ระหว่างทางก็มีการหยุดพักสักครู่
วางแผนให้ทุกคนเข้าห้องน้ำ
ผู้คุมขบวนที่นั่งเรือบ่นกับทหาร “ไม่รู้ว่าผู้คุมเถิงคิดอย่างไร สามารถแก้ปัญหาบนรถได้ นี่ต้องมาหยุดสักพักหนึ่งทำให้เสียเวลา”
ทหารก็ได้แต่ยิ้ม
ผู้คุมเถิงแค่คิดว่า ถ้าเขาหยุดพัก พวกซ่งฝูเซิงที่เข็นรถก็จะได้มีเวลาพักให้หายเหนื่อยเช่นกัน
เมื่อได้หยุดพัก ภรรยาของคหบดีก็ได้ลงจากรถเกวียน นางไปหาท่านย่าหม่าเพราะนางเคยพูดคุยกับท่านย่าหม่ามาก่อน
นางพูดว่าสามีของนางบอกไว้ว่าอากาศเหน็บหนาวทั้งวัน ตอนนี้ก็ค่ำมืดแล้ว เด็กคนไหนทนไม่ไหวก็รีบอุ้มมาอยู่บนเกวียนของพวกเรา ข้างในมีถาดถ่านติดไฟทำให้อบอุ่น
แม้ว่าจะไม่ได้พาเด็กคนไหนไปรบกวน แต่ซ่งหลี่เจิ้งก็ใช้ไม้เท้าพยุงตัวเองเดินไปด้านหน้าเกวียนเพื่อกล่าวขอบคุณ
คหบดีโบกมือพร้อมกับพูดขึ้น ข้าเพียงแค่อิจฉาพวกเจ้า ครอบครัวมีเงินทองมากมายก็ไม่เหมือนพวกเจ้าที่อยู่กันพร้อมหน้า ที่จริงแล้วพวกเจ้าช่างโชคดีกว่าพวกข้าที่นั่งอยู่บนรถคันนี้เสียอีก
ซ่งหลี่เจิ้งกลับไปก็บอกกับทุกคนอย่างอารมณ์ดี “ออกแรงหน่อย ท่านคหบดีที่อยู่ข้างหน้าบอกว่า พวกเรามีโชค”
ทุกคนดีใจมาก พูดคุยกันอย่างครื้นเครง มองดูบ้านโน้นสิ มิน่าถึงสามารถเป็นคหบดีได้ พูดจาช่างเสนาะหู มีเมตตากรุณา พวกเรามักพบเจอคนดี
ซ่งหลี่เจิ้งยังสั่งกำชับ “หากครอบครัวพวกนั้นเกิดปัญหาอะไรระหว่างทาง มีเรื่องอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ พวกเราก็ต้องไปช่วย ไม่ว่าจะเคยพูดคุยกันมาหรือไม่ พวกเราไม่มีอะไรนอกจากมีเรี่ยวแรง ถือได้ว่านี่เป็นพรหมลิขิต”
“ได้ ได้สิ ท่านปู่วางใจเถอะ”
ซ่งฝูเซิงมองพวกเขาที่เป็นคนซื่อและมองโลกในแง่ดี เฮ้อ ยังคิดจะไปช่วยเหลือคนอื่นอีก
จะมีคหบดีสักกี่คนที่ใจกว้างเช่นนี้?
พอคาดเดาได้ในใจ พวกที่อยู่ด้านหน้าไม่พอใจพวกเขาถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์
ซ่งฝูหลิงกระซิบบอกเฉียนเพ่ยอิง “ท่านแม่ ข้าคิดว่าไม่ช้าก็เร็วต้องแยกกลุ่ม”
เฉียนเพ่ยอิงพยักหน้า
จะทำอย่างไรได้ เดินทางเร็วเหมือนคนอื่นไม่ได้ จะแยกกลุ่มก็แยกเถอะ เพราะเราคงซื้อล่อหรือวัว ไม่ไหว มันราคาแพงมาก พวกเราคนเยอะ จะต้องซื้อกี่คัน? ตอนอยู่หน้าประตูเมืองทุกคนรวมเงินกันได้แค่สี่สิบกว่าตำลึงเท่านั้นเอง
เดินต่อไปข้างหน้าประมาณสิบห้าลี้ ช่วงเวลานี้เทียบเท่ากับห้าทุ่มในเวลายุคปัจจุบัน
เมื่อทุกคนเห็นป้ายอยู่สองข้างทาง
ผู้คุมขบวนเรือตะโกนบอกทุกคน “ค้างคืนกันที่นี่ ทุกคนเข้าไปในโรงเตี๊ยมจี๋ซุ่น ห้องเทียนจื้อจ่ายสองตำลึงห้าสลึง ห้องตี้จื้อจ่ายสองตำลึง ห้องเหรินจื้อจ่ายหนึ่งตำลึงห้าสลึง ห้องรวมจ่ายหนึ่งตำลึง ห้องเก็บฟืนจ่ายเงินครึ่งพวง ต้องการจองห้องอะไร มาจ่ายเงินที่ข้าตรงนี้ก่อน”
เป็นราคาค่าที่พักหนึ่งคืนไหม?
ใช้แล้ว หนึ่งคืน พรุ่งนี้ฟ้าสางก็ต้องออกเดินทาง
ในจำนวนเงินนั้นรวมค่าอาหารมื้อค่ำของพวกเราไหม? รวมค่าน้ำร้อนไหม?
ไม่รวม ถ้ากินอาหารต้องจองเอง น้ำร้อนในการซักล้างต้องให้เงินเสี่ยวเอ้อร์เป็นค่าฟืนค่าหิ้วมาส่ง ต้องจ่ายเงินต่างหาก
ราคาค่าที่พักแรมแพงมาก แต่เมื่อทุกคนได้ฟังจนจบก็รู้สึกว่าไม่แพง แต่อดโมโหในใจไม่ได้
ทุกคนเข้าใจและไม่ได้โง่ ดูห้องเทียนจื้อ ถ้ารวมค่าดื่มค่ากินด้วยก็สามสี่ตำลึง ก่อนหน้านั้นที่พวกเขาซื้อยาแก้ปวดแก้ตัวร้อนหกตำลึง ยาทาแผลสิบตำลึง
นี่บ่งบอกอะไรหรือ? พวกเขาคิดว่าที่นี่คงไม่เหมือนกับบ้านเกิดของพวกเขา เมื่อมาถึงที่นี่ ธนบัตรเงินตราดูเหมือนแผ่นกระดาษ เดิมทีก็ไม่ได้เหมือนแผ่นกระดาษเลย ในเมืองนี้เดิมทีราคาสิ่งของไม่ได้สูงนัก มันแสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านี้พวกเขาโดนโก่งราคา
แล้วทำไมถึงต้องไปจ่ายเงินจองกับผู้คุมคนนั้นก่อน ราคาที่พักแห่งนี้ก็ถูกกว่าซื้อยาซื้อสัตว์มาก เจ้าคิดว่าเจ้าหน้าที่พวกนี้จะไม่ได้กำไรจากค่าที่พักหรือ? ได้กำไร กำไรจากราคาส่วนต่างห้องที่ดีที่สุดสองตำลึงห้าสลึง
นี่ยังไม่รวมคนอพยพลี้ภัยจำนวนมากที่เข้าเมืองมา ทำให้ราคาสิ่งของถูกกำหนดให้แพงมากขึ้นกว่าปกติ
เป็นคนฉลาดกันทุกคน แต่ละคนรู้ดีและโกรธมาก แต่ไม่มีทางเลือกอื่น อยู่ถิ่นเขาก็จำเป็นต้องทำตาม
มีเพียงพวกซ่งฝูเซิงที่เหมือนกับคนโง่ พวกเขาเพิ่งรู้สึกตัวหันมามองหน้ากัน
ซ่งหลี่เจิ้งมองตรงไปยังซ่งฝูเซิง เขาคิดในใจ ฝูเซิงพูดถูก ไม่ใช่ราคาของแพง แต่เป็นเพราะเจ้าหน้าที่พวกนี้ใจดำ
เกาถูฮู่ มองดูแล้ววัวของที่นี่ก็คงเหมือนบ้านเก่าของพวกเขา สิบแปดสิบเก้าตำลึงก็สามารถซื้อได้หนึ่งตัว เขาจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ขยันทำงาน บางทีก่อนที่เขาจะหมดลมอาจจะซื้อได้สักหนึ่งตัว
ท่านย่าหม่าอ้าปากอยากตะโกนออกมา หนึ่ง ยาแก้ปวดหัวตัวร้อนหกตำลึง นี่ไม่เป็นการหลอกลวงเอาเงินจากพวกเราหรือ สอง ทำไมถึงเก็บเงินอีก พวกเราแค่นอนพักครึ่งคืนเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...