ทุกคนก็ทั้งหนาวทั้งกลัว อีกทั้งกำลังตื่นตระหนกมาก
เกรงว่าท่านแม่ทัพจะพาลโกรธที่พวกเขาซึ่งเป็นผู้ลี้ภัย มาต่อสู้กับคนอื่น
แม้ว่าจะมีเหตุผลว่าพวกเขาเป็นผู้โดนกระทำ ถูกคนมาปล้นถึงได้ขัดขืน แต่ก็ใช้ทั้งมีดทั้งไม้กระบอง ใช้น้ำร้อนลวกหัวคนจนกลายเป็นหัวหมูไปแล้ว ดูเหมือนจะ…
นั่งคุกเข่าลงกับพื้น ตัวสั่นเทา
ลู่พั่นเดินตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าซ่งฝูหลิง
ซ่งฝูหลิงเงยหน้า เห็นรองเท้าจ้าวเซวีย[1]ของเขา แต่ไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นไปมากกว่านี้ ขนตาของนางสั่นไหว
“เจ้าเป็นคนโยน?”
“ท่านแม่ทัพ บุตรสาวของข้าน้อย…” ซ่งฝูเซิงรีบแย่งพูด
“หุบปาก”
ซ่งฝูหลิงหมอบอยู่ที่พื้น นางเงยหน้าขึ้นสบตากับลู่พั่น
“ใช่ ข้า? โอ้ย!”
ซ่งฝูหลิงรู้สึกเจ็บจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มือซ้ายของนางกดไปที่ฝ่ามือขวา จุดนี้โดนลวกจนเกิดเป็นแผลพุพองบวมป่องจนแตกมีเลือดไหล
นางเพียงแค่กดลงไปนิดหน่อย ถึงกับกลอกตาตาขาวทันทีและล้มฟุบไปข้างหน้า ใบหน้าซบไปบนรองเท้าของลู่พั่นและเป็นลมหมดสติไป
ลู่พั่นใช้เท้าสะบัดหน้าซ่งฝูหลิงออก เขาขมวดคิ้ว ก่อนที่จะถอยออกมาก้าวหนึ่ง มองซ่งฝูหลิงด้วยความรังเกียจและก้มมองดูรองเท้าของตนเอง
ในช่วงเวลาเดียวกัน สถานการณ์ก็ดูวุ่นวายขึ้น
ซ่งฝูเซิงครุ่นคิด ท่านอยากทำอะไรก็ทำเถอะ ลูกสาวของเขา ลูกสาวตกใจจนเป็นลมไปแล้วหรือ? หรือเป็นเพราะลําบากจนล้มป่วย?
เฉียนเพ่ยอิงรีบคลานมาอยู่ข้างกายลูกสาวพร้อมกับกอดร่างนางไว้และตะโกนเรียกด้วยความตื่นตระหนก “ฝูหลิง ฝูหลิง!”
ไม่ว่าจะเขย่าร่างอย่างไรนางก็ไม่ตื่น เฉียนเพ่ยอิงแหงนหน้าตะโกนใส่ลู่พั่น “ท่านให้พวกข้าสามคนตายเสียเถอะ ท่านได้โปรดให้พวกข้าทั้งสามคนตายเถอะ! พวกข้าทนมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว!”
ตอนนี้เฉียนเพ่ยอิงแทบจะเสียสติ นางไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว
ไม่เคยเห็นคนตายมาก่อน แต่ตอนนี้ต้องมาเห็นทุกวัน ตอนนอนหากไม่ระวัง อาจเผลอไปหลับอยู่ข้างศพคนตาย
ก่อนนี้ไม่เคยเห็นใครที่ขโมยสิ่งของของคนอื่นแล้วยังคิดเอาชีวิต
เมื่อมาถึงที่นี่ คนหลายพันคนต่างใช้มีด กระบอง ตีพวกเขา ต้องการเอาชีวิตพวกเขา เพียงเพราะต้องการอาหารและน้ำ พวกเขาต้องตื่นตัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ช่วงกลางวันยังต้องรีบร้อนเดินทาง วันหนึ่งเดินไกลได้หลายหมื่นก้าว
ตลอดการเดินทาง พวกเขาไม่กล้าตะโกนบอกว่าเหนื่อย เมื่อยล้า หรือเจ็บป่วย เดินจนฝ่าเท้ามีตุ่มน้ำพอง มีเลือดไหลออกมา ตุ่มพองหายแล้วก็กลายเป็นเนื้อผิวหยาบกร้านตาปลา แต่ละชั้นความหนาของผิวใกล้จะหนาเท่ากับพื้นของรองเท้าแล้ว
เมื่อก่อน ลูกสาวทำอาหารให้นางกับเหล่าซ่ง บอกว่าพ่อกับแม่เหน็ดเหนื่อยมามากแล้ว ยามปิดประตู พวกเขาก็รู้สึกตื้นตันใจ ออกปากว่าไม่ได้เลี้ยงลูกจนเสียนิสัย ลูกโตขึ้นมากแล้ว นางรู้เรื่องและมีเหตุผลมากขึ้น
ตอนนี้ทุกวันนางต้องมากินวัววัวโถวเหมือนกับพวกเขา บางครั้งลูกก็เสียดายวัววัวโถวไม่กล้ากินเยอะ บางทีก็หักแบ่งให้พ่อของนางหรือไม่ก็ให้ท่านย่า ทุกวันนี้นางต้องเดินไปกับพวกเขาเรื่อยๆ นอนกลางแจ้ง เห็นศพก็หวาดผวา แล้วยังจะมีคนมาปล้นมาฆ่าอีก ทำให้นางตกใจไม่น้อย
สถานการณ์บีบบังคับทำให้ลูกสาวนางตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป เมื่อครู่นางคงเห็นพ่อของนางได้รับบาดเจ็บแน่ๆ ถึงได้รีบร้อนโยนข้าวของ เอาน้ำร้อนสาดคน เด็กสาวคนหนึ่งรูปร่างบอบบาง ไม่มีเรี่ยวแรงต่อสู้ใคร ถึงจะพยายามสู้ก็สู้รบกับใครเขาไม่ได้ จะให้ลูกสาวของนางทำอย่างไร?
เห็นแบบนี้ยังถาม คุกเข่าให้แล้วก็ยังถาม ท่านถามหาสิ่งใด จะสอบถามใคร
โดนไฟลวกแล้วจะให้ทำอย่างไรได้ ก็ให้พวกเขาตายไปเถอะ!
ยอมตายไปกับความทรงจำดีๆ ของยุคปัจจุบัน ที่สังคมสงบสุขภายใต้กฎหมาย จะได้ไม่ต้องมีชีวิตอยู่ที่นี่ คอยทนรับความลำบากอีกต่อไป ตายด้วยกัน ไปด้วยกัน!
ท่านย่าหม่าร้องไห้คร่ำครวญอย่างหนัก นางคลานมาอยู่ข้างเท้าลู่พั่น นางปาดน้ำตา เช็ดน้ำมูกและโขกหัวพร้อมกับจับข้อเท้าของลู่พั่นไว้ นางเงยหน้าวิงวอน “นายท่าน ได้โปรดอย่าฆ่าครอบครัวลูกสามของข้าเลย ท่านฆ่าข้าเถอะ ยายแก่อย่างข้านี่แหละที่เป็นคนโยนระเบิดนั่นเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหลานสาวคนเล็กของข้า ยิ่งไม่เกี่ยวพันกับลูกสาม ข้า ข้า? ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้าเป็นคนออกความคิดเอง!”
ลู่พั่น “…”
เขาพูดอะไรไป? ดูเหมือนเขายังไม่ได้ซักถามอะไรออกมาเลยนะ
หมดสติไปแล้วคนหนึ่ง ก็โผล่มาคนหนึ่งคน ไม่กลัวตาย กลับร้องขอความตาย นี่ก็คลานมาแล้วอีกคน คนนี้ร้ายกาจยิ่งกว่า ทั้งน้ำมูกน้ำตาไหลมาบนรองเท้าของเขา
ซุ่นจื่อผู้ติดตามตะโกน “ถอยออกไป”
ซ่งฝูเซิงเองก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว เขาไม่ถอยออกมา ยังคงนั่งคุกเข่ากอดลูกสาวอยู่ที่เดิม เขาไม่สนใจใคร ตะโกนบอกซื่อจ้วง “เอาผ้านวมมา”
ซื่อจ้วงรีบลุกไปเอาผ้านวมและยังพาเฉียนหมี่โซ่วที่ร้องไห้อย่างหนักมาส่งให้พร้อมกัน
เฉียนหมี่โซ่วน้ำตาไหลไม่หยุด สองมือน้อยจับชายเสื้อของซ่งฝูหลิงไว้แน่น “พี่สาว ท่านตื่นสิ พี่สาว ท่านอย่าทำแบบนี้ หมี่โซ่วขอร้องท่านแล้ว อย่าเหมือนท่านปู่ อย่าทำเหมือนท่านพ่อกับท่านแม่ อย่าจากไปเลย”
ลู่พั่นถูกกลุ่มคนพวกนี้ทำจนอ่อนใจ ร้องไห้อย่างน่าอนาถ โดยเฉพาะเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยคนนี้ราวกับว่าเขาทำอะไรไปแล้ว เขาจึงส่งสายตาไปยังท่านหมอผู้ติดตาม
หมอจับชีพจรแล้วบอกว่า ซ่งฝูหลิงเกิดอาการตื่นตระหนกมากเกินไป
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ซ่งฝูหลิงรู้สึกวิงเวียน นางนอนอยู่บนพื้นของพื้นที่พิเศษ
นางหมดเรี่ยวแรง ทำได้แค่ค่อยๆ ลืมตา แต่เมื่อลืมตาได้ครึ่งหนึ่งก็ต้องนิ่งไป ก่อนตาจะเบิกกว้างขึ้น “อ๊าห์! อ๊าห์ๆ อ๊าห์ๆ”
ในห้องเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นของนาง
นางสามารถเข้าไปอยู่ในพื้นที่พิเศษนี้ได้แล้ว
ซ่งฝูหลิงรีบกระโดดลุกขึ้นมาทันที
ซ่งฝูหลิงกำลังกรีดร้องด้วยความตื้นเต้นยินดีโดยที่นางไม่รู้สถานการณ์ภายนอกเลยว่าร่างของนางถูกยกลงไปวางบนรถเข็น จุดไฟด้วยถ่านให้ความอบอุ่น ห่มด้วยผ้านวมอย่างดี แต่การสอบสวนของพวกผู้ใหญ่ยังคงมีอยู่ต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...