ซูหนิงซีและไป๋หลีจิ่นยังคงเอ่ยถึงเรื่องข่าวลือที่แพร่สะพัด
ไม่นานนัก บริเวณสวนป่าไผ่มีเสียงของผู้คนจำนวนไม่น้อยกำลังรวมตัวกัน ใบหน้าของนางเฉียวดูหยิ่งผยอง นางกำลังคว้ามือซูหงเหว่ยที่ใบหน้าดูแค้นเคืองพลางส่งสัญญาณห้ามปรามว่าอย่าได้หุนหันพลันแล่น รวมถึงซูหนิงซานและไป๋หลีเหิงที่ต่างรีบร้อนเข้ามา
หลังจากนางเฉียวได้ยินคำตอบของบ่าว ในชั่วข้ามคืนนางได้ส่งคนไปยังวังหลวงและเชิญไป๋หลีเหิงมายังจวน
เฮยเย่าซ่อนตัวอยู่ภายใต้ความมืดมิดพลางมองดูพวกเขา ในใจยิ้มเย้ยหยัน
ซูหนิงซีและไป๋หลีจิ่นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวดังเอะอะอยู่ภายนอก นางยังไม่ทันจะลุกขึ้นแต่งกาย ประตูพลันถูกผลักและเปิดออก
ซูหนิงซานถือโคมไฟ รีบร้อนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเป็น 'กังวล' "ท่านพี่ เมื่อครู่นี้ทหารรักษาการณ์บอกว่ามีใครบางคนลอบเข้ามายังจวนของท่านพี่ ท่านพี่ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่เจ้าคะ?"
หากผู้ที่ไม่รู้จักมักคุ้นได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ผู้คนเหล่านั้นคงคิดว่าซูหนิงซานเป็นห่วงเป็นใยท่านพี่คนนี้ของนางด้วยใจจริง!
ริมฝีปากของซูหนิงซียกยิ้ม สบตากับไป๋หลีจิ่นเพียงครู่หนึ่ง นางคว้าผ้าห่มคลุมเรือนร่างของตนไว้และนั่งอยู่บนเตียงเช่นนั้น
ซูหนิงซานสาวเท้าตรงมาข้างเตียง นางเห็นชายผู้หนึ่งนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงและนั่งหันหลังให้กับนาง จากนั้นนางมองไปทางด้านซูหนิงซีที่กำลังใช้ผ้าห่มคลุมเรือนร่างของตนไว้ สิ่งนี้เผยให้เห็นว่านางยังมิได้สวมชุดแต่งกาย ทันใดนั้นนางตื่นตระหนกจนใบหน้าซีดเซียว
"อ๊ะ....."
ซูหนิงซานกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก นางเบิกตากว้างจ้องมองซูหนิงซี "ท่านพี่! ท่านเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ? ชายผู้นี้ทำอะไรท่านพี่หรือไม่เจ้าคะ?!"
ด้วยคำกล่าวนั้น ไม่รอให้ซูหนิงซีได้อธิบาย ฉับพลันซูหนิงซานร้องตะโกนออกไป "ทหาร! ทหาร! รีบเข้ามานำตัวชายชั่วผู้นี้ไป!"
ชายชั่ว?
ไป๋หลีจิ่น บุรุษที่ถูกกำหนดให้เป็น 'คนเร่ร่อน' และ 'ชายชั่ว' สีหน้าของเขาไม่แปรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขายังคงนั่งอยู่เช่นนั้นไม่หันกลับมา นัยต์ตาเย็นเยียบราวกับต้องการดูซูหนิงซานว่านางกำลังจะเล่นละครในบทบาทใด
เมื่อได้ยินเสียงซูหนิงซานกรีดร้อง สีหน้าของไป๋หลีเหิงบึ้งตึง รีบสาวเท้าเข้ามาภายในจวน นางเฉียวและซูหงเหว่ยไล่หลังตามเข้ามา
บ่าวที่มีไหวพริบรีบเปิดดวงไฟในทันที จากนั้นแสงไฟภายในจวนก็สว่างไสวไม่ต่างจากกลางวัน
ไป๋หลี่เหิงเห็นแค่เพียงแผ่นหลังของไป๋หลี่จิ่น แม้นจะยังมองไม่ออกว่าคือผู้ใด แต่เปลือกตากำลังสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าเกรงว่าค่ำคืนนี้จะต้องมีเรื่องยุ่งยากเสียแล้ว
เพื่อที่เนางฉียวจะได้มีบทบาทและต้องการระบายความโกรธเคืองของนางกับซูหนิงซาน นางรีบก้าวเท้าไปด้านหน้า ก่นด่าซูหนิงซีด้วยความโกรธเกรี้ยว "ในยามบ่ายมีอีกาฝูงหนึ่งบินโฉบเหนือจวนสกุลซู ข้าล่ะสงสัยนักว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น! ที่แท้ค่ำคืนนี้ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หากว่าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป พวกข้าที่อยู่ในจวนแม่ทัพจะต้องอับอายขายหน้าก็เพราะเจ้า!"
"แม่ของเจ้าด่วนจากไปจึงไม่มีผู้ใดอบรมสั่งสอนให้เจ้ารู้จักเคารพและรักตัวเจ้าเองใช่หรือไม่? แม้ว่าการอภิเษกกับองค์รัชทายาทจะไม่สำเร็จ แต่เจ้าก็ไม่ควรที่จะทำตัวต่ำช้าเช่นนี้!"
"แล้วก็เจ้า เจ้าคือผู้ใดมาจากที่ไหน เป็นคน......"
คำว่า 'เร่ร่อน' ยังไม่ทันจะเอ่ยออกมา เมื่อได้เห็นใบหน้าของไป๋หลี่จิ่น สีหน้าของนางเฉียวซีดเผือดลงทันใด นางถอยหลังไปสองก้าวด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
นางอ้าปากค้างและตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก!
ผู้อื่นที่อยู่รอบข้างยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ไป๋หลี่เหิงก้าวไปด้านหน้าและเอ่ยว่า "เรื่องการถอนหมั้นกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวที่ถูกเอ่ยถึงไปทั่วเมือง ทั้งตัวข้าและราชวงศ์ต่างก็ต้องอับอายขายหน้า! ที่แท้ลับหลังข้า เจ้าก็ได้ไปมาหาสู่ทำเรื่องบัดสีกับชายอื่นอยู่แล้ว!"
นางเฉียวพยายามส่งสัญญาณบอกใบ้ไป๋หลี่เหิงอย่างสุดความสามารถเพื่อให้เขาหยุดกล่าววาจาเช่นนั้น
แต่ไหนเล่าที่ไป๋หลี่เหิงจะเข้าใจสัญญาณใบ้ของนาง?
ไป๋หลี่เหิงกล่าวอีกว่า "เจ้าบอกข้าสิ ในแคว้นเป๋ยนี้ยังมีชายคนใดที่จะเทียบเท่ากับองค์รัชทายาทผู้นี้ได้อีก?!"
ซูหนิงซีมองไป๋หลี่เหิงที่ยืนสง่าผ่าเผยอยู่ด้านหน้าของนาง นางกระแอมออกมาอย่างอดไม่ได้และเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี "องค์รัชทายาท ข้าแนะนำว่าท่านเงียบปากไปเสียดีกว่า"
"เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้ออกคำสั่งให้ข้าเงียบปาก?"
ไป๋หลี่เหิงมองไม่เห็นถึงความหวังดีพลางจ้องมองซูหนิงซีด้วยแววตาโกรธเคือง "เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าในยามนี้ข้าสามารถสั่งให้คนเข้ามาลากตัวเจ้าและตัดหัวประหารเจ้าได้ในทันที?!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาป่วนหัวใจ ท่านอ๋องจอมหึง
ไม่อัพต่อหรือคะ...
รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ...