงเหอหัวเราะ แผ่นกระดาษพวกนั้นคือบทสรุปบทเรียนที่เธอได้ทบทวนไป ส่วนอื่น ๆ คือการจดลงสมุดอย่างรวดเร็วหลังจดจำข้อความแล้ว
“พี่ไม่คิดเลยว่าเธอจะเขียนหนังสือได้สวยขนาดนี้ เยี่ยมไปเลย” สะใภ้สามอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมเธอ
สะใภ้สามเองก็เคยเรียนหนังสืออยู่ช่วงหนึ่งแล้วก็เลิกเรียนไป ดังนั้นคำต่าง ๆ ที่หล่อนรู้จึงมีจำกัด อย่าว่าแต่การเขียนเลย
“ก่อนหน้านี้ฉันเรียนได้คะแนนดีนะคะ แต่ฉันไม่มีทางเลือกต้องเลิกเรียนไปเพราะครอบครัวไม่ให้เรียนต่อ กลับให้พี่ชายรองจอมเนรคุณเรียนต่อเสียอย่างนั้น” หลินชิงเหอกล่าว
เรื่องที่ผู้ชายได้สิทธิ์เหนือผู้หญิงถือว่าเป็นเรื่องปกติสามัญที่พบเจอได้ในชนบทหลายแห่งของประเทศ
“แต่มาเรียนตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว” สะใภ้สามเอ่ยขึ้น
“ฉันรู้ค่ะว่ามันไม่มีประโยชน์ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ได้อ่านนะคะ คนที่ได้อ่านหนังสือจะฉลาดขึ้นน่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบ
สะใภ้สามรู้สึกว่าสะใภ้สี่ไม่ได้ฉลาดโดยไม่มีเหตุผล ดูสิว่าเธอเป็นคนใฝ่เรียนขนาดไหน ถึงจะเป็นแม่ลูกสามแล้ว แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะใฝ่หาความรู้
“พี่สะใภ้สามคะ อย่าไปบอกเรื่องนี้ข้างนอกนะคะ เรื่องนี้มีแค่ฉันรู้ก็พอแล้วค่ะ ถ้าคนอื่นรู้เข้าว่าฉันเรียนหนังสือที่บ้านก็คงจะหัวเราะเยาะฉันได้” หลินชิงเหอรีบท้วง
“พี่ไม่พูดหรอกจ้ะ แต่การใฝ่เรียนหนังสือถือเป็นเรื่องที่มีเกียรติเลยนะ ใครจะหัวเราะเยาะเธอกันล่ะ?” สะใภ้สามให้สัญญา
“ก็บรรดาคนใจแคบพวกนั้นล่ะค่ะ” หลินชิงเหอยิ้ม
สะใภ้สามได้ยินดังนี้ก็นึกถึงใบหน้าปากไม่มีหูรูดของสะใภ้รองขึ้นมา หล่อนจึงเงียบไป ส่วนหลินชิงเหอก็มองสำรวจต้งต้งและยิ้มกริ่ม “ต้งต้งน้อยโตเร็วมากเลยนะคะ ปีที่แล้วยังตัวเล็กอยู่เลย ตอนนี้เขานั่งบนเก้าอี้ได้แล้ว”
“เด็ก ๆ ก็เป็นแบบนี้แหละจ้ะ เจ้าใหญ่เองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ปีนี้เขาก็ตัวใหญ่ขึ้นมากเลยนะ เด็กในหมู่บ้านที่อายุรุ่นเดียวกับเขาไม่มีใครสูงเท่าเขาเลย” สะใภ้สามให้ความเห็น
หลินชิงเหอเอ่ยด้วยเสียงหัวเราะ “เขาซนมากเลยล่ะค่ะ พอเขาเห็นพ่อของเขาจะไปจับปลาไหล เขาก็รีบทิ้งการบ้านกลางคันและวิ่งออกไปพร้อมกับน้องชายทั้งสองคนเลย”
หลังสนทนากันเกี่ยวกับเด็ก ๆ ครู่หนึ่ง พวกหล่อนก็คุยเรื่องอื่นต่ออีก ก่อนที่สะใภ้สามจะพาต้งต้งกลับบ้าน
หลินชิงเหอให้การต้อนรับหล่อนอย่างอบอุ่น เธอเก็บมะเขือเทศมาจำนวนหนึ่งแล้วหั่นใส่จาน โรยน้ำตาลนิดหน่อย และเสิร์ฟพร้อมไม้จิ้มฟันให้จิ้มทาน ซึ่งมันเป็นของว่างที่แสดงความมีน้ำใจได้เป็นอย่างดี
โจวชิงไป๋พาเด็กทั้งสามออกจากบ้านไปแล้วก็กลับมาในตอนเกือบเย็น
สามพี่น้องรวมทั้งบิดาของพวกเขาต่างเลอะโคลนมอมแมมทั้งตัว แต่หลินชิงเหอก็ไม่สนใจ เพราะคนที่ซักผ้าคือโจวชิงไป๋ อากาศแบบนี้ไม่สะดวกที่จะตากผ้านัก แต่พวกเขามีเสื้อผ้าสำรองอยู่ ดังนั้นหลินชิงเหอจึงไม่โมโหมากเท่าไหร่
ถ้าครั้งนี้หญิงสาวเป็นคนซักผ้า สามพี่น้องคงไม่อาจหลบเสียงตวาดลั่นของเธอได้
โจวชิงไป๋จับปลาไหลนาตัวใหญ่มาได้ 3 ตัวและปลาหนีชิวอีกเป็นจำนวนมาก
ทั้งปลาไหลกับปลาหนีชิวในช่วงฤดูนี้ต่างมีขนาดอ้วนพี และมีรสชาติอร่อยอย่างไร้ที่ติ
ปลาไหลนั้นไม่จำเป็นต้องพักในน้ำสะอาด ขณะที่ปลาหนีชิวต้องปล่อยให้คายโคลนในน้ำก่อนถึงจะนำไปปรุงอาหารได้ ดังนั้นแล้วมื้อเย็นวันนี้จึงเป็นปลาไหลตุ๋น
โจวชิงไป๋ที่ได้กินปลาไหลนาเข้าไปถึงกับตื่นตัวขึ้นมา ทำให้หลินชิงเหอต้องรับศึกหนักบนเตียงไปหนึ่งรอบยาว ๆ หลังจากนั้น
มันไม่มีทางอื่นแล้วหรือไงหา! ศึกครั้งนี้ยาวนานเกินไปจนทำให้เนื้อตัวของเธอชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ซึ่งการเสียเหงื่อท่ามกลางอากาศในฤดูร้อนช่างเหนอะหนะไม่สบายตัวเหลือเกิน
แต่เมื่อเธอออกอาการบ่น โจวชิงไป๋ก็ทำท่าทางไร้เดียงสากลับ ชายหนุ่มไม่อาจทำอะไรอย่างอื่นได้ทั้งนั้นหากว่าหนทางมันยังอีกยาวไกล เขาช่างอึดเสียจริง ๆ
หลินชิงเหอหัวเราะในลำคอขณะดึงแก้มของชายหนุ่ม นานวันเข้าชายคนนี้ก็เริ่มเผยธาตุแท้อันร้ายกาจออกมาเสียแล้ว
โจวชิงไป๋กอดภรรยาของเขาไว้ด้วยความรู้สึกเปรมปรีด์
ในตอนแรก การลาออกจากกองทัพกลางคันทำให้เขารู้สึกเคว้งคว้างอย่างมาก เพราะเขาผูกพันกับกองทัพมาก มันเป็นความฝันของเขาเลย
เขาต้องลาออกกลางคันโดยที่ทำอะไรไม่ได้ แล้วหัวใจของเขาจะสงบสุขได้อย่างไรล่ะ?
แต่ตอนนี้เขาไม่เสียใจที่ได้กลับบ้านแบบนี้อีกแล้ว
โจวชิงไป๋กอดภรรยาไว้และรู้สึกพอใจกับชีวิตในตอนนี้อย่างมาก แถมเขายังโทษตัวเองด้วยในเรื่องที่เมินเฉยใส่เธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...