ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 160

ครุ่นคิดทั้งวันจึงเก็บไปฝันยามดึก

ค่ำคืนนี้ซ่งฝูหลิงก็นอนฝัน

คำพูดที่แม่ของนางพูดออกมาในตอนนั้น กลายเป็นเรื่องจริงในความฝัน

บนเตาแก๊สมีปลาตัวใหญ่อยู่ในหม้อตุ๋น เนื้อของเหงือกปลานั้นหนานุ่มมาก เมื่อใช้ไม้พายสัมผัสปลา น้ำมันก็กระเด็นขึ้นมา

ส่วนในกระทะอีกใบหนึ่งกำลังผัดเนื้อรมควันกับต้นหอม อีกด้านหนึ่งของโต๊ะทำอาหาร มีจานที่ใส่ผัดหมูสามชั้นกับถั่วฝักยาววางอยู่

ส่วนพ่อของนางกำลังนำหม้อที่มีสันเนื้อตุ๋นลูกพลับไปวางบนโต๊ะ ร้อนจนลวกมือถึงขนาดต้องรีบยกมือไปแตะติ่งหู

ส่วนแม่ของนางก็กำชับให้วางแผ่นรองกันความร้อนและด่าพ่อของนางไปด้วยว่า เจ้าโง่หรือเปล่า? ใช้มือเปล่าๆ จับแบบนั้น สักครู่ก็ตะโกนเรียกนาง ฝูหลิง เจ้าช่วยข้าทำงานหน่อยได้ไหม อย่ามัวแต่เดินวนไปวนมา ไปตักข้าวใส่จานไป

เมื่อเปิดดูหม้อหุงข้าวในบ้านของนาง เห็นข้าวเม็ดใหญ่ที่กำลังมีไอร้อนลอยขึ้นมา ทำให้บานหน้าต่างใกล้เคียงพลอยเปื้อนไอน้ำไปด้วย

เนื้อตุ๋นลูกพลับกับข้าวสวย ตักกินผัดเนื้อรมควันกับต้นหอมใส่ปาก นางกินถั่วฝักยาวจนน้ำมันเยิ้มริมฝีปาก นางใช้ตะเกียบคีบทั้งไวและแม่นยำ และหยิบปลาโดยเลือกส่วนที่มีเนื้อเยอะที่สุดมาใส่ในชามตนเอง พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นท่านพ่อกำลังกินผักดอง ส่วนท่านแม่ก็มองแต่นาง ไม่ค่อยจะกินเท่าไร

“ท่านแม่ ทำไมท่านไม่กินล่ะ?”

“ข้าลดน้ำหนักอยู่”

ซ่งฝูหลิงร้อนใจ ท่านแม่ก็รู้ว่าทุกวันนี้จะสามารถนั่งกินอาหารดีๆ อยู่ตรงนี้ได้ มันยากลำบากแค่ไหน ท่าน…

ซ่งฝูหลิงร้อนรนจนตื่นขึ้นมา

หลังจากตื่นนอน นางก็ใช้มือเช็ดปากก่อนแล้วลุกขึ้นนั่งในอาการงุนงง หรี่ตามองออกไปข้างนอก ท้องฟ้าเพิ่งจะเริ่มสว่าง

เมื่อมีสติก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมา ทั้งหมดล้วนเป็นของปลอม ของปลอมทั้งสิ้น อย่าฝันแบบนั้นเลยดีกว่า เพราะเมื่อตื่นจากฝันจะทำให้ใจหาย

นี่เป็นครั้งแรกที่นางตื่นนอนก่อนใครทั้งหมด นางนำผ้าห่มไปคลุมตัวให้กับหมี่โซ่วและท่านย่า จากนั้นก็เริ่มดึงร่างท่านแม่และบีบจมูกท่านพ่อกับแม่ของนาง

ซ่งฝูเซิงรีบลืมตาขึ้นทันที เขาหงุดหงิดอยากจะด่า แต่เมื่อหันมาก็เห็นเป็นลูกสาวกำลังชูนิ้วชี้ขึ้น เพื่อเตือนไม่ให้เขาส่งเสียงดัง

ส่วนภรรยาก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วเช่นกัน

ทั้งสามคนต่างมองหน้ากัน ก่อนจะพากันสวมรองเท้าและเดินออกจากห้องอย่างเงียบๆ

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาตีสามกว่าๆ เมื่อเทียบกับเวลาปัจจุบัน ประตูรั้วของเรือนสวียังคงปิดอยู่ พวกเขาทั้งสามคนไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ ดังนั้นพวกเขาจึงหามุมที่อยู่ห่างไกลออกไปที่สุด ตรงข้างกองฟืนของครอบครัวสวี

ซ่งฝูเซิงไม่รอช้า เขารีบเข้าไปในพื้นที่พิเศษเพื่อเอาของกินออกมา

บางเรื่องก็เป็นเช่นนี้ คนอื่นบอกกับเจ้าว่าของฟรี เจ้ากินเท่าไรก็ชดเชยให้เท่านั้น ถ้าเจ้าไม่กินหลายรอบ ก็ต้องรู้สึกว่าขาดทุนแล้ว

เมื่อซ่งฝูเซิงเอาของกินออกมาแล้ว ซ่งฝูหลิงก็เปิดฝากระติกน้ำร้อนเทนมผงลงไปเจ็ดซอง

ท่านแม่พูดขึ้น “พอแล้ว พอแล้ว เดิมทีมันเป็นน้ำค้างคืน ไม่ค่อยจะร้อนแล้ว แล้วนี่จะละลายไหม?”

ท่านพ่อพูดขึ้น “ลูกสาวข้าฉลาดจริงๆ ตอนเช้ารู้จักหาน้ำร้อนใส่กระติกน้ำมาด้วย ถ้าไม่กินตอนเช้า ท้องคงจะเย็น ใส่เพิ่มอีกถุงให้เข้มข้นหน่อยจะได้ไม่หิว”

ทั้งสามคนก็เริ่มลงมือกินเหมือนดังเช่นเมื่อวาน

เฉียนเพ่ยอิงแค่เข้าไปในพื้นที่พิเศษเพื่อเติมสิ่งของก็ยังต้องเข้าไปถึงสี่รอบ ไม่มีวิธีการอื่นอีกแล้ว เพราะมีเค้กน้อยและมีซอสเนื้อวัวน้อยลง ก่อนจะทะลุมิติเวลามา ในตู้เย็นเหลือเนื้อชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง ตั้งใจจะหั่นเป็นแผ่นแล้วจิ้มกับซอสกิน ตอนนี้ยังจะจิ้มอะไร? กินเปล่าๆ

ซ่งฝูหลิง หลังจากกินเสร็จแล้ว รับผิดชอบนำถุงที่ห่อหุ้มอาหารโยนเข้าไปในพื้นที่พิเศษ

สุดท้ายทั้งสามคนก็กินผลไม้ ซ่งฝูเซิงเทน้ำแร่ลงในกระติกเก็บความร้อนและเขย่าให้นมผงที่ติดอยู่ก้นกระติกละลายออกมา ก่อนจะยกขึ้นดื่ม

ซ่งฝูหลิงรับกระติกเปล่ามาแล้วเทเกลือกับน้ำตาลลงไป พวกนี้เหลือเพียงแค่ก้นถุงเพราะถูกหักออกไปเนื่องจากคนอื่นใช้ เหลือแค่ก้นถุงก็ไม่เป็นไร ถ้าสามคนนี้กินเองก็สามารถเปลี่ยนกลับมาได้

ครู่ต่อมาก็เทน้ำเดือดลงในกระติกน้ำร้อน นี่เหมือนเป็นน้ำเกลือแร่ สามารถเติมพลังงานได้โดยไม่มีกลิ่นเวลาพูด ไม่เหมือนกับการดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง และสีไม่เข้มเหมือนโคล่า ท่านย่ากับหมี่โซ่วจะได้มองไม่เห็นความแตกต่าง

“เข้าไปเติมของเถอะ ท่านแม่”

เมื่อท่านแม่เข้าไปเติมของออกมาแล้ว จึงพูดขึ้น “พื้นที่พิเศษช่างฉลาดหลักแหลมมาก ของสิ่งอื่นเปลี่ยนกลับมาเติมจำนวนหมดแล้ว แต่น้ำตาลกับเกลือยังไม่กลับคืนมา คาดว่าคงรอ รอดูน้ำในกระติกของเจ้าว่าเอาให้คนอื่นดื่มหรือไม่”

ซ่งฝูเซิงบ่นขึ้นมา “ถ้างั้นก็เหมือนร้านบุฟเฟต์น่ะสิ ที่พวกเราสามคนกินอะไรก็ได้ แต่ห้ามเหลือ ถ้าเหลือก็ต้องจ่ายเงิน และพวกเราไม่สามารถเอาออกไปให้คนอื่นกินได้”

ซ่งฝูหลิงยิ้ม “เหมือนกับที่พวกเราไปกินที่ร้านบุฟเฟต์ ธรรมดาเสียเงินกับร้านอาหารอื่นไปเท่าไรก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่เวลาไปร้านบุฟเฟต์ แม้ว่าคนเดียวจะใช้เงินไม่มาก แต่ก็ต้องกินให้เยอะ มิเช่นนั้นไม่คุ้มกับเงินที่สูญเสียไป”

“ท่านพ่อ เข้าไปเถอะ เอาครีมล้างหน้ามาให้ข้าด้วย อาศัยช่วงที่พวกเขายังไม่ตื่นนอน พวกเรารีบต้มน้ำอาบกัน”

เฉียนเพ่ยอิงกังวล ไม่อยากให้ใครเห็น

“ท่านแม่ ข้าบีบครีมให้พวกท่าน พวกท่านใช้เสร็จแล้วก็เอามาให้ข้า ข้าได้จะได้ส่งกลับคืนไปในพื้นที่พิเศษ ต่อไปพวกเราจะต้องฝึกการร่วมมือกันทำงานนะ”

ซ่งฝูเซิงพูดขึ้น “น้ำสบู่ที่พวกเราใช้แล้วสามารถให้คนอื่นใช้ได้ไหม?”

ซ่งฝูหลิงก็รู้สึกเช่นกัน โอ้ว นี่ดูเหมือนน่าจะเป็นช่องโหว่

ต้องลอง

ซ่งฝูหลิงบีบยาสีฟันใส่แปรงจนเต็ม นางกับแม่นั่งยองๆ แปรงฟันอยู่ข้างบ่อน้ำ

ซ่งฝูเซิงไปหอบเอาฟืนมาก่อไฟต้มน้ำ

เมื่อซ่งฝูหลิงกับแม่ของนางแปรงฟันเสร็จก็มารับหน้าที่ก่อไฟต้มน้ำต่อ ให้ซ่งฝูเซิงไปแปรงฟัน

การแปรงฟันถือเป็นเรื่องปกติในยุคปัจจุบัน แต่ซ่งฝูเซิงไม่ได้แปรงฟันมาเกือบเดือนแล้ว

ในยุคโบราณก็มีผงยาไว้สำหรับใช้แปรงฟัน แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงอพยพลี้ภัย จะมีใครหอบเอาผงยาสีฟันหลบหนีไปด้วย? ยาสีฟัน ก่อนหน้านั้นก็ให้แต่ภรรยากับลูกสาวใช้ แต่ก็ต้องแอบๆ แปรงฟันและไม่กล้าบีบมาใช้มากนัก ในตอนนั้นไม่รู้ว่าเฉียนเพ่ยอิงมีความสามารถในการเติมสิ่งของ คิดว่าต้องประหยัดอย่างเดียว จึงให้ภรรยากับลูกสาวได้ใช้ก่อน

วันนี้ซ่งฝูเซิงไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว เขาสามารถแปรงสีฟันได้อย่างสบายใจ

น้ำในหม้ออุณหภูมิกำลังอุ่นพอดี พวกเขาจึงรีบนำมาล้างหน้า ล้างคอ ล้างมือ ล้างแขน หนึ่งคนต่อหนึ่งอ่าง เมื่อล้างเสร็จก็ไปเรียกคนที่อยู่ในห้อง

เฉียนเพ่ยอิงอุ้มเฉียนหมี่โซ่วที่กำลังนอนหลับอยู่ออกมา นางใช้น้ำที่นางล้างหน้าแล้ว มาอาบให้เฉียนหมี่โซ่วอีกรอบหนึ่ง

ซ่งฝูหลิงเปิดผ้าห่มของท่านย่าหม่าและเรียกพวกพี่สาวที่ค่อนข้างรักสวยรักงาม พวกนางหันกลับมาถามว่ามีเรื่องอะไร นางจึงบอกให้ตื่นขึ้นมาล้างหน้าได้แล้ว พวกเถาฮวา “…”

ท่านย่าหม่า เด็กคนนี้กำลังหิวแล้วรึเปล่า? ถึงปลุกให้นางตื่น คงจะให้นางลุกขึ้นมานึ่งอาหารแห้งแน่เลย

ซ่งฝูเซิงดึงเด็กทีละคนออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว