ลำแสงสีทองอร่ามพวยพุ่งออกจากก้อนถ่านทรงกลมสีดำสนิท มันเป็นลำแสงที่ส่องสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าประกายปกติของมันฝรั่ง ทำให้ใครก็ตามที่ได้เห็นถึงกับตาค้าง
พื้นผิวของก้อนถ่านสีดำค่อยๆ หลุดลอกออกมา ราวกับดอกตูมที่ค่อยๆ คลี่กลีบ ลำแสงสีทองทวีความเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ
ไอร้อนระอุแทรกอยู่ระหว่างลำแสงสีทองนั้น ไอร้อนทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเลือน ดูเหมือนฉากหลังอันแสนตื่นตาตื่นใจในดินแดนมหัศจรรย์ที่มีก้อนทองเลอค่าตั้งอยู่ตรงกลาง
กลิ่นหอมเข้มข้นชวนให้อดใจไม่ไหวพัดผ่าน มันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬที่สุกเรียบร้อยแล้วส่งกลิ่นหอมจนน่าเหลือเชื่อออกมา เป็นกลิ่นเข้มข้นพร้อมกลิ่นเกรียมนิดๆ
พอพื้นผิวของก้อนถ่านลอกออกจนหมด มันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬสีออกแดงอมส้มที่อยู่ข้างในก็เผยออกมา มันดูสวยงามราวกับเป็นงานศิลปะที่เทพบนสรวงสวรรค์สรรค์สร้างขึ้น ทั้งงดงามและสว่างเจิดจ้า ดูล้ำค่าเหมือนอำพันไม่มีผิด
ไอร้อนโอบล้อมมันสีอำพันนี้เอาไว้ ทำให้ใครก็ตามที่ได้เห็นล้วนต้องรู้สึกตื่นเต้นอยากกินขึ้นมาทันที
“สวยใช่ไหมเล่า” ปู้ฟางจับมันฝรั่งเอาไว้ในมือหนึ่งพลางพูดอย่างพึงพอใจ กลิ่นหอมหวานของมันฝรั่งทำให้สีหน้าของชายหนุ่มอ่อนโยนขึ้นมาทีเดียว
ต้วนอวิ๋นมองมันเผาร้อนฉ่าจนควันขึ้นด้วยสีหน้าเหม่อลอย จมูกของเขากระตุกไม่หยุด กลิ่นของมันเผานี้เหมือนมีพลังวิเศษที่ทำให้เขาต้องสูดลมหายใจเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักอิ่ม เหมือนต้องการจะสูบกลิ่นหอมนี้เข้าปอดให้หมดอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อได้ยินคำพูดของปู้ฟาง ชายหนุ่มก็พยักหน้าอย่างเหม่อลอยตอบรับ เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬจะสวยงามชวนหลงใหลได้ถึงเพียงนี้
มันฝรั่งนี้เป็นสมุนไพรหายากระดับแปด คนส่วนมากมักนำไปปรุงโอสถทิพย์ด้วยวิธีการเล่นแร่แปรธาตุ ไม่มีใครบ้าเหมือนไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี่หรอก ที่จะเอาของล้ำค่าเช่นนี้ไปทำอาหารกิน
ต้วนอวิ๋นต่อต้านการนำมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬไปทำอาหารอย่างหัวเด็ดตีนขาด แต่เขาก็ต้องยอมรับว่ามันฝรั่งที่เผาเสร็จแล้วสวยงามมากจริงๆ
“ลองชิมดูสิ รับรองรสชาติดีเสียยิ่งกว่าหน้าตาอีก”
ควันสีเขียวลอยวนอยู่รอบข้อมือของปู้ฟาง จากนั้นมีดทำครัวกระดูกมังกรทองก็ปรากฏขึ้นในมือชายหนุ่ม
ประกายมีดทอแสงวาบ เขาหั่นมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬออกเป็นสองซีกแล้วส่งซีกหนึ่งให้ต้วนอวิ๋น
มันกินได้จริงๆ หรือ
ต้วนอวิ๋นกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เขาตวัดสายตามองปู้ฟางพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที
ในเมื่อมีอาหารมาให้ถึงที่แล้วจะปฏิเสธได้อย่างไร ชายหนุ่มดึงพลังปราณเที่ยงแท้มาห่อหุ้มมือเอาไว้แล้วรับมันเผามา เนื้อมันที่เพิ่งเผาเสร็จใหม่ๆ นั้นร้อนลวกมือ แม้เขาจะใช้พลังปราณเที่ยงแท้ปกป้องฝ่ามือไว้ แต่ก็ยังร้องออกมาเสียงดังเมื่อสัมผัสเข้ากับความร้อน ชายหนุ่มรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที
ต้วนอวิ๋นถือมันเผาเอาไว้ในมือสองข้างอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เอาปากเป่าเบาๆ เพื่อไล่ไอร้อนให้หายไป
ปู้ฟางไม่ได้สนใจต้วนอวิ๋นอีก เขาจ้องมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬในมือตนเองไม่วางตา
มันหวานเผาเป็นอาหารรายการที่ทำได้ง่ายๆ ด้วยการขุดหลุมบนพื้น วางหินลงไปสองสามก้อน และฝังหัวมันลงไปในดิน จากนั้นก็สุมกิ่งไม้แห้งไว้ด้านบนแล้วก่อกองไฟ และใช้ความร้อนของกองไฟในการทำให้หัวมันสุก ปู้ฟางจำวิธีการทำอาหารแบบนี้มาจากชีวิตในชาติก่อนหน้า
แต่การทำมันเผานั้นมีหลายวิธีด้วยกัน เช่น การใช้เตาถ่านและวางหัวมันเอาไว้ด้านในเพื่อเผา หากใช้วิธีนี้ในการเผามัน จะทำให้เปลือกมันแห้งกรอบร้อนฉ่า ส่วนเนื้อด้านในหวานหอมอร่อยล้ำ
รสชาติไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเยี่ยมยอด
หลังจากลอกเปลือกดำปี๋ด้านนอกออกจนหมด ปู้ฟางก็เป่ามันเบาๆ แล้วรีบกัดเข้าไปเต็มคำ
เนื้อมันฝรั่งร้อนฉ่าจนทำให้ฟันของเขาแทบร่วง ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าหลังกิน จับได้ถึงกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเนื้อมันทันที
รสชาติหวานของเนื้อมันเข้าห่อหุ้มต่อมรับรสของเขา ทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นเต้นสุขล้น ดวงตาของปู้ฟางเป็นประกายสว่างวาบ
รสสัมผัสของเนื้อมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬนั้นเยี่ยมยอดมาก พลังปราณทั้งหมดในเนื้อมันยังอยู่ครบ ถ้วน แปลว่าเนื้อมันนี้มีพลังปราณอัดแน่นเหมือนโอสถทิพย์เลยทีเดียว มันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬหัวเล็กๆ นี้เต็มเปี่ยมด้วยพลังปราณปริมาณมาก เหมือนระเบิดมือลูกเล็กที่ระเบิดคุณค่าของมันออกมาในปากอย่างไรอย่างนั้น
ที่สำคัญที่สุดคือ ปู้ฟางสัมผัสได้ถึงบางสิ่งในเนื้อมันฝรั่งที่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อนในอาหารจานอื่น เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เหมือนกับว่าในเนื้อนั้นมีบางสิ่งที่เทียบเท่าท่วงทำนองของการตื่นรู้อยู่ นับเป็นสิ่งที่น่าพิศวงเป็นอย่างมาก
ปู้ฟางสรุปกับตนเองได้ว่านี่คงเป็นปัญญาวิญญาณอย่างหนึ่ง แม้มันฝรั่งนี้จะผ่านกระบวนการเผาด้วยวิธีที่เรียบง่าย แต่มันกลับ…แตกต่างจากอาหารจานอื่นๆ ที่ชายหนุ่มเคยทำมาอย่างสิ้นเชิง เพราะมันฝรั่งหัวนี้มีปัญญาวิญญาณแฝงอยู่นั่นเอง
แม้ปัญญาวิญญาณในเนื้อมันจะเบาบางจนแทบสัมผัสไม่ได้ แต่ทักษะการทำอาหารที่เยี่ยมยอดขึ้นก็ทำให้ประสาทสัมผัสของปู้ฟางแหลมคมขึ้นจนจับกระแสการเปลี่ยนแปลงภายในหัวมันได้
การอุบัติขึ้นของปัญญาวิญญาณในอาหารที่เขาทำ นับเป็นการค้นพบใหม่ของปู้ฟางเลยทีเดียว
เขาค่อยๆ พัฒนาตนเองจนมาถึงจุดที่เรียกได้ว่าเป็นพ่อครัวระดับกลางแล้ว ทักษะการทำอาหารของเขาเดินทางมาถึงจุดคอขวด แม้ชายหนุ่มจะพัฒนาฝีมือต่อไปได้ แต่ความคืบหน้าก็สั้นลงเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด
ในฐานะชายที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นพ่อครัวเทพในโลกแห่งจินตนาการแห่งนี้ ปู้ฟางรู้สึกกระสับกระส่ายกับความคืบหน้าที่ลดน้อยถอยลงเป็นอันมาก เนื่องจากมันทำให้เขาบรรลุจุดหมายช้าลงทุกที
แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดนั้นเป็นเรื่องปกติเมื่อเริ่มต้น ยิ่งขั้นปราณของเขาพัฒนามากขึ้นเท่าใด การมองโลกของเขาก็กว้างขึ้นเท่านั้น และทักษะการทำอาหารของเขาก็ยอดเยี่ยมขึ้นด้วย ซึ่งทำให้การพัฒนาความสามารถยิ่งยากขึ้นไปอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD