ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 129

ผู้คุมเถิงถาม “จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง? เรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทาง ยังมีอีกสิบกว่าครอบครัวที่รอพวกเราอยู่ที่โรงเลี้ยงสัตว์”

ตะโกนเสร็จ ผู้คุมเถิงก็ขึ้นไปขี่ลาก่อน

ทุกคนก็รู้ว่า อีกสิบกว่าครอบครัวมาทางทะเลและได้ป้ายสีแดงสดมา

สิ่งที่แตกต่างไปจากพวกเขาก็คือ คนพวกนั้นอพยพลี้ภัยกันมาทางเรือ นอกจากนี้ พื้นที่บ้านแต่เดิมน่าจะอยู่ทางตอนใต้ ใกล้กับทะเล

พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางใหม่อีกครั้ง

ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยามก็ถึงโรงเลี้ยงสัตว์

หน้าโรงเลี้ยงสัตว์ในตอนนี้ค่อนข้างคึกคัก

หัวหน้าผู้คุมขบวนนั้นเข้ามาพูดคุยกับผู้คุมเถิง บอกว่า มีจำนวนครอบครัวที่นั่งเรือมาสิบเก้าครอบครัว และได้ยื่นใบรายชื่อให้ ผู้คุมเถิงมองใบรายชื่อที่อยู่ในมือ “มีเยอะขนาดนี้?”

หัวหน้าผู้คุมขบวนคนนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับบอกว่า มีแค่นี้ ยังมีเรืออีกหลายลำที่ล่มอยู่กลางทะเล ทางตอนใต้ฝนตกหนักมาก มีพายุฝนฟ้าคะนอง มิเช่นนั้นคงจะมีจำนวนเยอะกว่านี้ พวกเราสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ มีเรือเล็กหลายลำล่องลอยอยู่ในทะเลแต่ยังไม่สามารถเข้าเทียบท่าได้

เขาเข้าไปกระซิบกับผู้คุมเถิงว่า คนพวกนี้ล้วนเป็นคหบดีมาก่อน ครอบครองที่ดินมากมาย พวกเขาให้เงินจำนวนมากกับใต้เท้าหัวหน้าท่าเรือ พวกเขาถึงได้ถูกส่งไปอยู่เมืองเฟิ่งเทียน

ใต้เท้าก็รู้สึกว่า คนพวกนี้มีเงิน เมื่อถูกส่งไปอยู่เมืองนั้นก็สามารถกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยได้ ท่านใต้เท้าถึงให้ป้ายสีแดงสดนี้มา

ผู้คุมสองคนพูดคุยกัน ซ่งฝูเซิงไม่ต้องฟัง แค่มองก็รู้ว่าคนพวกนี้มีเงิน เป็นคนมีเงิน

มีเพียงคนกลุ่มนี้ที่ทุกครอบครัวต่างก็สอบถามราคาสัตว์กับเสี่ยวเอ้อร์

เกาถูฮู่ถามซ่งฝูเซิง “พวกเขาซื้อวัวตัวหนึ่งราคาเท่าไร?”

“เมื่อครู่ได้ฟัง ถ้าไม่รวมตู้รถ ก็สี่สิบตำลึง”

เกาถูฮู่สูดลมหายใจลึก เขายกมือกุมหัวใจ วัวบ้านเขาซื้อมาประมาณสิบแปดสิบเก้าตำลึงยังต้องเก็บเงินเกือบทั้งชีวิต เริ่มเก็บเงินตั้งแต่ยุคพ่อของเขาถึงได้มีวัวสามตัว ครอบครัวของเขาเคยเป็นครอบครัวที่มั่งคั่งร่ำรวยในหมู่บ้านมาก่อน

ตอนนี้ฆ่ามันเพื่อกินเนื้อไปแล้ว ถ้าคิดตามราคาในพื้นที่นี้ พวกเขากินไปร้อยยี่สิบตำลึง ช่างน่าปวดใจจนหายใจติดขัด

ซ่งหลี่เจิ้งสอบถาม “สถานที่นี้ นี่? ฝูเซิง ทำไมขายแพง? ชาวนาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”

ซ่งฝูเซิงส่ายหัว “น่าจะราคาแพงแบบนี้”

“ทำอย่างไร?”

จะทำอย่างไรได้ ซ่งฝูเซิงคิดในใจ

ผู้คุมทั้งสองขบวน รวมทั้งทหารอีกสิบกว่านายพาพวกเขามา ต้องทนกับความหนาวเหน็บและความหิวโหย เดินไปกลับอย่างน้อยต้องใช้เวลาครึ่งเดือน ใครจะมาคอยบริการให้เจ้าฟรีๆ

การไปสถานที่ที่ผู้ดีมีสกุลช่วยเหลือคนยากไร้ ถ้าใช้ภาษาปัจจุบัน นั่นก็เหมือนเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เป็นหน้าที่ในการปกครองและเป็นงานของพวกเขา

ส่วนร้านขายยาและโรงเลี้ยงสัตว์เป็นแหล่งซื้อขายสินค้า เช่นเดียวกับมัคคุเทศก์ มีการแบ่งปันกำไรค่านายหน้า แม้จะต้องเดินอ้อมก็ต้องพาทุกคนมา

แต่คนมีเงินโง่ไหม? ซื้อทั้งที่รู้ว่าแพง แต่ถ้าไม่ซื้อตนเองก็ลำบาก รอจนตนเองอยากจะซื้อ แต่เมื่อผ่านร้านนี้ไปแล้วก็จะไม่มีอีกแล้ว การขายของต้องรู้ใจคน เจ้าจะใช้เงินซื้อเพื่อไม่ให้ลำบากหรือให้คนลำบาก

ส่วนพวกเขาไม่มีเรื่องนี้ให้ต้องคิดวุ่นวายเพราะยากจนเกินจะจับจ่าย

ใครบอกไม่มีเรื่องให้คิดวุ่นวาย?

ทันใดนั้น ลูกชายของหลี่ซิ่วก็ร้องไห้เสียงดัง ตัวเล็กเอนกายจะออกจากอ้อมแขนของหลี่ซิ่ว เขาร้องไห้แล้วก็เอื้อมมือเหมือนจะคว้าอะไรบางอย่าง

เด็กๆ ที่อยู่บนรถต่างมองจ้องไปยังเด็กชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้ารถเข็น ถ้าจะพูดให้ถูก พวกเขากำลังมองดูน่องไก่ที่อยู่ในมือของเด็กชายคนนั้นมากกว่า

มองเด็กชายตัวเล็กที่กำลังกินน่องไก่อย่างช้าๆ มีเสียงแทะแจ๊บๆ ดังออกมา

น่องไก่มาจากไหน มาจากลูกเขยที่เพิ่งกลับมาของครอบครัวหนึ่งที่ร่วมเดินทางมาด้วย เขานำซาลาเปา ขนมปังปิ้ง และไก่ย่างอีกหลายตัวมาให้แม่ยายและพวกพี่ๆ โดยใช้เชือกมัดเป็นห่อเล็กห่อใหญ่แล้วรีบขี่ม้ากลับมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว