หลังธัญพืชส่วนสุดท้ายได้รับการเก็บเกี่ยวและถูกส่งให้กับทางรัฐ การแจกจ่ายอาหารรอบสุดท้ายก็เริ่มต้น
จากนั้นการปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวก็เริ่มต้นอีกครั้ง และฝ่ายผลิตก็ประกาศว่างานเสร็จสิ้นแล้ว
ในตอนนี้เองก็มีการเชือดหมูและชำแหละแจกจ่ายเนื้อหมู ขณะเดียวกันคนที่เลี้ยงหมูในหมู่บ้านก็ต้องส่งหมูให้กับทางฝ่ายผลิต
หมูของครอบครัวอื่นมีน้ำหนักราว 70 ถึง 80 ชั่งเป็นอย่างมาก แต่หมูทั้งสองของหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋มีน้ำหนักอย่างน้อยราว 200 ชั่งต่อตัว ดังนั้นหมูสองตัวจึงมีน้ำหนักรวมกันมากกว่า 400 ชั่ง
เมื่อหมูสองตัวนี้ถูกพาออกจากเล้า มันก็สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งหมู่บ้านโจวเจี่ย
พวกเขาทั้งหมดจึงกรูเข้าไปถามโจวชิงไป๋ว่าเลี้ยงหมูอย่างไรถึงทำให้หมูตัวอ้วนพีได้ขนาดนี้?
โจวชิงไป๋จึงบอกไปอย่างไม่ปิดบัง มีผักขม ซากถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง แล้วก็ข้าวโพดบด
ส่วนผสมสามอย่างแรกยังพอรับได้ แต่พอได้ยินว่ามีข้าวโพดบด คนทั้งหลายก็ตกใจ
อะไรนะ เลี้ยงหมูด้วยข้าวโพดบดเหรอ?
พวกเขาไม่มีโอกาสได้กินข้าวโพดบดด้วยซ้ำ แล้วจะเอามาใช้เลี้ยงหมูได้อย่างไร
โดยไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่ต้องเป็นความคิดจากภรรยายอดแย่ของเขาแน่
หลินชิงเหอชินกับคำตำหนิเช่นนี้ไปแล้ว เมื่อโจวชิงไป๋อยากจะบอกว่าพวกเขาเคยเลี้ยงหมูด้วยวิธีนี้แต่ตอนนี้ไม่ได้เลี้ยงแบบนี้แล้ว หญิงสาวก็ห้ามไว้ เธอบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว พวกเขาอยากจะเชื่ออย่างไรก็ปล่อยให้เชื่อไป
แต่หมูสองตัวนี้ที่มีน้ำหนักมากเกินกว่าหมูอ้วนตามเกณฑ์ปกติทั้งห้าตัวก็ได้กลายเป็นเป้าสายตาอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการเลี้ยงหมูครั้งนี้จะไม่ขาดแต้มค่าแรงแน่ ที่สำคัญมากกว่านั้นคือคนทั้งหมู่บ้านได้เตรียมลับมีดรอแล้ว
เนื่องจากหมูของครอบครัวอื่นรวมถึงฝ่ายผลิตไม่ได้อ้วนท้วนสมบูรณ์ขนาดนั้น พวกเขาจึงต้องการเชือดหมูสองตัวนี้เพื่อแจกจ่ายให้กับทุกคน ได้หมูอ้วนพีมาแบบนี้แล้ว พวกเขาก็จะมีมันหมูสำหรับเจียวทำน้ำมันหมูในปริมาณมากอย่างแน่นอน!
เมื่อได้รับความเห็นชอบจากทุกคน เลขาธิการสาขาของหมู่บ้านก็ให้สัญญาณเชือดหมู คนอื่น ๆ รีบพุ่งไปประจำหน้าที่ทันที
การแจกจ่ายเนื้อหมูแบบครั้งนี้จะจัดขึ้นอีกครั้งก่อนถึงวันปีใหม่ มันยังมีหมูในฟาร์มเหลือสำรองสำหรับคอมมูนอีกเป็นจำนวนมาก
การเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงในครั้งนี้ช่างเหน็ดเหนื่อยนัก ทุกคนจึงได้กินของดีกว่าเดิม
เมื่อหมูของครอบครัวพวกเขาถูกเชือด โจวชิงไป๋ก็ขอหัวหมู ลำไส้หมูท่อนหนึ่ง กระเพาะหมู หางหมู มันหมู 5 ชั่ง ซี่โครงใหญ่ 8 อัน และเนื้อติดกระดูก นอกจากนี้เขายังได้เนื้อสามชั้นกับเนื้อแดงล้วนอย่างดีมาส่วนหนึ่งด้วย
เนื้อส่วนที่นิยมทานและถือว่าเป็นเนื้อชั้นดีในยุคนี้คือเนื้อติดมัน รองจากนั้นก็เป็นเนื้อสามชั้นติดตะโพก และหัวหมู
ส่วนลำไส้ใหญ่ กระเพาะหมู และลำไส้เล็กนั้นไม่ถูกนับรวม และเนื้อแดง เนื้อซี่โครง เนื้อติดกระดูก ก็ไม่ใช่เนื้อส่วนที่นิยมทานกันนัก พวกมันจึงมีราคาถูก
แม้มันจะดูมาก แต่ความจริงแล้วมันก็ยังสัมพันธ์กับแต้มค่าแรงที่เขาได้อยู่ดี
ยิ่งกว่านั้นหมูตัวใหญ่อ้วนพีสองตัวนี้ครอบครัวเขาเป็นคนเลี้ยง จึงไม่มีปัญหาอะไรที่เขาจะได้รับส่วนแบ่งก่อน โดยที่คนอื่นในหมู่บ้านไม่อาจว่าอะไรได้
ต่อให้มีคนจำนวนมากหมายตาหัวหมูหัวใหญ่อยู่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าค้านเมื่อโจวชิงไป๋คว้ามันไป
“สะใภ้สี่ ทำไมถึงไม่ให้น้องเขยขอมันหมูมากกว่านี้ล่ะ? เนื้อนั่นดีกว่าตรงไหนเหรอ?” สะใภ้ใหญ่กระซิบถาม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราควรเหลือไว้ให้คนอื่นบ้าง” หลินชิงเหอตอบ
“แม่เจ้าใหญ่ช่างใจกว้างจริง ๆ” ป้าสะใภ้หวงที่เป็นเพื่อนบ้านได้ยินแล้วก็ถึงกับเอ่ยชมเธอ
“ป้าสะใภ้หวงพูดอะไรน่ะคะ? ถ้าหล่อนใจกว้างจริง ทำไมหนูถึงไม่เห็นหล่อนทำงานในทุ่งนาเลยล่ะ” หวังหลิงหัวเราะคิกคัก
“ถ้าฉันไปทำงานในทุ่งนา แล้วเธอจะยังได้เนื้อดี ๆ จากหมูของครอบครัวฉันอยู่ไหมล่ะ? รู้ไหมว่ามันยากลำบากขนาดไหนกว่าจะเลี้ยงมันจนอ้วนพีได้ขนาดนี้? มีให้กินก็หุบปากซะนะ ไม่มีใครเห็นเธอเป็นใบ้หรอกหากว่าเธอไม่ได้พูดน่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า
ใบหน้าของหวังหลิงคล้ำลงทันที
หลินชิงเหอยิ้มเหยียดให้ เมื่อเป็นเรื่องทะเลาะทุ่มเถียงกันแล้วเธอก็ไม่กลัวหรอก ถ้าหล่อนมีความสามารถนักก็เข้ามาเลย!
ความจริงก็คือหวังหลิงไม่กล้าเข้าไปหาเรื่อง หล่อนจึงหันกลับมาคุยกับสะใภ้รอง สะใภ้รองถึงกับเหลือบชายตามองหลินชิงเหอ แต่เธอก็ไม่สนใจ
ทันทีที่โจวชิงไป๋จัดสรรเนื้อเสร็จแล้ว เธอก็ตามเขากลับไปพร้อมกับเจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสาม
“แม่ครับ ปีนี้ครอบครัวเราได้เนื้อหมูมาเยอะเลย เราทำลูกชิ้นหมูได้ไหมครับ?”เจ้าใหญ่ถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...