ครั้งนี้ซ่งฝูเซิงพาผู้ใหญ่มาแค่เกาถูฮู่กับหนิวจั่งกุ้ย
เกาถูฮู่กับหนิวจั่งกุ้ยทั้งสองคนนี้ไม่ต้องพูดอธิบายอะไรมาก คนหนึ่งแต่ก่อนขายเนื้อสัตว์ อีกคนหนึ่งขายเหล้า พวกเขาต่างก็เป็นพ่อค้าทั้งคู่ เวลาคิดบัญชีก็สามารถคิดได้อย่างละเอียดและเข้าใจง่าย
ส่วนที่เหลือที่เขาพาออกมาก็เป็นพวกชายหนุ่ม
ครั้งนี้พวกเขาเข็นรถมาสิบคันและพาพวกชายหนุ่มออกมาหลายคน ครั้งนี้ต้องซื้อของเยอะเกรงว่าจะมีน้ำหนักมากจนเข็นไปไม่ไหว ถึงได้พาชายหนุ่มพวกนี้มาหลายคนเพื่อช่วยกันขนของ
ตอนนี้ก็มีประโยชน์อย่างหนึ่งซ่งฝูเซิงไปก็ไม่ต้องเข็นรถเองเพราะมีหลายคนช่วยกันเข็นรถ
พวกเขาออกเดินทางกันแต่เช้า ต้องแบกถุงกระสอบข้ามสะพานและยังต้องเข็นรถข้ามไปอีกฝั่ง ตลอดเส้นทางเดินไม่พบเจอผู้คนในหมู่บ้าน คาดว่าน่าจะยังไม่ตื่นนอน
ซ่งฝูเซิงกังวลใจเก้อ เขากลัวคนเหล่านี้จะซื่อตรงเกินไป ถ้าคนในหมู่บ้านเหรินจยาพูดคุยกับพวกเขา พวกเขาอาจจะหุนหันพลันแล่นได้
ไม่จำเป็นใช่ไหม? ใบหน้ายิ้มแย้มแต่ฝังความโกรธแค้นไว้ในใจ อย่าทิ้งหลักฐานไว้ให้ผู้อื่นเป็นข้ออ้าง ถ้ามาตำหนิติเตียนเรื่องที่พวกเขาเพิ่งย้ายมาแล้วก็เกาะกลุ่มรวมตัวกัน นี่มันไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
นอกจากนี้ คนในหมู่บ้านเป็นอย่างไร พวกเราก็ไม่เคยใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก่อนด้วยซ้ำ
ถ้าพูดตามหลักเหตุผล พวกชาวบ้านอาจจะแตกต่างจากหลี่เจิ้งท่านนั้นก็ได้ คนในหมู่บ้านคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย คนในหมู่บ้านก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาลำบาก ยื่นมือช่วยเหลือถือเป็นความสัมพันธ์อันดี ไม่ยื่นมือช่วยถือเป็นเรื่องปกติ คนประเภทบ่นโอดครวญพูดกับคนอื่นไป นอกจากจะทำให้คนหัวเราะเยาะลับหลังแล้ว จะก่อให้เกิดประโยชน์อะไรได้อีก?
ดังนั้นซ่งฝูเซิงสั่งกำชับเป็นพิเศษ ถ้าออกจากหมู่บ้านแล้วพบเจอผู้คนที่อยากรู้อยากเห็นและเข้ามาสนทนากับพวกเรา ก็ควรจะทักทายพวกเขาบ้าง
แต่ระหว่างทางไม่พบเจอใคร
เมื่อข้ามสะพานซ่งฝูเซิงก็เพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ เขาไม่ได้สั่งกำชับกับกลุ่มคนที่อยู่บ้าน
เขาคงคิดไม่ถึงว่าท่านแม่ของเขาแค่ไปตักน้ำ ก็เกือบจะเท้าเอวด่าคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ ยังดีที่เฉียนเพ่ยอิงเดินถือถังน้ำมาพอดี นางจึงห้ามไว้ทัน
ก็ไม่เกิดเรื่องใหญ่อะไร หลังจากพวกซ่งฝูเซิงเดินไปแล้วเกือบหนึ่งชั่วยาม มีผู้หญิงบางคนถือถังไปซักผ้าบริเวณแม่น้ำ
ในสายตาของพวกท่านย่าหม่าที่ค่อนข้างมีอายุเยอะแล้ว คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจริงๆ แล้วไม่ได้อยากจะมาซักผ้า
เป็นโรคประสาทหรือเปล่า? อากาศตอนเช้าหนาวเย็น น้ำก็เย็นยะเยือก ในน้ำยังมีน้ำแข็งลอยเต็มไปหมด คนพวกนี้ยังมาซักเสื้อผ้ากันหรือ? บ้านของเจ้าไม่มีบ่อน้ำหรือไง? ทำเหมือนกับไม่เคยซักผ้า อากาศเหน็บหนาวขนาดนี้กว่าจะมีแสงแดดก็ถึงตอนเที่ยงแล้ว
ทยอยกันมาหลายคนเพื่อมาดูเหตุการณ์
เจ้าดูสิ บางคนออกมาซักเสื้อผ้ากะละมังกับไม้ตีผ้าก็ไม่ถือมา ยืนทำท่าทางอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ จริงๆ แล้วพวกเขาออกมาสังเกตการณ์พวกนางมากกว่า
ในใจค่อนข้างมีอคติ คนในหมู่บ้านนี้ไม่มีใครมีจิตใจดีสักคน
พวกท่านย่าหม่าถลึงตาใส่พวกเขา ออกแรงตักน้ำด้วยอารมณ์ไม่ดี
ฝ่ายพวกผู้หญิงฝั่งตรงข้ามก็อุทาน โอ้ว พวกเจ้านิสัยโผงผางเหมือนวัว ทำตัวเหมือนกับขอทาน มาอาศัยอยู่ในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำที่พวกนางไม่สนใจจะอยู่ แต่ละคนที่มาใหม่ยังกล้าถลึงตาใส่พวกข้า อยากจะกบฏหรือไงกัน
แม้มีแม่น้ำขวางกั้น คนพวกนั้นก็ใช้สายตาเป็นอาวุธ แต่ละคนก็ไม่ใช่คนดีนัก ถลึงตาใส่กันไปมา
ดูจากสายตาของคนสองฝั่ง ก็เข้าใจเจตนาที่สื่อออกมาอย่างชัดเจน
เจ้ามองทำไม?
จะมองเจ้า มีไรไหม
มองหาตูดหรือไง
ก็มองตูดนั่นแหละ
เจ้า? พวกเจ้า!
พวกท่านย่าหม่าโมโหมาก
ท่านยายหวังพูด “พวกเราดูสิ ตรงนั้นมีพวกป้าอ้วนกำลังด่าพวกเราฉอดๆ”
เฉียนเพ่ยอิงรีบวางถังน้ำแล้วเข้าไปห้ามปราม “ท่านป้าหวัง ท่านพูดไปเรื่อยเปื่อยหรือเปล่า มีแม่น้ำมาขวางห่างกันขนาดนี้ ท่านยังมองเห็นว่าเขาด่าฉอดๆ”
“ใช่นะ ด่าฉอดๆ ถ้างั้นข้าก็ด่าฉอดๆ เหมือนกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...