ซ่งฝูหลิงเม้มริมฝีปาก เก็บคำพูดไว้ในใจ
นางวางแผนว่าจะเคาะเอาถั่วเมล็ดสนสักพัก เมื่อเมื่อยแขนแล้วนางค่อยไปเก็บลูกสน
หลังจากนั้นค่อยแอบเก็บลูกสนส่วนหนึ่งเข้าไปไว้ในพื้นที่พิเศษ
เมื่อครู่ ตอนที่นางกำลังขุดเห็ดมัตสึตาเกะ นางก็แอบเอาเห็ดมัตสึตาเกะสี่ดอกใหญ่เก็บไว้ในพื้นที่พิเศษ
แต่ตอนนั้นนางต้องการเก็บไว้กินเอง เพราะนางก็ต้องการดูแลสุขภาพและความงามด้วย
ตอนนี้คงต้องยกเลิกความคิดนี้แล้ว ท่านย่าของนางพูดออกมาแบบนั้น ทำให้นางรู้สึกเศร้าใจ เฮ้อ ขายออกไปเพื่อซื้อซาลาเปาหรือเนื้อสัตว์มากินจะดีกว่า
ลูกสะใภ้ใหญ่ของซ่งหลี่เจิ้งได้ยินการสนทนาระหว่างซ่งฝูหลิงกับย่าของนางแล้ว เนื้อหาคำพูดมีการคำนวณอย่างชัดเจน ดังนั้นนางจึงตะโกนเรียกซ่งฝูหลิง “พั่งยา สมองของเจ้าช่างเฉลียวฉลาด ช่วยคำนวณให้ข้าหน่อย ที่ข้ากะเทาะออกมาเจ็ดถุง จะสามารถขายได้เงินเท่าไร?”
หนึ่งกระสอบ พวกเด็กๆ สามารถเก็บลูกสนได้ถึงห้าสิบกว่ากิโล พวกเขาลากถุงมาให้พวกผู้หญิงกะเทาะลูกสน
ลูกสนห้ากิโลสามารถกะเทาะได้ถั่วเมล็ดสนครึ่งกิโล สัดส่วนคือสิบต่อหนึ่ง ถั่วเมล็ดสนครึ่งกิโลสามารถขายได้เจ็ดสิบอีแปะ หลังจากคัดลูกสนที่ขึ้นราทิ้งแล้ว
ลูกสนหนึ่งกระสอบมีน้ำหนักกว่าห้าสิบกว่ากิโล มีถั่วเมล็ดสนประมาณห้ากิโลกว่า เจ็ดกระสอบก็มี ถั่วเมล็ดสน)ประมาณสามสิบกว่ากิโล “ท่านป้า ท่านสามารถขายได้เงินประมาณห้าตำลึงเงินแล้ว”
“โอ้ว พั่งยาพูดดีจัง ข้าสามารถหารายได้ได้แล้ว ฮ่าๆ ตั้งแต่เด็กยังไม่เคยหาเงินได้เท่านี้มาก่อน ไม่ได้แล้ว ต้องรีบกะเทาะลูกสนต่อไป เพื่อหาเงินซักสามสิบถึงห้าสิบตำลึง”
ท่านยายหวัง “พั่งยา เจ้าช่วยข้าคำนวณหน่อยสิ”
“ท่านยายหวัง ท่านน่าจะได้เงินประมาณสามตำลึงแล้ว”
“ข้าเพิ่งหามาได้นิดหน่อย ไม่พอหรอก ข้าต้องทำให้ดีกว่ายายของเจ้า”
“พั่งยา เจ้าช่วยป้ารองคำนวณหน่อยสิ”
“พั่งยา ของข้าแค่นี้ เจ้าช่วยป้าสามคำนวณหน่อย”
“พั่งยา คำนวณ…”
ซ่งฝูหลิงใช้เวลาสักพักหนึ่งก็คำนวณราคาให้กับคนสามสิบกว่าคนแล้ว
นางไม่รู้สึกรำคาญ แต่นางกลับรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำ
นางค้นพบว่า ถั่วเมล็ดสนที่มากองอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าจะมีจำนวนเท่าไร มันก็เป็นถั่วเมล็ดสน นางช่วยทุกคนคำนวณเงินที่จะขายได้ ถั่วเมล็ดสนที่กองอยู่ตรงนั้น ในสายตาของพวกผู้หญิงกลายเป็นเงินอันล้ำค่าขึ้นมาแล้ว
ลองดูไม้ที่กะเทาะเป็นจังหวะ เมื่อพูดถึงจำนวนเงินที่ขายได้ก็มีเรี่ยวแรงในการเคาะมากขึ้นทันที
ภรรยาของกัวคนโตตะโกนเรียก “พั่งยา เจ้าช่วยข้าคำนวณหน่อย อย่ามองดูแค่ที่อยู่ข้างหน้า ข้าต้องนำกระสอบเปล่าไปใส่มาอีก คำนวณรวมกันทั้งหมด ข้าอยากเอามารวมกัน โอ้ ข้าลืมเอากระสอบหลายใบลากไปใส่ พรุ่งนี้ข้าจะอวดพวกผู้ชายได้อย่างไร?”
ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งต่างพากันหัวเราะ มือก็กำลังทำงานไม่หยุด
ลูกสะใภ้คนเล็กของท่านยายหวังลุกขึ้นยืน พูดด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ “นี่พวกเจ้า มีใครจะไปฉี่บ้าง?”
“ข้าไปด้วย”
“ข้าไปกับเจ้าด้วย ไม่ได้ไปตั้งนานแล้ว”
ท่านยายหวังรำคาญลูกสะใภ้คนเล็ก นางกะเทาะลูกสนกับท่านย่าหม่าและบ่นพึมพำ “เท้าเย็นหรืออย่างไร ข้าก็ไม่รู้ เพียงครู่เดียวนางก็ฉี่สามรอบแล้ว เวลาทำงานยังฉี่บ่อยจัง”
ซ่งฝูหลิงฟังอยู่ด้านข้าง “…”
นางมองด้านหลังคนหลายคนที่ไปเข้าห้องน้ำ คนพวกนั้นต่างรีบร้อนไปขับถ่าย พูดด้วยความเป็นธรรม ลูกสะใภ้คนเล็กของท่านยายหวังเป็นคนขยันทำงานมาก ทำไมถึงยังจะจับผิดหาข้อบกพร่องของลูกสะใภ้อีก
ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกต้องก็คือ คนในที่นี้ขยันทำงานมาก ไม่มีใครขี้เกียจสักคน
แต่ละคนต่างก็อดทนอดกลั้นกัน นั่งกะเทาะลูกสนอยู่ตรงนั้นตลอดเวลาจนรู้สึกว่าฉี่จะราดกางเกง พวกนางถึงจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
ส่วนจะไปเข้าที่ไหนนั้น ก็ต้องเข้าไปแอบฉี่อยู่หลังต้นไม้ใหญ่
ใช้สิ่งของบังสายตา? แค่เวลาไปหยิบสิ่งของมาบัง ก็สามารถฉี่จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำให้เสียเวลา อีกทั้งมีคนไปด้วยกันก็สามารถให้เพื่อนที่ไปด้วยคอยยืนอยู่ด้านข้างทั้งสองด้าน เพื่อช่วยบังตา
แต่พวกผู้ชายต่างก็อยู่บนต้นไม้กัน พวกเขาอยู่ข้างบนนะ ไม่กลัวว่าจะมองเห็นหรือ?
ลูกสะใภ้คนเล็กของท่านยายหวัง คนพวกนั้นจะมีเวลาที่ไหนมามองนาง
ลูกสะใภ้คนเล็กของท่านยายหวังไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ในตอนแรกๆ นางตกใจเมื่อเห็นซ่งฝูเซิงถอดเสื้อออกจนร้องออกมา ทำให้ซ่งฝูเซิงถึงกับตกใจ
อพยพลี้ภัยต้องใช้ชีวิตอยู่ภายนอก เสมือนเป็นการฝึกฝนคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...