ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 142

ตอนที่ 142

เถ้าแก่ไป๋วางพู่กันและลูกคิดลง หลังจากตอนเช้ายุ่งกันมาครึ่งวัน เพิ่งจะคำนวณทำบัญชีของเมื่อวานกับรายได้อาหารมื้อเช้าของวันนี้เสร็จ

“เสี่ยวอู๋ นำชื่อรายการอาหารของวันนี้ขึ้นแขวนสิ”

พูดจบ เถ้าแก่ไป๋ก็เดินไปที่ประตูและมองออกไป เขาถามเสี่ยวเอ้อร์อีกครั้ง “ยังใช้เตาใหญ่ในห้องครัวอยู่อีกหรือ”

“ใช่ พวกเขาตื่นขึ้นมาก็เริ่มทำกันแล้ว แต่ยังดีหน่อยที่พวกเขาเลี่ยงช่วงเวลาในตอนเช้าที่พวกเรายุ่งที่สุด เวลาใช้น้ำก็ไปตักมาจากบ่อเอง ทำในสถานที่ที่ไม่เกะกะขวางทาง”

เมื่อทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน เอ้อร์ยาก็รวบรวมความกล้าเดินเข้ามา

“เถ้า เถ้าแก่”

เถ้าแก่ไป๋เหลือบตามองเอ้อร์ยาด้วยความแปลกใจ เนื่องจากนางถือจานใบใหญ่มาด้วย

เอ้อร์ยาหลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อนางลืมตาขึ้นก็พูดด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกันอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแดงก่ำราวกับกำลังท่องหนังสือ

“น้องพั่งยาบอกว่า ถั่วเมล็ดสนที่อยู่ในกระทะต้องนำออกไปขายเพราะพวกเรายังไม่ได้กินข้าวเลย ต้องรีบหาเงินมาเลี้ยงปากท้อง แต่นางคั่วออกมามากหน่อยเพื่อให้เถ้าแก่จานหนึ่ง ให้พวกท่านได้ชิมกันและเป็นการขอบคุณที่เถ้าแก่ให้การต้อนรับดูแลเป็นอย่างดี”

เอ้อร์ยาพูดจบก็วางจานลงและหมุนตัวเดินกลับไป อาจเป็นเพราะนางเดินเร่งรีบจนเกินไป ทำให้นางเกือบจะสะดุดขาตนเองล้ม

“โอ้!”

เถ้าแก่ไป๋กับเสี่ยวเอ้อร์ก็ดูเหมือนจะเอนตัวตามไปด้วย

เมื่อเห็นเอ้อร์ยาไม่ได้ล้มลงและมีอาการอับอายมาก รีบวิ่งตรงไปยังห้องครัวโดยไม่เหลียวหลังมอง

เสี่ยวเอ้อร์ก็คิดในใจ เจ้านี่ซุ่มซ่ามจัง

เสี่ยวเอ้อร์ไม่รู้ว่า เด็กสาวซุ่มซ่ามคนนี้ที่ ถูกคัดเลือกมาแล้วว่ากล้าพูดมากที่สุด

เถ้าแก่ไป๋หัวเราะออกมา เขาแกะถั่วเมล็ดสนขึ้นมาชิม อืม เนื้อแน่น ในฤดูกาลนี้นำเอาลูกสนที่เติบโตเต็มที่ กะเทาะเอาถั่วเมล็ดสนมาคั่วอีกรอบ ทำให้มีกลิ่นหอมจริงๆ

เขาหันมองออกไปนอกประตูอีกครั้ง ยืนอยู่ตรงนี้ก็สามารถได้ยินซ่งฝูหลิงพากลุ่มเด็กๆ มาตะโกนขายของ “ลองชิมได้ ลองเข้ามาดู ถ้าไม่อร่อยไม่คิดเงิน”

รถที่รีบเดินทางถูกขวางไว้ มีบางคนลงมาชิมและสอบถามว่าขายกี่เหวิน? มีซื้อกลับไปบ้าง

แต่ส่วนใหญ่คือ “หลีกไปซะ พวกขอทานมาจากไหนกัน”

เถ้าแก่ไป๋ดูจากการกระทำของซ่งฝูหลิงแล้ว นางเป็นเด็กผู้หญิงที่เฉลียวฉลาด นางเคยที่จะคิดเข้าไปขายในโรงเตี๊ยมหลายแห่งเพราะบนถนนหลวงมีเพียงไม่กี่คน คนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมหลายแห่งเป็นแขกที่รีบเดินทางจริงและในโรงเตี๊ยมก็อบอุ่น เพียงแต่ทางโรงเตี๊ยมไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้าไป

“เสี่ยวอู๋ เจ้าพาพวกเขาไปโรงเตี๊ยมจี๋ซุ่นกับโรงเตี๊ยมก่วงหยวน บอกว่า เถ้าแก่ไป๋ให้มา ถามสองโรงเตี๊ยมนี้ด้วยว่าต้องการถั่วเมล็ดสนไว้ให้พวกแขกกินหรือไม่ และบอกพวกเขาว่า ข้าก็เอาถั่วเมล็ดสนไว้แกล้มเหล้า อีกไม่นานก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ซื้อให้พวกแขกไว้กินเล่นก็ดี ให้พวกเขาเห็นแก่หน้าของข้า ให้เด็กพวกนี้เข้าไปขายในโรงเตี๊ยมได้”

“เข้าใจแล้ว”

“เดี๋ยวก่อน เจ้าก็ไม่ต้องรีบกลับมา อยู่เป็นเพื่อนเด็กพวกนั้นก่อน ตอนนี้ยังไม่ถึงช่วงกลางวัน ยังไม่ยุ่ง”

“ทำไมล่ะ? เถ้าแก่”

“โรงเตี๊ยมจี๋ซุ่นกับโรงเตี๊ยมก่วงหยวนมีคนหลายรูปแบบ โดยเฉพาะโรงเตี๊ยมก่วงหยวนที่มีพ่อค้ามาพักมากมาย…

…ถึงแม้เด็กสาวนั่นจะอายุยังน้อย แต่นางก็หน้าตาดี เกรงว่าจะเจอพวกอันธพาล เจ้าก็อยู่ที่นั่นคอยดูแลสักพักหนึ่งก่อน…

…ตอนเจ้าจะกลับมา เจ้าต้องบอกความจริงกับเถ้าแก่ทั้งสองคนด้วยว่า คนพวกนี้เป็นแขกของพวกเรา ให้พวกเขาช่วยดูแลหน่อย…

…พ่อของพวกเขาเป็นถงเซิง หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา ทางการสามารถเข้ามาดูแลเรื่องของบัณฑิตได้”

หลังจากที่เถ้าแก่ไป๋กำชับเสี่ยวอู๋เสร็จเรียบร้อย เขาก็เขียนเพิ่มเมนูอาหารของวันนี้ ขายถั่วเมล็ดสนเจ็ดสิบเหวินต่อครึ่งกิโล เมล็ดใหญ่เนื้อแน่น

เสี่ยวอู๋รีบไปที่ถนนหลวง เขาเห็นซ่งฝูหลิงกำลังตะโกนอยู่

“เจ้าได้พบเถ้าแก่ไป๋ของพวกเรา นับเป็นโชควาสนาของพวกเจ้า เจ้ารู้อะไรไหม? ธรรมดาจะไม่อนุญาตให้เข้าไปขายของในโรงเตี๊ยมเพราะกลัวว่าจะส่งผลกระทบกับแขกในการกินอาหารโดยเฉพาะสภาพของพวกเจ้าในตอนนี้! เชอะ ข้าจะบอกพวกเจ้าไว้ ขายของน่ะขายได้ แต่อย่ารบกวนแขก อย่ากวนแขกที่กำลังกินข้าว มิเช่นนั้นเถ้าแก่ไป๋ของพวกเรานอกจากจะต้องเสียหน้าแล้ว ยังต้องอับอายเพราะพวกเจ้า”

เสี่ยวอู๋พูดจบก็เดินบ่นพึมพำนำหน้าไป เขาเดินไปหลายสิบก้าวแล้วหันกลับมามองก็พบว่าพวกเขาเดินตามไม่ทัน ทำให้เขาโมโห

ถลึงตามองซ่งฝูหลิงที่กำลังถือบุ้งกี๋อยู่และจ้องมองกลุ่มเด็กๆ ที่กำลังพยายามลาก

กระสอบถั่วเมล็ดสน เขากระทืบเท้าอย่างแรง เสี่ยวอู๋วิ่งกลับไปแบกถั่วเมล็ดสนที่มีอยู่ถึงครึ่งกระสอบวางพาดบนไหล่ของเขา “ตามมาสิ!”

ตอนที่ 143

โรงเตี๊ยมก่วงหยวนแห่งแรกที่ไปก่อน

เถ้าแก่โรงเตี๊ยมก่วงหยวนชิมถั่วเมล็ดสนและมองดูพวกเด็กๆ ที่มีสภาพเหมือนขอทานขณะฟังเสี่ยวอู๋พูด

อ๊าห์ เป็นพวกอพยพลี้ภัย ทางตอนใต้ประสบภัยพิบัติและถูกโจมตีจนเมืองแตก เคยได้ยินแขกที่เข้ามาพักพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ เป็นหัวข้อสนทนาที่ผู้คนพูดคุยกันมากที่สุดในโรงเตี๊ยมของพวกเขา เฮ้อ คนที่ตกระกําลําบากมักจะเป็นคนธรรมดาอย่างเช่นพวกเขา

พูดกันตามตรง ประชาชนธรรมดาอย่างพวกเราไม่ค่อยสนหรอกว่าจะอยู่ภายใต้การปกครองของท่านอ๋องคนไหน พวกเราสนใจแค่ว่าจะดำรงชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้หรือไม่ อย่าได้มีสงคราม มีกินอย่างพอเพียง และมีบ้านให้อาศัยก็พอ

น่าสงสารคนตกระกําลําบากเหล่านี้ กินไม่อิ่มและยังไม่มีบ้านให้อาศัย ต้องหาถั่วเมล็ดสนมาขายระหว่างเดินทางอพยพลี้ภัย

“สาวน้อย ข้าเอาถั่วเมล็ดสนแบบเดียวกันกับเถ่าแก่ไป๋ราคาเจ็ดสิบเหวินต่อครึ่งกิโลได้หรือไม่? ข้าจะซื้อเก็บไว้ในโรงเตี๊ยมหนึ่งร้อยห้าสิบกิโล”

หนึ่งร้อยห้าสิบกิโล? ซ่งฝูหลิงวางบุ้งกี๋ลง เกินความคาดหมายของนาง สองมือรีบพนมมือขอบคุณอยู่หลายครั้ง พวกเด็กๆ ที่อยู่รายล้อมซ่งฝูหลิงก็พากันดีใจอย่างมาก พวกเขาไม่ลืมที่ซ่งฝูหลิงกำชับกับพวกเขาไว้ พวกเด็กๆ พากันตะโกนออกมา “ขอบคุณเถ้าแก่ ขอบคุณเถ้าแก่มาก”

เถ้าแก่ได้ยินน้ำเสียงขอบคุณจากเด็กๆ ก็หัวเราะชอบใจ

“เถ้าแก่ เดี๋ยวข้าจะไปเอาของมาให้ท่าน แต่ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องรบกวนท่านสักหน่อย”

“เจ้าพูดมาสิ”

“ถั่วเมล็ดสนที่อยู่ในบุ้งกี๋เพิ่งคั่วออกมาใหม่ ข้าอยากจะวางไว้ทุกโต๊ะสักหน่อย เมื่อแขกลงมานั่งกินข้าวที่โต๊ะ พวกเขาสามารถลองชิมได้ ลองชิมฟรีๆ ไม่ได้คิดเงิน ถ้าพวกเขารู้สึกว่ามันหอมก็คงจะถามต่อ พวกข้าค่อยขาย มิเช่นนั้นตะโกนขายอยู่ในโรงเตี๊ยมท่าน เกรงว่าจะมีผลกระทบกับพวกท่าน เถ้าแก่ เราทำแบบนี้ได้ไหม?”

“ได้ ได้สิ เจ้าวางไปเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว