ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 83

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 83 แตงโมยักษ์
บทที่ 83 แตงโมยักษ์
โดย
EnjoyBook
บทที่ 83 แตงโมยักษ์

“เธอเขียนสรุปบทเรียนพวกนี้เองหมดเลยเหรอ?” สะใภ้สามพลิกเปิดหน้าสมุดทบทวนบทเรียนผ่าน ๆ จากนั้นก็พูดกับสะใภ้สี่ด้วยอาการตื่นตกใจ

ลายมือของเธอช่างสวยงามเป็นระเบียบเหลือเกิน

“ฉันแค่จดไว้ลวก ๆ น่ะค่ะ” หลินชิงเหอหัวเราะ แผ่นกระดาษพวกนั้นคือบทสรุปบทเรียนที่เธอได้ทบทวนไป ส่วนอื่น ๆ คือการจดลงสมุดอย่างรวดเร็วหลังจดจำข้อความแล้ว

“พี่ไม่คิดเลยว่าเธอจะเขียนหนังสือได้สวยขนาดนี้ เยี่ยมไปเลย” สะใภ้สามอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมเธอ

สะใภ้สามเองก็เคยเรียนหนังสืออยู่ช่วงหนึ่งแล้วก็เลิกเรียนไป ดังนั้นคำต่าง ๆ ที่หล่อนรู้จึงมีจำกัด อย่าว่าแต่การเขียนเลย

“ก่อนหน้านี้ฉันเรียนได้คะแนนดีนะคะ แต่ฉันไม่มีทางเลือกต้องเลิกเรียนไปเพราะครอบครัวไม่ให้เรียนต่อ กลับให้พี่ชายรองจอมเนรคุณเรียนต่อเสียอย่างนั้น” หลินชิงเหอกล่าว

เรื่องที่ผู้ชายได้สิทธิ์เหนือผู้หญิงถือว่าเป็นเรื่องปกติสามัญที่พบเจอได้ในชนบทหลายแห่งของประเทศ

“แต่มาเรียนตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว” สะใภ้สามเอ่ยขึ้น

“ฉันรู้ค่ะว่ามันไม่มีประโยชน์ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ได้อ่านนะคะ คนที่ได้อ่านหนังสือจะฉลาดขึ้นน่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบ

สะใภ้สามรู้สึกว่าสะใภ้สี่ไม่ได้ฉลาดโดยไม่มีเหตุผล ดูสิว่าเธอเป็นคนใฝ่เรียนขนาดไหน ถึงจะเป็นแม่ลูกสามแล้ว แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะใฝ่หาความรู้

“พี่สะใภ้สามคะ อย่าไปบอกเรื่องนี้ข้างนอกนะคะ เรื่องนี้มีแค่ฉันรู้ก็พอแล้วค่ะ ถ้าคนอื่นรู้เข้าว่าฉันเรียนหนังสือที่บ้านก็คงจะหัวเราะเยาะฉันได้” หลินชิงเหอรีบท้วง

“พี่ไม่พูดหรอกจ้ะ แต่การใฝ่เรียนหนังสือถือเป็นเรื่องที่มีเกียรติเลยนะ ใครจะหัวเราะเยาะเธอกันล่ะ?” สะใภ้สามให้สัญญา

“ก็บรรดาคนใจแคบพวกนั้นล่ะค่ะ” หลินชิงเหอยิ้ม

สะใภ้สามได้ยินดังนี้ก็นึกถึงใบหน้าปากไม่มีหูรูดของสะใภ้รองขึ้นมา หล่อนจึงเงียบไป ส่วนหลินชิงเหอก็มองสำรวจต้งต้งและยิ้มกริ่ม “ต้งต้งน้อยโตเร็วมากเลยนะคะ ปีที่แล้วยังตัวเล็กอยู่เลย ตอนนี้เขานั่งบนเก้าอี้ได้แล้ว”

“เด็ก ๆ ก็เป็นแบบนี้แหละจ้ะ เจ้าใหญ่เองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ปีนี้เขาก็ตัวใหญ่ขึ้นมากเลยนะ เด็กในหมู่บ้านที่อายุรุ่นเดียวกับเขาไม่มีใครสูงเท่าเขาเลย” สะใภ้สามให้ความเห็น

หลินชิงเหอเอ่ยด้วยเสียงหัวเราะ “เขาซนมากเลยล่ะค่ะ พอเขาเห็นพ่อของเขาจะไปจับปลาไหล เขาก็รีบทิ้งการบ้านกลางคันและวิ่งออกไปพร้อมกับน้องชายทั้งสองคนเลย”

หลังสนทนากันเกี่ยวกับเด็ก ๆ ครู่หนึ่ง พวกหล่อนก็คุยเรื่องอื่นต่ออีก ก่อนที่สะใภ้สามจะพาต้งต้งกลับบ้าน

หลินชิงเหอให้การต้อนรับหล่อนอย่างอบอุ่น เธอเก็บมะเขือเทศมาจำนวนหนึ่งแล้วหั่นใส่จาน โรยน้ำตาลนิดหน่อย และเสิร์ฟพร้อมไม้จิ้มฟันให้จิ้มทาน ซึ่งมันเป็นของว่างที่แสดงความมีน้ำใจได้เป็นอย่างดี

โจวชิงไป๋พาเด็กทั้งสามออกจากบ้านไปแล้วก็กลับมาในตอนเกือบเย็น

สามพี่น้องรวมทั้งบิดาของพวกเขาต่างเลอะโคลนมอมแมมทั้งตัว แต่หลินชิงเหอก็ไม่สนใจ เพราะคนที่ซักผ้าคือโจวชิงไป๋ อากาศแบบนี้ไม่สะดวกที่จะตากผ้านัก แต่พวกเขามีเสื้อผ้าสำรองอยู่ ดังนั้นหลินชิงเหอจึงไม่โมโหมากเท่าไหร่

ถ้าครั้งนี้หญิงสาวเป็นคนซักผ้า สามพี่น้องคงไม่อาจหลบเสียงตวาดลั่นของเธอได้

โจวชิงไป๋จับปลาไหลนาตัวใหญ่มาได้ 3 ตัวและปลาหนีชิวอีกเป็นจำนวนมาก

ทั้งปลาไหลกับปลาหนีชิวในช่วงฤดูนี้ต่างมีขนาดอ้วนพี และมีรสชาติอร่อยอย่างไร้ที่ติ

ปลาไหลนั้นไม่จำเป็นต้องพักในน้ำสะอาด ขณะที่ปลาหนีชิวต้องปล่อยให้คายโคลนในน้ำก่อนถึงจะนำไปปรุงอาหารได้ ดังนั้นแล้วมื้อเย็นวันนี้จึงเป็นปลาไหลตุ๋น

โจวชิงไป๋ที่ได้กินปลาไหลนาเข้าไปถึงกับตื่นตัวขึ้นมา ทำให้หลินชิงเหอต้องรับศึกหนักบนเตียงไปหนึ่งรอบยาว ๆ หลังจากนั้น

มันไม่มีทางอื่นแล้วหรือไงหา! ศึกครั้งนี้ยาวนานเกินไปจนทำให้เนื้อตัวของเธอชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ซึ่งการเสียเหงื่อท่ามกลางอากาศในฤดูร้อนช่างเหนอะหนะไม่สบายตัวเหลือเกิน

แต่เมื่อเธอออกอาการบ่น โจวชิงไป๋ก็ทำท่าทางไร้เดียงสากลับ ชายหนุ่มไม่อาจทำอะไรอย่างอื่นได้ทั้งนั้นหากว่าหนทางมันยังอีกยาวไกล เขาช่างอึดเสียจริง ๆ

หลินชิงเหอหัวเราะในลำคอขณะดึงแก้มของชายหนุ่ม นานวันเข้าชายคนนี้ก็เริ่มเผยธาตุแท้อันร้ายกาจออกมาเสียแล้ว

โจวชิงไป๋กอดภรรยาของเขาไว้ด้วยความรู้สึกเปรมปรีด์

ในตอนแรก การลาออกจากกองทัพกลางคันทำให้เขารู้สึกเคว้งคว้างอย่างมาก เพราะเขาผูกพันกับกองทัพมาก มันเป็นความฝันของเขาเลย

เขาต้องลาออกกลางคันโดยที่ทำอะไรไม่ได้ แล้วหัวใจของเขาจะสงบสุขได้อย่างไรล่ะ?

แต่ตอนนี้เขาไม่เสียใจที่ได้กลับบ้านแบบนี้อีกแล้ว

โจวชิงไป๋กอดภรรยาไว้และรู้สึกพอใจกับชีวิตในตอนนี้อย่างมาก แถมเขายังโทษตัวเองด้วยในเรื่องที่เมินเฉยใส่เธอ

หลังซื้อของเสร็จแล้ว หลินชิงเหอก็พาลูกชายทั้งสองและสินค้าทั้งหมดกลับบ้าน

“แม่ครับ คราวหน้าแม่จะพาพวกผมมาอีกไหม?” ทั้งเจ้ารองกับเจ้าสามถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในที่นั่งด้านหน้า

สองพี่น้องนั่งอยู่ในเก้าอี้เด็กที่ทำมาเป็นพิเศษ จากการออกแบบของหลินชิงเหอและการขอให้โจวชิงไป๋หาช่างไม้มาทำให้พวกเขา

หลินชิงเหอปั่นจักรยานไม่สะดวกนักหากมีพวกเขาที่ยังเล็กเกินไปนั่งซ้อนท้ายเธอ

“แม่ต้องดูก่อนว่าลูก ๆ เชื่อฟังแม่กันหรือเปล่า” หลินชิงเหอยักคิ้ว

“พวกเราจะเชื่อฟังแม่ครับ” เจ้ารองรีบสาบานส่ง ๆ ในทันที

“ทำตัวดี ได้กินแตงโม” เจ้าสามเอ่ยขณะหมายตาแตงโมไว้

ไม่นานนักทั้งสามแม่ลูกก็ถึงบ้าน พวกเขาไม่ได้กินในทันทีเพราะโจวชิงไป๋ยังไม่กลับจากที่ทำงาน ส่วนเจ้าใหญ่ก็ยังไม่เลิกเรียน ต้องรอให้พวกเขากลับกันมาให้ครบทุกคนก่อนแล้วค่อยกิน

แม้มันจะให้รสชาติเย็นชื่นใจมากกว่าเดิมหากเอาไปแช่ในบ่อน้ำ แต่หลินชิงเหอก็ไม่ได้นำแตงโมไปแช่ในบ่อน้ำ เพราะเห็นว่าเด็ก ๆ ยังเล็กกันเกินไป

“แม่ครับ เราต้องรอให้พ่อกับพี่ใหญ่กลับมาถึงจะได้กินเหรอครับ?” เจ้ารองมองแตงโมยักษ์อย่างโหยหา

“ถ้างั้นตอนที่ลูกไม่อยู่บ้านหนึ่งวันแล้วมีอาหารอร่อย ๆ อยู่ เราก็จะกินโดยไม่รอลูกกลับนะ ลูกเอาอย่างนั้นไหมล่ะ?” หลินชิงเหอยักคิ้ว

เจ้ารองส่ายหน้าและเฝ้ารอให้พ่อกับพี่ชายกลับมา

ส่วนเจ้าสามก็เล่นกับแตงโมยักษ์บนเสื่อเย็น ในเมื่อไม่อาจกินแตงโมกันก่อนได้ หลินชิงเหอจึงให้มะเขือเทศกับพวกเขาคนละผลแทน

………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พ่อไม่แผ่วเลยค่ะ ขนาดหน้าร้อนแล้วยังกินแม่โหดเหมือนเดิม ผู้แปลนี่หน้าร้อนไปหมดแล้วววว >///////< เห็นครอบครัวนี้ทานปลาไหล ทานแตงโมกันแล้วก็นึกถึงตอนที่ผู้แปลอยู่ญี่ปุ่นเลยค่ะ ของกินประจำหน้าร้อนบ้านเขาก็จะกินปลาไหลย่างซีอิ๊ว แล้วก็แตงโมกัน แต่ถามว่าได้กินบ่อยไหม ไม่เลยค่ะ…เพราะปลาไหลกับแตงโมแพงทั้งคู่ 555 โชคดีที่สั่งข้าวหน้าปลาไหลย่างซีอิ๊วมาทานแล้ว ไม่อย่างนั้นผู้แปลต้องทรมานกับการแปลตอนนี้แน่ ๆ เลยค่ะ ขอให้ผู้อ่านรอดพ้นจากความหิวในตอนนี้กันทุกคนนะคะ ไหหม่า (海馬)

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม