ถึงแม้เฉียนหมี่โซ่วจะมีอายุเพียงห้าขวบ การพูดจายังไม่ปะติดปะต่อกัน แต่ตอนนั้นเขากำลังกินข้าวต้มอยู่ในครัว และสามารถเล่าถึงเนื้อหาสำคัญได้อย่างชัดเจน
เด็กน้อยกำลังรำพันกับท่านป้าเฉียนเพ่ยอิง ยิ่งเล่ายิ่งเศร้าโศกเสียใจ ตัดสินใจไม่กินข้าวต้มแล้ว วางชามลงก็พลางคิดในใจ ยังจะกินอะไรลงได้อีก แค่นี้ก็โศกเศร้าจะตายอยู่แล้ว
ไม่นานเขาก็ร้องไห้ฟูมฟายออกมาและร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว ให้ท่านป้ารีบหนีไป
ซ่งฝูหลิงรีบวิ่งมาที่ครัว แต่ที่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็คือ ภาพที่แม่ของนางนั่งคุกเข่าตรงหน้าเตาไฟ ไฟเกือบจะลามถึงตัว มือที่เปื้อนน้ำมันและแป้งกำลังสั่นเทา
นางคิดว่า นางควรจะต้องปลอบใจท่านแม่
แต่ทว่า
“ท่านแม่?”
เฉียนเพ่ยอิงรีบหันไปมองหน้าลูกสาว ตาจ้องเขม็งราวสิบวินาที จ้องเสร็จไม่ต้องให้ลูกสาวพยุง นางก็รีบลุกขึ้นมาด้วยความกระฉับกระเฉง
หลังจากลุกขึ้นมาก็อยากจะวิ่งไปข้างนอก
เฉียนเพ่ยอิงยื่นมือมาจับแขนซ่งฝูหลิง นางยกขาข้างหนึ่งถีบเก้าอี้ไม้ที่เกะกะขวางทางอยู่ข้างหน้า วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับตะโกน “โอ้ย ให้ตายเถอะเหล่าซ่ง! สถานการณ์ไม่ดีแล้ว เจ้าอยู่ที่ไหน รีบออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้ พวกเราต้องรีบไปแล้ว!”
ซ่งฝูหลิงดึงนางไว้ “ท่านแม่ ท่านอย่าตะโกนเลย ในจดหมายเขียนไว้ ท่านพ่อเพิ่งนำยามาให้ซื่อจ้วง เขากำลังเก็บข้าวของอยู่หลังเรือน”
เฉียนเพ่ยอิงไม่รอให้บุตรสาวพูดจบก็รีบร้อนพูดแทรกขึ้นมาก่อน “เก็บของอะไรกัน ข้าเห็นว่าพ่อของเจ้าช่างซื่อบื้อนัก ไม่รู้ว่าอะไรคือเรื่องเร่งด่วน ยังจะไปซื้อยามาให้ซื่อจ้วง คนพวกนี้ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับพวกเราสักหน่อย พวกเราต้องรีบไปแล้ว รีบหน่อย!”
ตอนท้ายคือพูดใส่ซ่งฝูหลิง นางรีบดึงบุตรสาวไปทางหลังเรือนเพื่อไปหาสามี
ซ่งฝูหลิงออกแรงสะบัดแขนแต่ก็สะบัดไม่ออก ท่านแม่กระวนกระวายใจ ร้อนรนมาก ดูเหมือนว่าจะสงบสติอารมณ์ไม่อยู่ เธอจึงใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงไปที่จุดหู่โข่วตรงมือขวา เพื่อให้แม่หันไปมองเฉียนหมี่โซ่ว
เฉียนหมี่โซ่วยืนอยู่ตรงประตูครัว เมื่อเขาสบสายตากับท่านป้า เขาก็ร้องไห้ออกมา
เขาเศร้าโศกเสียใจมาก รู้สึกว่าตนเองอายุเพียงห้าขวบ ร่างกายกลับต้องแบกรับภาระความเจ็บปวดที่ทนไม่ไหว
ได้ยินการพูดคุยก็ได้แต่คิดว่า เสร็จแน่ ท่านป้าไม่ต้องการเขาแล้ว ท่านปู่กับท่านพ่อ ท่านแม่ก็ไม่มีแล้ว คนรับใช้ในบ้านก็ตายไปบ้าง หนีไปบ้าง เขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร
เฉียนเพ่ยอิงมองเด็กน้อยที่ร้องไห้ขยี้ตาอย่างหนัก กลืนน้ำลายที่ไม่มีในลำคอ
เห็นเด็กร้องไห้เช่นนี้แล้วก็ไม่กล้าที่จะสบสายตาหมี่โซ่ว ทันใดนั้นนางก็ใช้กำปั้นตีเข้าที่อก “หัวใจของข้ารู้สึกไม่ดี ข้าจะออกไปผ่อนคลายก่อน สักพักจะกลับมา”
ซ่งฝูหลิงหันไปมองแม่ที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว นางรู้ดีว่าหัวใจของท่านแม่ไม่มีปัญหา ก่อนตะโกนเตือนออกไป “ท่านพ่อของข้าใกล้กลับมาแล้ว หนิวจั่งกุ้ยก็ใกล้กลับมาแล้ว ถ้าเขากลับมา พวกเราก็ออกเดินทางได้ ท่านรีบกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เสื้อผ้าที่จะผลัดเปลี่ยนหลังอาบน้ำวางไว้บนเตียงของท่านแล้ว จำไว้ว่ากระโปรงสวมใส่ทับไว้ด้านนอก และหาเสื้อผ้าหนาๆ กับรองเท้าของท่านกับท่านพ่อไว้ด้วย ค่อยๆ หา อันไหนใช้ได้ก็เก็บใส่ไว้ ”
เฉียนเพ่ยอิงวิ่งไปทางห้องพัก นางนำผ้าเช็ดหน้าออกมาโบกไปมา
ซ่งฝูหลิงก็ไม่ได้ว่าง ไม่มีเวลามาปลอบเฉียนหมี่โซ่ว
นางรีบเข้าไปในครัว เริ่มทยอยเก็บอาหาร และสำรวจตรวจสอบว่ามีของกักตุนไว้เท่าไร
แค่มองก็ใจหาย ข้าวสารมีแค่ครึ่งถุง ส่วนพวกแป้งกลับมีเยอะมาก กว่ายี่สิบห้ากิโล แต่น้ำมันมีแค่หนึ่งโถ เป็นน้ำมันไช่จื่อ น้ำตาลเป็นน้ำตาลอ้อย ซึ่งมีจำนวนน้อย เกลือเหลือเพียงครึ่งโถ
นางใช้เท้าเตะของที่กระจายอยู่ข้างเท้า เช่น ตะกร้าที่มีไข่ไก่อยู่ยี่สิบกว่าฟอง นางเรียกเด็กน้อยมาช่วย “นำของสิ่งนี้ย้ายไปที่ประตูใหญ่ ถือไปไม่ไหวก็ถือน้อยหน่อย วิ่งหลายรอบแทน อย่าทำแตกนะ”
เฉียนหมี่โซ่วที่ช่วยย้ายของรอบแรกยังคงสะอึกสะอื้นไปด้วย พอวิ่งไปรอบสองรอบสาม ก็เริ่มเหงื่อออกและลืมที่จะร้องไห้แล้ว
ส่วนซ่งฝูหลิงเตรียมดึงกระทะเหล็กขนาดใหญ่ใส่ไป กระทะใบนี้จำเป็นต้องนำไปด้วย มิเช่นนั้นระหว่างทางจะใช้อะไรเพื่อต้มดื่มต้มกิน
เมื่อคิดถึงเรื่องการดื่มก็คิดได้ว่าต้องขนน้ำไปด้วย เห็นมีโอ่งใบใหญ่แต่สิ่งนี้ก็หนักเกินไป อาจทำให้รถลากเทียมล่อพลิกคว่ำได้ แต่ก็จำเป็นต้องนำน้ำไป ใช้ถังใส่ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเดินทางไปหาน้ำไป อย่างน้อยก็มีน้ำใช้ในการทำอาหารชั่วคราว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...