ครั้งนี้โจวเสี่ยวเม่ยกลับมาเพื่อช่วยซูต้าหลินส่งสารว่าเขาตั้งใจมาพบกับพ่อแม่ของหล่อน จากนั้นก็เป็นการหาฤกษ์ยามจัดงานแต่งงาน เป็นแบบนี้แล้วพวกเขาถึงจะแต่งงานได้
การแต่งงานในยุคนี้รวดเร็วอย่างมาก
เมื่อใดที่เห็นพ้องต้องใจร่วมกันทั้งสองฝ่าย พวกเขาก็สามารถจัดงานแต่งงานได้ในวันรุ่งขึ้น ทุกอย่างช่างง่ายดายเหลือเกิน
ต่อให้พวกเขาต้องการอะไรบางอย่างที่ซับซ้อนมากกว่านี้ มันก็ไม่มีปัญหา
หลินชิงเหอเตรียมตัวพร้อมสำหรับงานนี้แล้ว ขณะที่บ้านตระกูลโจวก็เตรียมแยกครอบครัวกันในเร็ว ๆ นี้
และเรื่องของโจวเสี่ยวเม่ยก็มาได้จังหวะเหมาะพอดี
ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวเลยตัดสินใจว่าจะรอจนกว่าจะจัดงานแต่งงานให้ลูกสาวคนเล็กเสร็จแล้วถึงค่อยแยกครอบครัวกัน
ซูต้าหลินมาที่หมู่บ้านนี้ในวันถัดมาพร้อมกับลุงและป้าของเขา พวกเขาต่างเตรียมสินสอดของหมั้นไว้พรั่งพร้อม มีทั้งน้ำตาล ขนมขบเคี้ยว และอื่น ๆ สรุปได้ว่าการพบปะครั้งนี้ช่างประจวบเหมาะแก่เวลาและมีความสำคัญ ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาคงไม่เตรียมของขวัญดี ๆ แบบนี้มาหรอก
แม้ท่านพ่อกับท่านแม่โจวจะรู้สึกว่าอาการติดอ่างของซูต้าหลินเป็นข้อด้อย แต่ทั้งสองก็รู้ตัวดีว่าถ้าหากไม่ใช่เพราะข้อด้อยเรื่องนี้ของเขาแล้ว ลูกสาวของพวกเขาจะได้แต่งงานกับครอบครัวนี้หรือ?
เขามีบ้านขนาด 40 ตารางเมตรพร้อมกับมีงานทำเป็นหลักแหล่ง เมื่อแต่งงานเข้าไปแล้วหล่อนก็จะกลายเป็นคุณนาย แถมทางครอบครัวฝั่งเจ้าบ่าวยังมีของขวัญแต่งงานชั้นยอดสี่อย่างมามอบให้อีก ซึ่งได้แก่วิทยุ จักรยาน จักรเย็บผ้า และนาฬิกา
พวกเขาไม่ต้องพูดอะไรมากเกี่ยวกับการแต่งงานของโจวเสี่ยวเม่ยเลย เงื่อนไขทุกอย่างถือว่าอยู่ในขั้นยอดเยี่ยมหมด
หลังซูต้าหลินกับคุณลุงคุณป้าของเขากลับไปแล้ว ท่านแม่โจวก็มีท่าทางยินดีปรีดา “ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมแม่เจ้าใหญ่ถึงบอกว่างานแต่งงานนี้จะยิ่งใหญ่ ผู้ชายที่แกจะแต่งงานด้วยถือว่าเป็นหนุ่มชั้นยอดจริง ๆ”
“แต่เสียดายที่เขาพูดติดอ่างไปหน่อย” ท่านพ่อโจวเอ่ย
“พูดติดอ่างแล้วมันจะเป็นอะไรล่ะ? เขาไม่ได้เป็นใบ้สักหน่อย ยิ่งกว่านั้นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตก็คือการทำงานหาเงิน ที่เหลือก็ไม่สำคัญแล้ว” ท่านแม่โจวแย้ง
ทั้งหมดทั้งมวลก็คืองานแต่งงานจะถูกจัดขึ้นในวันสิ้นเดือนนี้
แม้หลินชิงเหอจะเคยเห็นคนในยุคนี้จัดงานแต่งงานกันไวมากมาแล้ว แต่เธอก็ยังตกใจกับความเร็วในการจัดงานอยู่ดี
ขั้นต่อไปก็คือสินสอด
ในวันนั้นเองหลินชิงเหอก็กลับมาจากในอำเภอพร้อมกับผ้านวมใหม่เอี่ยมผืนหนึ่ง
เธอได้เตรียมฝ้ายไว้ล่วงหน้าและสั่งซื้อมันมาเรียบร้อยแล้ว แม้มันจะมีน้ำหนักเพียง 5 ชั่ง แต่มันก็เป็นผ้านวมใหม่คุณภาพดี
“ฉันจะให้ผ้านวมใหม่ผืนนี้กับเสี่ยวเม่ยเป็นสินสอดน่ะค่ะ แล้วฉันก็เตรียมสบู่สองก้อนนี้ไว้ให้หล่อนด้วย เมื่อถึงเวลานั้นก็ให้หล่อนรับไปด้วยกันนะคะ” หลินชิงเหออธิบายหลังปั่นจักรยานไปที่บ้านตระกูลโจวแล้วมอบผ้านวมกับสบู่ที่เธอหยิบออกมาจากในมิติให้กับท่านแม่โจว
“เธอไม่ต้องให้มากขนาดนี้ก็ได้” ท่านแม่โจวเอ่ย นางไม่คิดว่าเธอจะให้ของเนื่องในโอกาสแต่งงานหลายอย่างกับเสี่ยวเม่ย
เหลือบมองครู่เดียวก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ของราคาถูกเลย ไม่ว่าจะเป็นผ้านวมหรือสบู่สองก้อนนี้ พวกมันล้วนเป็นของคุณภาพดีเยี่ยม
“มันดูมากเกินไปหน่อยนะ” สะใภ้ใหญ่เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางไม่สบายใจเล็กน้อย
“เราจะเทียบกับแม่เจ้าใหญ่ได้อย่างไรคะ? ก็ดูสิคะว่าหล่อนมีชีวิตอยู่อย่างไรเมื่อเทียบกับพวกเรา?” สะใภ้รองเอ่ย
สะใภ้สามยังคงเงียบไม่พูดอะไร
หลินชิงเหอได้ยินแล้วจึงเหลือบมองสะใภ้รองด้วยสายตาเคร่งขรึม “ถ้าพี่มีอะไรอยากจะพูดก็พูดมาค่ะ อย่ามาอมพะนำไว้แบบนี้ ถ้าพี่มีความสามารถพอก็ขอให้สามีพี่ออกเงินให้พี่ใช้จ่ายสิคะ ถ้าพี่ไม่มีความสามารถก็จงหุบปากเงียบ ๆ ไปค่ะ”
สะใภ้รองหน้าชาไปทันที “สะใภ้สี่ เธอกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง!”
“ไม่ว่าฉันจะพูดยังไงมันก็ยังเป็นภาษาที่มนุษย์พูดกัน ซึ่งคนปากสุนัขบางคนไม่สามารถออกเสียงได้ถูกต้องและพูดไม่ได้แม้กระทั่งภาษามนุษย์น่ะค่ะ” หลินชิงเหอกวาดสายตาดูถูกใส่หล่อน
“เธอจะสู้ฉันเหรอ?” สะใภ้รองผลักอกเธอในทันที
เห็นชัดว่าสะใภ้รองชักหมดความอดทนกับหลินชิงเหอแล้ว
“คุณแม่ พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้สาม พวกคุณเห็นใช่ไหมคะ? ว่าเป็นพี่สะใภ้รองที่ลงมือกับฉันก่อน” พอพูดจบ หลินชิงเหอก็จับตัวสะใภ้รองเหวี่ยงข้ามบ่าทุ่มลงบนพื้นในทันที
โครม!
ผู้หญิงทุกคนในบ้านต่างตะลึงค้าง ไม่ใช่แค่พวกหล่อนเท่านั้น แม้แต่ท่านพ่อโจวที่กำลังสูบบุหรี่มวนใหญ่อยู่ก็ถึงกับอึ้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...