ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 147

ตอนที่ 147

เถ้าแก่ไป๋เล่าเรื่องขายถั่วเมล็ดสนอย่างละเอียดให้กับพวกเขาทุกคนฟัง

รวมถึงขายออกไปเก้าสิบเหวินเพื่อเอากำไรจากราคาส่วนต่าง พวกเด็กๆ นำมาซื้ออาหารดีๆ กินกันมื้อหนึ่ง กินกันอย่างมีความสุข กินไปก็พูดคุยกันไปว่าโตมาขนาดนี้เพิ่งได้กินของดีๆ ก็ครั้งนี้

แขกทั้งหลายที่เข้ามาพักที่นี่ต่างก็รู้เรื่องนี้ เห็นพวกเขาได้กินดี พวกแขกก็พลอยมีความสุขไปด้วย

ในขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในช่วงเหม่อลอย เถ้าแก่ไป๋ก็หันไปพูดกับซ่งฝูเซิง “พวกเจ้าอย่าได้ตีเด็กๆ เลย”

เถ้าแก่ไป๋บอก เด็กๆ เหนื่อยกันมาก แค่ล้มตัวลงนอนก็หลับสนิท เงินที่ได้จากส่วนต่างสามารถกินอาหารดีๆ ในตอนเย็นได้อีกหนึ่งมื้อ

ก่อนหน้านั้น แต่ละคนก็คาดหวังว่าตอนเย็นจะได้กินอีกมื้อหนึ่ง

แต่ซ่งถงเซิง ลูกสาวของท่านเสนอมา พวกเราไม่ต้องกินแล้ว ตอนเย็นนำเงินมาซื้ออาหารดีๆ ให้พ่อกับแม่ได้กินจะดีกว่า

ไม่มีเด็กคนไหนที่ลังเลเลยสักคน มีแต่บอกให้ ท่านตาท่านยาย ท่านพ่อท่านแม่ ดื่มน้ำซุปไก่ ให้พวกเขาได้กินอิ่มเพราะพวกเขาทำงานกันมาเหนื่อย

ตอนเย็นเด็กทั้งหลายก็กลับมากินหมั่นโถวคนละครึ่งลูกตามเดิม

เห็นหม้อซุปไก่นั่นไหม? พวกเขาใช้ส่วนต่างของราคาที่เหลือเพื่อซื้อไก่สามตัว ทำไก่ตุ๋นเห็ดหม้อใหญ่ให้กับพวกเจ้า และยังซื้อขนมปังปิ้งขนาดใหญ่ให้พวกเจ้าคนละสามชิ้น

ซ่งหลี่เจิ้งถาม “เงินจากราคาส่วนต่างคงได้มาไม่มากนัก เด็กพวกนี้ เฮ้อ นี่มันแพงมากนะ! เงินแค่นั้นคงไม่พอใช่ไหม?”

เถ้าแก่ไป๋ยิ้มแล้วตอบกลับ ไม่พอ ดังนั้นพวกเขาถึงย้ายเงินทุนเล็กน้อยมาเพิ่ม

เด็กๆ บอกว่า ก่อนหน้านั้นก็กินเนื้อมาแล้ว คงโดนตีแน่ ไม่กลัวที่จะต้องโดนตีอีกรอบ

ถึงโดนตีก็ไม่เป็นไร

ถ้าให้พวกเจ้าเป็นคนตัดสินใจจะต้องเสียดายเงินแน่ๆ พวกเขาจึงตัดสินใจแทนพวกท่านอีกครั้ง ให้ปู่ ย่า พ่อ แม่ ได้กินอิ่ม เพราะพวกเจ้าต้องเหนื่อยอยู่ในป่า หากพวกเขาโดนทุบตีก็ถือว่าคุ้มแล้ว

ในตอนแรกหลังจากที่ทุกคนได้ฟังเรื่องนี้แล้ว มีน้อยนักที่จะซาบซึ้งใจเหมือนกับซ่งฝูเซิงและเฉียนเพ่ยอิง ส่วนใหญ่จะโกรธมาก

แม้ว่าจะรู้สึกดีใจมากที่พวกเด็กๆ ขายถั่วเมล็ดสนได้ แต่สภาพในตอนนี้เป็นอย่างไร? ต้องรอใช้เงิน กล้าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและยังกล้ากินไก่อีก

แต่เมื่อเถ้าแก่ไป๋พูดคำพวกนี้จบ ทุกคนได้ฟังกันแล้ว แต่ละคนที่ต่อสู้ฟันผ่าเพื่อความเป็นอยู่ของชีวิต เดิมทีจิตใจของพวกเขาที่หยาบกระด้างก็โอนอ่อนลงในทันที

พวกผู้ชายที่จะทุบตีเด็กก็คิดในใจ เดิมทีลูกของพวกเขาก็ไม่ได้โง่ ยังรู้จักห่วงพ่อแม่เสียสละของกินเพื่อให้พ่อแม่กินของดีๆ ถึงแม้จะโดนทุบตีก็ยอม

เป็นลูกกตัญญูที่อยากให้พ่อแม่ได้กินอิ่ม ยอมแม้ว่าจะถูกตี

เถ้าแก่ไป๋ก็เป็นลุงที่ดีของเด็กๆ ช่วยคนจนถึงที่สุด เขาถือตะเกียงน้ำมันในมือส่องไปทางรถเข็นและพูดขึ้นอีกครั้ง “รถที่พวกเจ้าทิ้งไว้อยู่ที่นี่ พวกเจ้าลองสังเกตดูใหม่ว่ามีความแตกต่างอะไรหรือไม่?”

เขาบอกกับทุกคนว่าเด็กเหล่านี้คิดค้นขึ้นมาใหม่ โอ้ แต่ละคนช่างเก่งจริงๆ แค่ชั่วพริบตาเดียวก็เรียนรู้เองจนแทบจะเป็นช่างไม้ได้แล้ว

พวกเขาติดตั้งไม้ยาวบนรถเข็นเพื่อทำเป็นที่แขวนเห็ด ส่วนเห็ดก็นำเชือกมาร้อยเป็นพวงแล้วนำมาแขวนไว้ ทำเช่นนี้ก็ไม่ทำให้เสียเวลาเดินทาง เห็ดสดใหม่ที่แขวนตากลมให้แห้ งก็ไม่ต้องกลัวว่าจะวางทิ้งจนเน่าเสีย

พวกเด็กๆ คาดเดาว่าพวกเจ้าต้องนำถั่วเมล็ดสนมาจนคุ้ม มิเช่นนั้นคงไม่กลับมา ครั้งนี้กลับมาคงนำมาได้เยอะแน่

หลักจากนั้น เด็กสาวที่โตกว่าหน่อยจำนวนหลายคนก็มาช่วยกันร้อยเห็ดให้เป็นพวง ตามด้วยดัดแปลงเสื้อที่สวมใส่ของเด็กๆ

ดัดแปลงเสื้อผ้าของพวกเด็กน้อยให้มีกระเป๋า บางตัวมีกระเป๋าด้านหลังไว้แบก ทำคล้ายหมวกใบใหญ่ บางตัวทำกระเป๋าล้วงข้างด้านหน้า พวกเขาบอกว่าสามารถใส่ถั่วเมล็ดสนลงไปได้ พวกเขาไม่สามารถช่วยงานพวกผู้ใหญ่ได้ แต่อย่างน้อยยังมีพื้นที่ใส่ถั่วเมล็ดสนเพิ่มและสามารถช่วยแบกถั่วเมล็ดสนได้หลายกิโล

ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วยาม ก่อนที่พวกเจ้าจะกลับมา ตอนนั้นเด็กเหล่านี้ยังไม่ได้นอนกันเลย พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับการอบผ้าปูที่นอนกับผ้าห่ม เพื่อให้พวกเจ้าได้นอนกันอย่างอบอุ่น กลัวว่าจะรบกวนพวกเสี่ยวเอ้อร์กลางดึกที่ต้องมาต้มน้ำให้และกลัวว่าใช้เตาแล้วจะกระทบกับแขกคนอื่นที่ต้องการใช้เหมือนกัน พวกเขารอจนดึกหน่อยถึงเริ่มนำฟืนมาก่อไฟต้มน้ำ อยากให้พวกเจ้ากลับมามีน้ำอุ่นล้างหน้าและแช่เท้า

เถ้าแก่ไป๋เป็นคนบังคับให้พวกเขารีบเข้าห้องพักไปนอน มิเช่นนั้นพวกเขาก็จะรอพวกเจ้ากลับมา บอกว่าอยากเห็นพวกเจ้าดื่มน้ำซุปไก่ด้วยตาของตนเอง

เฉียนเพ่ยอิงคิดในใจ พอแล้ว เถ้าแก่ไป๋ ท่านอย่าทำให้บรรยากาศดูซาบซึ้งมากเกินไป นางไม่รู้ว่าคนอื่นจะตื้นตันใจหรือไม่ แต่นางรู้ตัวเองดีว่าไม่ไหวแล้ว

เหล่าซ่งของนางกำลังยืนหลบอยู่ในมุมมืดเพื่อกลั้นอาการสะอึกสะอื้น ตอนนี้ขอบตาคงเป็นสีแดงแล้ว โดยปกติ เมื่อเอ่ยถึงลูกสาวก็มักจะมีอารมณ์พรั่งพรูออกมา ท่านอย่าทำให้เขาร้องไห้ละ มิเช่นนั้นนางจะต้องเสียเวลามาคอยปลอบโยนอีก

ตอนที่ 148

ทุกคนพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับเรื่องที่เด็กๆ ขายของได้เงินมาหลายตำลึง แค่วันเดียวก็สามารถทำเงินหลายสิบตำลึงได้ พวกเขาก็ดีใจมาก มาคิดถึงว่าต่อไปพวกเขาจะใช้จ่ายอะไรดี? เด็กพวกนี้กล้าใช้เงินซื้อของกินดีๆ ความคิดยิ่งใหญ่เกินไป พวกเราควรจะตีไหมนะ พวกเขาเดินไปยังห้องโถงด้านหน้า

บรรยากาศครึกครื้น พวกเขาพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด บางคนก็กำลังล้างมือ ล้างหน้า หรือพันแผลใหม่ เพื่อเตรียมตัวไปกินอาหาร

ซ่งฝูเซิงอาศัยช่วงจังหวะที่ไม่มีคนสนใจ แอบเข้าไปในห้องรวมใหญ่ข้างบันได

เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว เขาก็ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด กลางดึกอารมณ์อ่อนไหวง่าย เขาขยี้ตาจนแดงก่ำ

แอบเข้ามาในห้องนี้ หนึ่งเพื่อมาดูลูกสาว สองเพื่อไม่ให้ทุกคนรู้ว่าเขากำลังร้องไห้

ผู้ชายคนหนึ่งร้องไห้ออกมาทั้งที่ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใหญ่โต มันเป็นเรื่องที่น่าอาย

ซ่งฝูเซิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนที่เขาจะอาศัยแสงจันทร์เดินมาหยุดข้างตั่งนอน

เขาหาตำแหน่งที่ลูกสาวนอนเมื่อวาน ใช้มือหยาบตบผ้าห่มเบาๆ “วันนี้ทำเอาข้าเหนื่อยมาก เฮ้อ เจ้านอนแล้วละสิ?”

ในห้อง พวกเด็กๆ ต่างพากันหลับสนิทมีเสียงหายใจหลับลึก ซ่งฝูเซิงถามเสร็จก็รู้สึกว่าตนเองช่างโง่เง่าเสียจริง

“ข้าแวะมาดูเจ้า เจ้านอนเถอะ เฮ้อ พวกเราสองคนพ่อลูกยังไม่เคยแยกจากกันแม้แต่วันเดียว ครั้งนี้เป็นห่วงเพราะพวกเราอยู่ต่างถิ่น”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซ่งฝูเซิงเริ่มจะน้ำตาคลออีกครั้ง เขาต้องระงับอารมณ์ที่เกิดขึ้นมาภายในจิตใจ

เขาด่าตนเองในใจ ทำไมอารมณ์ถึงได้เปราะบางขนาดนี้? ช่างงี่เง่าเสียจริง

ไม่พูดแล้ว มาห้องนี้เพื่อจะระงับสติอารมณ์ ไม่ได้มาทำให้ตนเองมีอารมณ์อ่อนไหวมากขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว