นางเฉียวพาคนจำนวนไม่น้อยมายังประตูใหญ่ เมื่อเห็นว่าซูหนิงซีและหลิวเอ๋อร์เข้าประตูใหญ่มาแล้ว และ“ชายผู้นั้น”มิได้ปรากฏกายด้วย ดังนั้นจึงสั่งเสียงดังทันทีว่า “ชายชู้ผู้นั้นคงยังไปได้ไม่ไกลนัก จับตัวมาให้ข้า!”
เด็กหนุ่มถือตะเกียงไปเปิดประตูและรีบวิ่งออกไป มีเพียงคนรับใช้ที่เฝ้าประตูยืนก้มหน้าด้วยความเกรงกลัว ไม่กล้าพูดอะไรและไม่ได้ตามออกไป
คนพวกนี้ไม่ได้ตั้งใจจะไปหาเรื่องผู้ใดใช่ไหม?
ซูหนิงซีขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ มองดูนางเฉียวที่ยืนอยู่ด้านหน้า รู้ดีว่าคืนนี้นางจะต้องมา
“เฉียวอี๋เหนียง[1] นี่ท่านกำลังทำอะไร?”
“เมื่อครู่มีคนเห็นว่าเจ้าและชายชู้แอบนัดพบกัน”
นางเฉียวไม่ปิดบัง รีบเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแดกดัน“ข้าว่าแล้ว เหตุใดจึงไม่อยากเป็นพระชายาองค์รัชทายาท ขอยกเลิกการอภิเษก ที่แท้ก็แอบไปมาหาสู่กับชายอื่นนี่เอง!”
“ท่านพ่อของเจ้ายังไม่กลับ ในฐานะที่ข้าเป็นฮูหยิน แน่นอนว่าต้องรับผิดชอบตามจับชายชู้ผู้นั้น เพื่อส่งตัวให้องค์รัชทายาทจัดการ!”
เมื่อเห็นหน้าบวมๆไม่ต่างจากหัวหมูของนางเฉียวเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเช่นนั้น ซูหนิงซีกลับรู้สึกขบขันยิ่งนัก “ชายชู้”พูดออกมาได้เต็มปาก “ชายชู้หรือ?ข้าแนะนำให้ท่านรีบตามไปจับซะ ชายชู้ยังอยู่ด้านนอกไปได้ไม่ไกลนัก!”
เนื่องจากนางเฉียวต้องการที่จะหาเรื่อง เช่นนั้นนางจึงไม่คิดที่จะหยุดเป็นแน่
แม้ว่าไป๋หลี่จิ่นจะจัดการนางแล้ว และซูหนิงซีเองก็คิดว่ารุนแรงเกินไป……
เซ่อเจิ้งอ๋องไป๋หลี่จิ่นเป็นที่“เลื่องลือ” ทั่วทั้งเมืองหลวงตลอดจนเขตทางเหนือ ต่างรู้กันถึงความเย็นชาโหดเหี้ยม ผู้คนต่างหลีกเลี่ยง
แต่สมองหมูอย่างนางเฉียว คาดไม่ถึงว่ากล้าที่จะท้าทายเช่นนี้?
เมื่อเห็นสีหน้าของซูหนิงซี ก็อดไม่ได้ที่จะขบคิด หรือว่านังสาวใช้จะมองพลาดรายงานมั่วซั่ว?
ในขณะที่นางเฉียวกำลังลังเลอยู่นั้น คนรับใช้ที่ตามจับชายชู้ได้วิ่งกลับเข้ามาพร้อมพูดกับนางว่า “ฮูหยิน พวกข้าไล่ไปตามถนนฉางอัน แต่ไม่เจอชายที่คุณหนูใหญ่แอบนัดพบเลยขอรับ”
คนรับใช้ผู้หนึ่งกล่าวว่า “แต่ทว่า ข้าน้อยพบเซ่อเจิ้งอ๋องขอรับ……”
ดังนั้น จึงเอ่ยออกมาด้วยความงุนงง
“เซ่อเจิ้งอ๋อง?”
นางเฉียวขมวดคิ้วด้วยความประหม่า ไม่พูดมากพลางโบกมือ “ช่างเถอะ พวกเจ้าไปได้”
ซูหนิงซีถอนหายใจ แล้วจึงกลับไปยังเรือนพร้อมหลิ่วเอ๋อร์
นางเฉี่ยวมิได้รั้งไว้ พลางพูดกับตนเองขณะเดินอยู่ “บังเอิญอะไรเช่นนี้?เมื่อวานเซ่อเจิ้งอ๋องมาเพื่อให้องค์รัชทายาทกล่าวขอโทษ วันนี้ตามจับชายชู้ของนังเด็กสารเลวนี่ยังเจอเซ่อเจิ้งอ๋องอีก?”
“หรือว่า……”
ชายชู้ผู้นั้น คือเซ่อเจิ้งอ๋อง
นางเฉียวตกใจกับความคิดอันโง่เขลาของตนเอง
เมื่อคิดดูแล้ว เซ่อเจิ้งอ๋องกับจวนแม่ทัพไม่เคยติดต่อกัน……อย่าว่าแต่จวนแม่ทัพเลย ในเมืองหลวงนี้เกรงว่าจะมีแต่จวนซั่งกั๋วกง[2]เท่านั้นที่เคยติดต่อกันอยู่บ้าง
ยิ่งซูหนิงซีด้วยแล้วยิ่งเข้าไปใหญ่ ผู้ที่ไม่ออกนอกประตูใหญ่ ไม่ล่วงข้ามประตูสอง[3] ทั้งสองจะพบกันได้เช่นไร
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางเฉียวจึงเห็นว่าการพบกันสองครั้งนั้นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ
ดังนั้น นางจึงตัดสินใจว่าต้องจับชายชู้ของซูหนิงซีมาให้ได้
เป็นเวลาหลายวันนับจากวันที่ “ชายชู้”มิได้ปรากฏกายขึ้น ซูหนิงซีอยู่แต่ในเรือนของตน มิได้ออกจากจวนเพื่อไปยังร้านขายยาอีก
นางเฉียวจึงไม่มีโอกาสได้ตามจับชายชู้ผู้นั้น จึงรู้สึกกังวลใจยิ่งนัก
สองวันก่อน นางให้ซูหนิงซานแจ้งไป๋หลี่เหิงเรื่องนี้ แต่ไป๋หลี่เหิงกลับไม่เชื่อ
วันนี้นางเฉียวจึงได้ตัดสินใจสั่งให้สาวใช้ของตนเย่ว์หงไปกระทำการบางอย่างโดยกำชับว่า “ยิ่งมีคนรู้เยอะเท่าไหร่ยิ่งดี”
……
ฮูหยินและคุณหนูในเมืองหลวงนั้นล้วนดูมีคุณธรรมสูงส่ง แต่จริงๆแล้วมิได้มีนิสัยต่างจากหญิงทั่วไป:ชอบนินทา
สตรีลิ้นยาว[4]นั้นมักมีสัญชาตญาณที่เฉียบแหลม เมื่อได้ยินเรื่องนินทาเพียงเล็กน้อย กลับสามารถเติมเชื้อเพลิง กระจายวงกว้างได้ในเวลาอันสั้น
ไม่นานนักข่าวลือก็กระจายไปทั่วเมืองหลวง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาป่วนหัวใจ ท่านอ๋องจอมหึง
ไม่อัพต่อหรือคะ...
รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ...