ทะลุมิติมาเป็นพระชายา นิยาย บท 30

เมื่อมองไปที่ชายสองคนที่ยังคงดิ้นภายใต้การควบคุมของทหารยาม เซี่ยเฮ่าเซียนก็ขมวดคิ้วอย่างขยะแขยง “มัดมันแล้วเอาน้ำเย็นมาสองหม้อมาสาดให้มันได้สติ”

“ฮ่า ท่านยังสวมชุดนอนอยู่เลย ท่านช่างเป็นมืออาชีพจริงๆ” หรงลี่ชำเลืองมองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มจางๆ

เซี่ยเฮ่าเซียนอยากจะดึงนางเข้ามาแล้วปิดตานางเสียจริง "เหตุใดพวกเจ้าจึงซุกซนนัก? ให้ข้าดูสองคนนั้นชัดๆ ได้หรือไม่? พวกเขาดูไม่มีความยับยั้งชั่งใจเอาเสียเลย"

แม้เขาจะถูกรบกวน แต่ก่อนหน้านี้เซี่ยเฮ่าเซียนมิได้มองดูเครื่องแต่งกายของพวกเขาให้ละเอียด เมื่อหรงลี่กล่าวเช่นนั้น เขาจึงถือโอกาสมองสำรวจชายทั้งสองอีกครั้ง

เสื้อผ้าของชายอ้วนนั้นธรรมดาและไม่เป็นทางการ แต่หลินต่งนั้นต่างออกไป เขาสวมชุดเดินทางสีดำและมีหน้ากากสีดำรอบคอ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องเคยสวมมันมาก่อน

เซี่ยเฮ่าเซียนขมวดคิ้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้เรียบง่ายยิ่ง นั่นคือการจับขโมย แต่เขาไม่คิดว่าจะจับคนได้ในโรงเก็บฟืน เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสิ่งเหล่านี้

เขาเป็นคนมอบหลินต่งให้มู่ซิ่วโหรว ขณะที่เขากำลังจะพักผ่อนในวันนี้ หัวขโมยก็เข้ามาในลานบ้าน ยามผู้เฝ้าระวังประจำลานเสวี่ยอวี้เป็นผู้ค้นพบ ตอนที่เขาเดินออกไปดู เขาก็เห็นเค้าร่างคนผู้นั้นรางๆ หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินยามรายงานว่ามันกำลังมุ่งไปปีกตะวันตกเฉียงเหนือ มู่ซิ่วโหรวเร่งรีบออกมาที่ลานบ้านแล้วบอกเขาอย่างกังวลว่านั่นเป็นที่ตั้งของลานมู่ฝู นางเกรงจะเกิดเรื่องกับหรงลี่ นางเร่งเร้าให้เขารีบไปตรวจดู

เขาไม่คิดว่าชายในชุดดำที่เขาหาไม่พบในลานมู่ฝูจะวางแผนทำเรื่องสกปรกอยู่ในห้องเก็บฟืน

เซี่ยเฮ่าเซียนลดมือที่ปิดตาของมู่ซิ่วโหรวลง ในเวลานี้เขาเข้าใจถึงเหตุและผลของเรื่องและอดไม่ได้ที่จะมองนาง

มู่ซิ่วโหรวตื่นตระหนกเมื่อเห็นสภาพของหลินต่ง เมื่อนางได้ยินคำพูดของหรงลี่ นางก็แทบรอไม่ไหวที่จะฉีกปากของหรงลี่ คำพูดเหล่านี้ฟังดูเหมือนพวกเขากำลังบอกว่าหลินต่งเป็นคนร้ายที่เข้ามาในจวนในวันนี้

แม้ว่าจะเป็นกรณีนี้ แต่นางไม่เคยคิดว่าสิ่งต่าง ๆ จะกลับกลายไปถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ เซี่ยเฮ่าเซียนกำลังมองมาที่นาง

ร่างกายของมู่ซิ่วโหรวแข็งทื่อ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเซี่ยเฮ่าเซียนสงสัยในตัวนาง?

เขาไม่! เขารักนางที่สุด มิใช่หรือ?

มู่ซิ่งโหรวหายใจเข้าลึก นางทำเป็นเพิ่งเห็นหลินต่ง นางส่งเสียง "อา" เบาๆ แล้วปิดปากอย่างไม่เชื่อสายตา ส่วยศีรษะไปมา นางก้าวถอยหลังและพูดว่า "เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ท่านพี่ หลินต่งเป็นอะไรไป?"

นางคว้าแขนของเซี่ยเฮ่าเซียน ดูราวกับนางจวนเจียนจะแหลกสลาย เซี่ยเฮ่าเซียนประคองมู่ซิ่วโหรวไว้อย่างรวดเร็ว

“ใช่แล้ว ข้าไม่เคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ข้าเป็นคนที่ไร้เดียงสาที่สุด เหตุใดข้าจะต้องถูกสงสัยเล่า?”

หรงลี่ หายใจเข้าลึกและกำหมัดแน่น นางดูเหมือนจะอดทนอะไรบางอย่าง ทว่าสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่มู่ซิ่วโหรว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สังเกตเห็นนาง

เสี่ยวเถาเดินตามหลังและคอยจับตาดูนาง นางพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับหรงลี่ อย่างไรก็ตาม นางคิดว่าเจ้านายของนางอาจเจ็บปวดกับความรักขององค์ชายที่มีต่อพระชายารอง

นางก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวและยกมือขึ้นเพื่อประคองหรงลี่ นางยืดหลังตรงราวกับว่านางกำลังให้กำลังใจ

หรงลี่หายใจเข้าลึกและตบมือของเสี่ยวเถาเบา ๆ แสดงว่านางออกสบายดี

โดยระงับความโกรธในใจ หรงลี่ชำเลืองมองมู่ซิ่วโหรว นางต้องคิดหาทางที่จะออกจากที่นี่

“จุ๊ จุ๊ จุ๊ เขาเป็นหัวขโมยที่เราจะจับคืนนี้ใช่หรือไม่?” หรงลี่เลิกคิ้ว “เราต้องสอบสวนเขาอย่างละเอียด เราอาจจะรู้ได้ว่าใครคือผู้บงการ”

มู่ซิ่วโหรวลืมตาขึ้นและมองไปที่หรงลี่ “พี่หญิง หลินต่งเป็นคนซื่อสัตย์ในจวนเสมอ เขาจะเป็นขโมยได้อย่างไร? เขาเคยอยู่กับฝ่าบาทมาก่อน”

“เขาจะยังเหมือนเดิมหรือ? ก็ในเมื่อตอนนี้เขาติดตามผู้ใดกันเล่า??” หรงลี่คิดกับตัวเอง ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด นางควรจะเป็นลมได้แล้วมิใช่หรือ?

แน่นอนว่ามู่ซิ่วโหรวสำลัก นางเอามือปิดหน้าอกแล้วพูดว่า "ท่านหมายถึงข้าหรือ? ข้าอยู่กับท่านมาตลอด และข้าก็ไม่รู้เรื่องอันใดแม้แต่น้อย คนผิดมิใช่ข้า ข้า...""

ก่อนที่นางจะพูดจบประโยค นางก็หมดสติไปพร้อมกับเสียงสะอื้น

หรงลี่ยกนิ้วให้ตัวเอง แน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดปกติกับนาง มู่ซิ่วโหรวจะไม่อนุญาตให้เซี่ยเฮ่าเซียนสอบปากคำหลินต่งในตอนนี้ ถ้าเขาเปิดเผยตัวตนของนางโดยไม่ตั้งใจก็คงเป็นเรื่องตลก

"ซิ่วโหรว ซิ่วโหรว..." เซี่ยเฮ่าเซียนอุ้มมู่ซิ่วโหรวที่เป็นลมแล้วเขย่านาง ทว่ามู่ซิ่วโหรวไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย

เดิมที เซี่ยเฮ่าเซียนต้องการให้ใครสักคนปลุกหลินต่งให้ได้สติ มันจะเป็นการง่ายสำหรับเขาที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้มู่ซิ่วโหรวเป็นลม เขาต้องดูแลนางก่อน เขาจึงอุ้มนางขึ้นและบอกยามที่อยู่ข้างๆ ว่า "ขังมันไว้ พรุ่งนี้ข้าจะจัดการมันเอง"

"ขอรับ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเป็นพระชายา