"เห็นกันอยู่ว่าผู้ที่ต่ำช้าคือซูหนิงซี!"
หลังจากเหล่าตระกูลไป๋ได้ยินข่าวลือแพร่สะพัด ซูหนิงซานนางเริ่มทำลายข้าวของพลางแผดเสียงกรีดร้องโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของนาง "เหิงเกอเกอไม่ต้องการนางแล้วเหตุใดกลับกลายเป็นเช่นนี้!"
"ซูหนิงซีนังแพศยา! เจ้ามันเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ต้องการปีนป่ายไต่เต้าเข้าหาเซ่อเจิ้งอ๋อง!"
ยิ่งได้ก่นด่านางยิ่งโกรธเกรี้ยว ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเคือง "นังแพศยาผู้นี้ เพียงแค่ข้าเห็นหน้านางแวบแรก ข้าก็รู้สึกขยะแขยงนางจนเข้าไส้! เหตุใดนางถึงเหนือกว่าข้าอยู่เสมอ?!"
จวบจนวันนี้ แม้นว่านางเฉียวได้แต่งงานและเป็นฮูหยินแห่งสกุลซู แต่ส่วนลึกภายในจิตใจของซูหนิงซานรู้ดีว่าสถานะของนางยังคงต่ำต้อยกว่าซูหนิงซี
นางหนึ่งเป็นบุตรีตามกฎเกณฑ์ อีกนางหนึ่งเป็นบุตรีนอกกฎเกณฑ์และเพิ่งจะมาเป็นบุตรีตามกฎเกณฑ์ในช่วงสามสี่ปีให้หลัง
ภายในใจซูหนิงซานรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ นางไม่ยินดียอมรับสถานะบุตรีนอกกฎเกณฑ์ในช่วงแรกเริ่มเดิมทีของนาง
ในเมืองหลวงนี้ แม้ว่าปัจจุบัน นางและบุตรีของตระกูลอื่นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ภายในใจของนางรู้ดี ลับหลังนาง ผู้อื่นต่างก็นินทาว่าร้ายถึงสถานะแรกเกิดของนาง
เปลือกนอกผู้อื่นต่างเป็นมิตรสหายที่ดีกับนาง แต่แท้จริงแล้วผู้อื่นต่างก็เหยียดหยามและเย้ยหยันนาง!
เดิมทีการหมั้นหมายระหว่างซูหนิงซีและไป๋หลี่เหิงทำให้นางอิจฉาริษยาจนแทบคลั่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะช่วงชิงไป๋หลี่เหิงมาได้ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าในวันนี้ซูหนิงซีกลับมาพลอดรักอยู่กับเซ่อเจิ้งอ๋อง!
เป็นที่ชมชอบของเซ่อเจิ้งอ๋อง ซูหนิงซานมิอาจหาญนึกจินตนาการเสียด้วยซ้ำ
ไม่เพียงแค่นาง แม้นกระทั่งเหล่าสตรีในเมืองหลวง เหล่าสตรีสามัญชน สำหรับไป๋หลี่จิ่นแล้วเกรงว่าส่วนลึกภายในจิตใจของพวกนางต่างมิอาจกล้าคิดเช่นนั้น
บุรุษผู้นั้น หากเพียงแค่ได้พบเห็นผู้คนต่างต้องถอยหนี!
หลังจากนางระบายโทสะ อารมณ์ของซูหนิงซานจึงสงบลง จากนั้นนางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แววตาชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นนัยต์ตาของนาง
.......
เป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือน ซูหนิงซีไม่ได้ออกมาเที่ยวเตร่เลย ตลอดทั้งวันนางใช้เวลาอยู่ที่สวนป่าไผ่และรู้สึกว่าตนเองใกล้จะเซื่องซึมเต็มที
นางคิดถึงรสชาติอาหารของหอสือเสิน นางแทบรอไม่ไหวที่จะได้ออกไปเที่ยวเล่น
ทันทีที่มาถึงประตูทางเข้า เผอิญพบกับซูหนิงซานที่กำลังยืนอยู่บริเวณหน้าประตู
โดยไม่รอให้นางเริ่มเอ่ยปาก ซูหนิงซานก็เอ่ยวาจายั่วยุนางอีกครา "ท่านพี่กำลังจะไปไหนหรือเจ้าคะ? รีบร้อนไล่ตามเซ่อเจิ้งอ๋องอยู่หรือเจ้าคะ?"
ซูหนิงซีปรายตามองนางและเพิกเฉยต่อนาง
กับคนประเภทนี้ มิจำเป็นจะต้องสิ้นเปลืองวาจา
ใครจะรู้ ทันทีที่นางหลบไปซ้าย ซูหนิงซานก็เบี่ยงมาซ้าย เมื่อนางหลบไปขวา ซูหนิงซานก็เบี่ยงมาขวา แท้จริงแล้วนางต้องการถ่วงเวลา ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้มยั่วยุ
ซูหนิงซียืนกอดอกพลางเอ่ย "ว่ากันว่าสุนัขที่ดีจะไม่เกะกะขวางทาง ข้าว่าน้องสามดูท่าจะไม่ยอมประพฤติตนเป็นสุนัขที่ดีใช่หรือไม่?"
"ท่านด่าข้าหรือ?"
"เจ้าก็รู้ตัวเองดีนี่ รู้ตัวด้วยว่าข้ากำลังด่าเจ้า"
ซูหนิงซานโกรธจนหน้าถอดสี ซูหนิงซียิ้มพลางชำเลืองมองนาง จากนั้นผลักนางให้หลีกทางและเดินเข้าไปด้านใน
หญิงสาวทำตัวใสซื่อแต่ร้ายลึกอย่างนาง อย่างมากก็ทำได้เพียงตามรังควานไปวันๆเท่านั้น ไหนจำเป็นจะต้องเสียอารมณ์เพราะนางด้วยเล่า
หลังจากผ่านศึกสงครามกับซูหนิงซาน ทันใดนั้นนางรู้สึกมีกําลังวังชาขึ้นมาทันใด!
ก่อนหน้านี้นางเคยมาหอสือเสินอยู่หลายครา ได้ยินว่าความหลากหลายของรสอาหาร เถ้าแก่ของหอได้คิดค้นขึ้นเอง ดังนั้นเถ้าแก่หลังม่านผู้นี้อาจจะเป็นเพื่อนร่วมสมัยของนางก็เป็นได้
นางมาหอสือเสินก็ตั้งหลายครา ทว่ากลับไม่เคยพบหน้าเถ้าแก่เลย ภายในใจของซูหนิงซีรู้สึกคันยุบยิบ สำหรับเรื่องของคนผู้นี้ที่ข้ามภพมาด้วยกัน นางเริ่มอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้นเสียแล้ว
กระทั่งยามอู่[1]ของวันนี้ ในที่สุดซูหนิงซีก็ได้พบกับเถ้าแก่ผู้ลึกลับ
หลังจากนางสั่งอาหาร ซูหนิงซีเดินออกจากห้องอาหารส่วนตัวของนาง ตั้งใจว่าจะเข้าห้องสุขาทำธุระเสียหน่อย ชายผู้หนึ่งเดินผ่านมาพร้อมรอยยิ้ม ชายผู้นั้นสบสายตากับซูหนิงซีพลางพยักหน้าอย่างเป็นมิตรและเดินเข้าไปในโรงครัวของหอสือเสินพร้อมกับเอ่ยว่า "หากวันนี้อาหารไม่สดใหม่ ข้าจะจับพวกเจ้าโยนลงแม่น้ำปล่อยให้เป็นอาหารปลาเสีย!"
เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ ซูหนิงซีรู้สึกคุ้นหูเป็นอย่างมาก
เมื่อนานมาแล้ว สหายสนิทของนางมักเอ่ยคำพูดเช่นนี้ "จับเจ้าโยนลงแม่น้ำปล่อยให้เจ้ากลายเป็นอาหารปลาเสีย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาป่วนหัวใจ ท่านอ๋องจอมหึง
ไม่อัพต่อหรือคะ...
รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ...