ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 11

ทะลุมิติทั้งครอบครัว ตอนที่ 11 ไม่ผ่านแล้ว
ตอนที่ 11 ไม่ผ่านแล้ว

รถลากเทียมล่อแล่นออกนอกเขตเมือง ซ่งฝูเซิงกับเฉียนเพ่ยอิง ซ่งฝูหลิงหันหน้าไปมองเมืองนั้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

พวกเขาเพิ่งเดินทางมายังไม่ถึงสิบสองชั่วโมงดีก็ต้องจากไปอีกแล้ว และยังเป็นแบบกระทันหันไม่ทันได้ตั้งตัว

ซ่งฝูเซิงตบบ่าเหล่าหนิวเพื่อสั่งการ “ไปทางถนนเส้นเล็ก อย่าไปทางถนนสายที่ผ่านสองตำบลนั้น”

เหล่าหนิวตวัดแส้ พร้อมกับเอ่ยชื่นชม “นายท่านเก่งมาก คิดได้รอบคอบ เมื่อสักครู่ข้าน้อยยังอยากจะพูดเช่นนี้เหมือนกัน”

ถ้าเป็นยุคปัจจุบัน ซ่งฝูหลิงคงจะหัวเราะออกมาว่า อยู่ดีๆ เขากลายเป็นคนฉลาดขนาดนี้ได้อย่างไร แต่ตอนนี้นางหัวเราะไม่ออก

นางเอ่ยถามด้วยความกังวล “ท่านพ่อ พวกเราไปทางบ้านท่านย่า เดินทางจากด้านนั้นก็ขึ้นเหนือไปใช่ไหม พวกเราจะไปทางทิศเหนือหรือ?”

“ใช่ ทางใต้ประสบภัยแล้ง เราต้องไปทางทิศเหนือ…

…เมื่อถึงบ้านท่านย่าของเจ้า ข้ายังต้องรายงานให้ผู้คุมหมู่บ้านรับทราบ ให้คนในหมู่บ้านหลบหนีได้…

…เฮ้อ มันไม่ง่ายเลย ทุกคนต่างก็เป็นคนยากจน ชีวิตคนสำคัญดุจฟ้า คาดว่าคงไม่มีใครอยากให้ลูกหลานของตนเองต้องถูกจับตัวส่งไปตาย…

…พวกเราต้องรีบหาคนที่มีกำลังทำงานหลายคน ในบ้านมีแรงงานสัตว์ที่ใช้ในการทุ่นแรง ไม่เป็นภาระคอยดึงรั้งพวกเราไว้ และยังต้องมีจำนวนอาหารเหมือนกับพวกเรา ไม่แตกต่างกัน เพื่อออกเดินทางด้วยกัน หากพบเจอโจรป่าหรือคนเร่ร่อน พวกเราจะได้คอยดูแลกันและกันได้”

“ท่านพ่อ ประชาชนหนานเมี่ยนที่ประสบภัยคงเดินทางมาไม่ถึงเร็วขนาดนั้นหรอกนะ ข้าเดาว่า เมืองหลวงคงยังไม่แตก หากแตกหรือว่ามีประกาศเรียกเกณฑ์ทหาร อำเภอที่พวกเราอยู่คงจะมีคนจำนวนมากหนีออกมา หากไม่อยากถูกส่งไปตายก็คงต้องหนี…

…คาดว่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็คงอยากจะหนีเหมือนกัน ไม่เหมือนพวกเราส่วนน้อยที่ได้รับข่าวก่อน…

…อืม หากเป็นเช่นนั้นสถานการณ์คงจะดีขึ้นหน่อย เพราะไม่ต้องผ่านเมืองหลวง ผู้ประสบภัยหนานเมี่ยนก็ผ่านมาไม่ได้ พวกเราคงหนีได้สะดวก ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผู้ลี้ภัยดักปล้นสะดม”

ซ่งฝูเซิงหันมองบุตรสาว นางยังอายุน้อย

ตอนอยู่ในยุคปัจจุบัน นางไม่เคยที่จะอดอยากหิวโหย ทุกวันได้แต่คิดแค่ว่าจะกิน จะเที่ยว จะแต่งตัวอย่างไรดี และก็เรียนที่โรงเรียนมาตลอด นางยังไม่รู้ว่าบางทีจิตใจของคนก็โหดร้ายที่สุดได้

ซ่งฝูเซิงส่ายศีรษะ

“ข้าคิดว่าการประกาศเกณฑ์ทหารใกล้มาถึงแล้ว หรืออาจถึงแล้ว เพียงแต่ว่านายอำเภอเหล่าเหยียไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ถึงไม่ปิดประตูเมือง แต่ข้าคาดว่าคงใกล้จะปิดประตูเมืองแล้ว…

…หรือว่าเขาไม่อยากต่อสู้อยู่เคียงข้างกับท่านอ๋องฉี เขาจึงพาคนในครอบครัวหนีไปก่อน?…

…ไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรก็ช่างมัน ตัวเมืองหลวง อำเภอ หมู่บ้าน ต่างทราบว่าใกล้จะมีสงคราม…

…พูดถึงเรื่องนั้น คนส่วนใหญ่หนีไม่พ้นต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่หนีพ้น ถึงจะเป็นคนส่วนน้อย แต่ก็นับเป็นจำนวนคนที่มากอยู่…

…อะไรที่เรียกว่าผู้ลี้ภัย? ยิ่งหนียิ่งลำบาก ยิ่งเดินทางไป ยิ่งไม่มีอะไรจะกิน สุดท้ายก็กลายเป็นคนเร่ร่อนพเนจร…

…ปีนี้หนานเมี่ยนเกิดภัยแล้ง สถานที่ของพวกเราก็แล้งเช่นกัน ข้าไม่อยากจะอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆจึงย้ายออกไป ก็เพราะว่าสถานที่นี้อยู่ไม่ได้แล้ว…

…หลบหนีการเกณฑ์ทหารได้ แต่หนีพวกผู้ลี้ภัยจากหนานเมี่ยนที่อพยพเข้ามาไม่ได้ ถึงหนีจากพวกผู้ลี้ภัยได้ แต่ก็หนีจากการเรียกเก็บภาษีของท่านอ๋องอู๋ที่ยึดเมืองไม่ได้ นี่คือข้อความในจดหมายของท่านตาเจ้า…

…แท้จริงแล้ว บ้านท่านยายของเจ้าในปีนี้ผลผลิตไม่ดี ข้าวสารอาหารแห้งราคาขึ้นสูง เพียงพอแค่ได้กินข้าวต้มเท่านั้น…

…ถ้าหากต้องหนี แต่ละคนจะต้องมีอาหารเท่าไหร่? และสามารถพกไปได้เท่าไหร่ ไม่มีกินก็ต้องไปแย่งชิงปล้นเขา ฆ่าคนหนึ่งคน สองคน ก็ยังดีกว่าต้องอดตาย”

พูดจบ ซ่งฝูเซิงก็รู้สึกว่ามีแสงสว่างแวบอยู่ทางด้านหลัง เยื้องไปทางด้านข้าง พอหันกลับไปมองก็เห็นภรรยาของเขากำลังถือมีดหั่นผักอยู่ ทำให้เขาถึงกับตกใจ

“เจ้าทำอะไร?”

เฉียนเพ่ยอิงพึมพำ “ข้าจับมีดหั่นผักแล้วรู้สึกปลอดภัยดี”

“เจ้าจะทำตัวเองบาดเจ็บนะสิ นี่ไปไหนต่อไหน หลังจากนั้นถึง…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว