ผู้หญิงก็เป็นเช่นนี้ ทำงานก่อน กินข้าวไว้ทีหลัง ในสายตาคิดแค่จะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าคนอื่น
ดังนั้นเฉียนเพ่ยอิงเลยไม่ฟังซ่งฝูเซิง ยังคงผัดฉาเมี่ยน จากกระทะหนึ่งไปยังอีกกระทะหนึ่ง และกลัวว่าจะใช้น้ำมันฟุ่มเฟือย ทำคล่องแคล่วว่องไวและยังทอดหมาฮวาอีก ให้สามีไปนั่งตากลมข้างเหล่าหนิว อยู่ในรถทำกับข้าวร้อนเกือบตายแล้ว พักผ่อนหน่อย ก่อนจะกินข้าว
เป็นแบบนี้ นางยุ่งอยู่แต่ก็ร้อนใจ วางแผนไว้ว่าจะทำของกินทั้งหมด เมื่อสองกระทะว่างก็นำกระทะหนึ่งต้มไข่พะโล้ นำไข่ไก่ประมาณยี่สิบกว่าฟองของบ้านยุคโบราณมาต้มให้หมด รีบต้มให้เร็วก็จะได้เข้าเนื้อเร็ว ต้มให้เค็มหน่อยสามารถเก็บไว้กินได้หลายวัน
ต้มน้ำในกระทะจนเดือด นำถุงน้ำมาเติมน้ำให้เต็ม และใช้น้ำที่เหลือให้หมด
เทน้ำในถังจนหมด เมื่อถึงบ้านเกิดค่อยใส่น้ำใหม่ ไม่สิ้นเปลืองเนื้อที่
หลังจากนั้นส่งถังน้ำให้กับเหล่าหนิว ซื่อจ้วง แบ่งให้พวกเขาไป หลังจากนี้นั่นจะเป็นที่ดื่มน้ำของพวกเขา อย่านำกระบวยตักน้ำในถังดื่ม เธออึกหนึ่ง ฉันอึกหนึ่ง ไม่มีใครรู้ได้ว่าใครเป็นโรคอะไร
นอกจากนี้ยังนำถังน้ำมาให้บุตรสาวกับหมี่โซ่ว โดยเตรียมใส่น้ำตาลแดงกับเส้นขิงไปบางส่วน เพื่อป้องกันอุณหภูมิในช่วงเย็นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเกรงว่าเด็กทั้งสองจะเป็นหวัดในระหว่างการเดินทาง ถึงแม้ไม่เป็นหวัดก็มีน้ำตาลอยู่ สามารถใช้เป็นของหวานขบเคี้ยวได้ ดีกว่ารอไปถึงบ้านเกิดแล้วมาลำเอียงจัดเตรียมต่อหน้าเด็กๆ ทั้งหลาย เมื่อถึงตอนนั้นจะแบ่งให้เพียงแค่สองคนนี้แต่ไม่ให้เด็กบ้านนั้นด้วย ก็จะดูไม่ดี นางไม่ใช่คนใจอ่อน เพียงแต่ว่านางทนเห็นเด็กน้อยน่าเวทนาไม่ได้
เฉียนฝูเซิงก็ดี ซ่งฝูหลิงก็ดี เมื่อเห็นเฉียนเพ่ยอิงยุ่งขนาดนี้ พวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
เพราะเมื่อก่อนไม่ว่าจะต้มเกี๊ยวหรือทานข้าว เฉียนเพ่ยอิงจะเป็นเช่นนี้ตลอด เช่น เกี๊ยวยังต้มไม่เสร็จเลย นางก็บอกให้ พวกเจ้ากินกันไปก่อน เช่น พวกเจ้าไม่ต้องรอข้า ข้าเช็ดทำความสะอาดที่ทำอาหารเสร็จก่อนค่อยทาน
พวกเขาเคยชินซะแล้ว
เขาสองคนหยิบหมาฮวาคนละสองอัน และเปิดขวดน้ำพริกเต้าหู้ กินกันอย่างเอร็ดอร่อยกับพวกเหล่าหนิว
เฉียนหมี่โซ่วมองตรงนี้ที มองตรงนั้นที เด็กน้อยอายุห้าขวบสวมเสื้อผ้าขาดๆ ยังไม่ทันได้เปลี่ยน ดูเหมาะสมกับฐานะผู้ลี้ภัย แต่ใบหน้า มือ ต่างล้างอย่างสะอาดสะอ้าน ใบหน้าอ่อนเยาวน์อันสดใสน่ารัก ใช้ผ้ามัดเก็บผม ไม่ว่ามองอย่างไรก็น่าเอ็นดู เขาดูเหมือนลูกแท้ๆ ก็ไม่ปานที่สงสารเฉียนเพ่ยอิงจนไม่สบายใจ
เขาเดินเข้าไปยังไม่ทันจะพูด เฉียนเพ่ยอิงก็เรียกเขา “หมี่โซ่ว นี่ไม่ได้นะ อย่าอยู่ใกล้ข้า เดี๋ยวน้ำมันกระเด็นใส่ ไปกินทางโน้น”
เฉียนหมี่โซ่วไม่ไป เขายื่นหมาฮวาไปตรงหน้า “ท่านป้ากินสิ”
เฉียนเพ่ยอิงเหล่มองหมาฮวาที่มีรอยฟันเล็กๆ ฝังอยู่ “เจ้ากินก่อนเถอะ”
พูดจบก็พบว่าเด็กน้อยไม่ยอมเชื่อฟัง ต้องการเอาหมาฮวายัดใส่ตรงหน้า เฉียนเพ่ยอิงรีบยกมือสกัดไว้ “เป็นอะไร? เจ้ากินอิ่มแล้วหรือ? มื้อต่อไปไม่รู้ว่าจะได้กินอีกเมื่อไหร่ กินเยอะๆ หน่อยสิ”
“จะเก็บไว้ให้ท่าน”
“มีตั้งเยอะแยะขนาดนี้ เจ้าเก็บไว้ให้ข้าทำไม?”
“ถึงจะเยอะขนาดนี้แต่ก็กินได้ไม่กี่วัน หนึ่งคนมีไม่กี่อัน ไม่เชื่อท่านลองคำนวณดู ข้าตัวเล็ก เก็บไว้ให้ท่าน กลัวว่าท่านป้าจะเสียดายไม่กล้ากิน”
เฉียนเพ่ยอิง “…”
เฉียนเพ่ยอิงรีบเรียกบุตรสาว “ฝูหลิง เจ้าฟังสิ เจ้ารู้จักแต่การด่าว่ากัน เจ้าดูน้องชายเจ้า ข้าเหนื่อยเช่นนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว”
ซ่งฝูเซิงก็หันกลับมาพูดหยอกล้อ “เจ้าเด็กคนนี้ช่างประจบเก่ง หมี่โซ่ว เจ้าพูดอะไรน่าฟังปลอบใจลุงหน่อย เจ้าทำไมไม่นำของกินมาให้ข้าบ้าง?”
เฉียนหมี่โซ่วกระพริบตา คิดในใจ
ท่านจะเทียบกับท่านป้าได้อย่างไร? ท่านยังเทียบพี่สาวไม่ได้เลย
ถ้าเพียงท่านป้ากับพี่สาวกินอิ่ม เขาถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ มีเพียงสองคนนี้ที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขา ไม่ว่าเวลาไหนก็ไม่มีทางทิ้งเขา
หากท่านป้าหิวตาย ถึงตอนนั้นท่านลุงก็มีท่านป้าคนใหม่หลายคน พี่สาวคงใช้ชีวิตลำบาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาเลย ให้ประจบท่านลุง? ไม่จำเป็น ไม่มีตาจะมองการณ์ไกลได้อย่างไร
เขานึกถึงตรงนี้ก็รีบดึงกระเป๋าที่สะพายมาตลอด
ซ่งฝูหลิงเห็นน้องชายคนเล็กไม่ตอบกลับพ่อของนาง และยังตื่นตระหนกดึงกระเป๋าสะพาย นางก็แปลกใจมาก ตั้งแต่แรกที่เจอกันจนถึงตอนนี้ เจ้าตัวเล็กไม่ว่าจะไปทางไหนก็จะสะพายไปด้วยตลอด ใครขอก็ไม่ให้ “หมี่โซ่ว เจ้าบอกพี่สาวได้ไหมว่าข้างในนั้นมันคืออะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...