สรุปตอน ตอนที่ 168 – จากเรื่อง ทะลุมิติทั้งครอบครัว โดย Internet
ตอน ตอนที่ 168 ของนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ทะลุมิติทั้งครอบครัว โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
พวกเด็กๆ เป็นเด็กรู้เรื่อง
พวกเขานอนเพียงแค่3-4ชั่วโมงเท่านั้น พวกเขานำอิฐดินออกมาถึงจะสามารถทำตั่งดิน หากไม่มีอิฐดิน ท่านพ่อท่านแม่กับท่านปู่ท่านย่าก็คงจะไม่มีที่หลับนอน
แต่ละคนยังง่วงนอน บางคนอยากจะร้องไห้งอแง แต่พวกเขาก็เอามือขยี้หูขยี้ตาไปมา หลังจากตื่นนอนแล้วก็พากันไปล้างหน้าล้างตา ไม่มีใครมีท่าทีงอแงอีก
เฉียนเพ่ยอิงหวีผมให้กับลูกสาว
วันนี้ต้องไปที่ตำบล ห้ามแต่งตัวเสมือนขอทาน โดยเฉพาะเวลาที่พวกเขาไปขายถั่วเมล็ดสนที่มีราคาแพง ลูกสาวยังต้องตามท่านพ่อไปขายเห็ดมัตสึตาเกะอีก พยายามแต่งกายให้สะอาดสะอ้านมากที่สุด
เฉียนเพ่ยอิงทำทรงผมแบบคนโบราณไม่เป็น นางจึงทำผมให้กับลูกสาวเหมือนตอนที่นางยังเป็นเด็ก นางแบ่งผมเป็น 2 ข้าง แต่ละข้างมัดเป็นหางม้าแล้วถักเปีย หลังจากนั้นนางก็นำเปียมาม้วนเป็นทรงโดนัทและมัดด้วยที่รัดผมดอกไม้สีเดียวกันทั้งสองข้าง
ยายา หลานสาวคนเล็กของซ่งหลี่เจิ้งไม่เคยเห็นที่รัดผมสวยงามเช่นนี้มาก่อน ดูแปลกตามากจริงๆ
เด็กหญิงตัวน้อยอายุเพิ่งจะสี่ขวบวิ่งมาพลางชี้มือไปที่ผมทรงโดนัทของตน นางยิ้มอย่างพอใจแล้วพูดว่า “พี่สาวเหมือนกับข้าเลย”
“อือ…ข้ากับยายามีทรงผมเหมือนกัน สวยเหมือนกันเลย”
“พี่สาว ข้าอยากจับดอกไม้”
ซ่งฝูหลิงรอท่านแม่ทำผมให้นางจนเสร็จแล้วจึงนั่งลงเพื่อให้ยายาจับมัดผม
ยายาลูบคลำด้วยความทะนุถนอมและหัวเราะอย่างชอบใจ
ภายใต้เสียงหัวเราะของเด็กน้อย ด้านนอกผู้คนก็ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น
เมื่อคืนได้ถอดแผ่นกระดานไม้รองเกวียนออกเพื่อเอามาใช้รองนอน ตอนนี้พวกเขาจะต้องขนถั่วเมล็ดสนไปตลาดจึงต้องนำแผ่นกระดานไม้ตอกกลับเข้าที่ตามเดิม
ถั่วเมล็ดสนแต่ละกระสอบถูกขนออกมา
ทุกคนแย่งกันวิจารณ์จนฟังไม่ได้ศัพท์ “ถ้าไม่มีคนซื้อก็ขายในราคาถูกก็แล้วกัน”
“ใช่ ขายได้เท่าไหร่ก็เป็นเงินเท่านั้น”
ซ่งหลี่เจิ้งพูดขึ้น “ฝูเชิงยังต้องให้พวกเจ้าสั่งการหรือ!” ทุกคนเงียบเสียงลง
ซ่งฝูเซิงไม่ได้ฟังว่าพวกเขากำลังพูดอะไร เพราะเขากำลังกล่อมหมี่โซ่วอยู่
หนิวจั่งกุ้ยยืนตาแดงก่ำอยู่ข้างๆ เขาหันหลังกลับหลบผู้คนอยู่หลังห้องเพื่อเช็ดน้ำตา กลัวจะทำให้ทุกคนเกิดลางร้าย
เขาบ่นพึมพำ อาจเป็นเพราะง่วงนอนหรือเป็นเพราะความหิว ทำไมตื่นเช้ามาก็อยากร้องไห้
แต่หนิวจั่งกุ้ยเข้าใจอย่างถ่องแท้ ยามเห็นซ่งฝูเซิงกำลังกล่อมหมี่โซ่วนั้นทำให้เขาได้ระลึกถึงท่านเฉียนและท่านพ่อของหมี่โซ่ว
เขาพึมพำในใจว่า ไม่ต้องห่วง ตอนนี้พวกเราทุกคนเดินทางถึงที่หมายแล้ว ทุกคนยังมีชีวิตอยู่ นายน้อยไม่ต้องกังวล หลับให้สบายเถอะ ลูกเขยของท่านดูแลหมี่โซ่วเสมือนลูกชายแท้ๆ ก็ไม่ปาน
ซ่งฝูเซิงอุ้มหมี่โซ่วขึ้นมาหอมทั้งที่ยังไม่ตื่นนอน เขาเอาปากแตะหน้าผากสัมผัสอุณหภูมิร่างกายของของหมี่โซ่ว พลางกล่อมพลางหอมสลับกันไป
“เจ้าต้องเชื่อฟัง ลุงและพี่สาวแบกเจ้าไม่ไหว…
…เจ้าดูสิ ต้องขนถั่วเมล็ดสนหลายคันรถ เจ้ายังจำสะพานเมื่อวานได้หรือไม่? รถข้ามไปไม่ได้ จำเป็นต้องแบกกระสอบแต่ละลูกข้ามแม่น้ำไปยังฝั่งตรงข้าม จากนั้นจึงยกรถข้ามแม่น้ำตามไป…
…เมื่อถึงเขตตำบล ลุงขายถั่วเมล็ดสนไม่ได้ จำเป็นต้องเดินถามราคาข้าวเปลือกกับร้าน ค้าแผงลอยเพื่อเปรียบเทียบราคา ข้าวเปลือกราคาห่างกันหนึ่งเหวิน รวมแล้วเป็นเงินไม่น้อย ยังต้องซื้อข้าวน้ำมัน และผักสด ตอนกลับขนใส่รถเข็นจนเต็ม ไม่มีที่นั่งเหลือสำหรับเจ้า…
…ถ้าไม่ซื้อของพวกนี้ หมี่โซ่วจะกินอะไร? หมี่โซ่วจะไม่หิวหรือ?…
…เจ้ารอก่อน รออีกสองรอบต่อไป พวกเราไม่ใช้เงินกองกลาง ใช้เงินของพวกเราเองไปซื้อใช้ในเขตตำบล เมื่อถึงตอนนั้นลุงก็ต้องแบกเจ้าไปด้วย…
…ซื้อเสื้อผ้ารองเท้าใหม่ให้หมี่โซ่วของพวกเรา หมี่โซว่แต่งกายจะได้ไม่เหมือนกับเด็กขอทาน รออีกไม่กี่วันได้หรือไม่? อยู่เป็นเพื่อนท่านป้าของเจ้าอยู่ที่บ้านก่อนได้ไหม?”
ไม่ได้สิ ต้องเอานมผงออกมาจากพื้นที่พิเศษ สักครู่ชงนมให้เข้มข้นสักหน่อยเพื่อไม่ให้หิว แล้วแอบพาเด็กน้อยไปด้านหลังเรือนเพื่อป้อนนม สำหรับถุงบรรจุภัณฑ์นั้น เนื่องจากลูกสาวไม่อยู่ นางก็ใส่ลงในเตาแล้วเผาทิ้ง
เรื่องของอาหารนี้ ซ่งฝูเซิงได้สั่งกำชับทุกคนไว้แล้ว
เมื่อทุกคนกินข้าวต้มเสร็จแล้ว ซ่งหลี่เจิ้งจะรีบจัดสรรงานให้พวกผู้หญิงทันที
“ฝูเซิงสั่งไว้ พวกเราทุกคนแบ่งส่วนหนึ่งไปถางหญ้าแห้งและทำความสะอาดห้องใต้ดิน ทุกคนก็รู้มีห้องใต้ดินไว้เก็บผักอยู่หลายที่ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งไปช่วยกันทำอิฐดิน ต้มน้ำร้อนในหม้อใหญ่และเผาอิฐดินพลิกไปมาให้แห้ง นอกจากนี้ก็ช่วยกันตักมาเยอะหน่อย ฟังเข้าใจไหม? ต้องฟังใคร ฟังแม่ของฝูเซิงออกคำสั่งนะ ข้าไม่ยุ่งแล้ว”
ซ่งหลี่เจิ้งหันหน้าไปทางพวกผู้ชาย เขาพูดกับพี่ชายคนรองของซ่งฝูเซิงเพียงคนเดียวก่อน
“ฝูสี่ น้องสามของเจ้าสั่งไว้ งานวันนี้ของเจ้าคือ หาคนมาช่วยเจ้าทำบานประตูและทำพื้นเตียงกระดานแล้วก็ไปเก็บกวาดประตูที่ชำรุดแล้ว ถ้าทำเสร็จแล้วหากมีเวลาว่างก็ทำแท่งไม้สี่เหลี่ยมยาว(ไว้ดามสิ่งของ) ข้าก็ไม่สนใจเจ้าแล้ว”
ซ่งฝูสี่อยากตอบกลับไปว่า ท่านลุง ข้าจะมีเวลาว่างไหนไปทำแท่งไม้สี่เหลี่ยมยาวอีก แค่ทำบานประตู ท่านดูสิวันนี้กับวันพรุ่งนี้ข้าจะมีเวลาว่างหรือไม่? ถ้าไม่เชื่อท่านคอยดูสิ วันพรุ่งนี้ตอนดึกข้าก็คงยังไม่ได้นอน ยังต้องทำงานนี้ต่ออีกนะ
ท่านลุงซ่งยังคงแบ่งหน้าที่ต่อไป “เถียนสี่ฟา เจ้าคุ้นเคยกับภูเขาเป็นอย่างดี ฝูเซิงสั่งให้เจ้านำพวกชายฉกรรจ์ขึ้นภูเขาไปตัดฟืนและแบกฟืนลงมาด้านล่าง หวังว่าทุกคนจะระมัดระวัง เมื่อเจอสัตว์ร้ายอย่าจัดการแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าสู้ไม่ได้ก็ให้วิ่งหนีซะ”
เถียนสี่ฟารู้ว่า สองประโยคสุดท้ายนั้นท่านลุงเป็นคนเพิ่มเข้าไปแน่ๆ ถ้าเป็นน้องสามจะไม่พูดแบบนี้ อีกอย่างถ้าเจอสัตว์ร้ายยิ่งวิ่งหนียิ่งรอดยาก
เขาตอบ “ท่านลุงสบายใจได้ ข้ารู้ว่าจะต้องทำยังไง ข้าจะเดินสำรวจดูหลายรอบก่อนว่า พื้นที่บนเขาตรงไหนอยู่ใกล้และปลอดภัย รอช่วงบ่ายจะให้พวกผู้หญิงไปเก็บกิ่งไม้ใบหญ้าเอาไว้สำหรับเผาไฟทำกับข้าวและก็ใช้เผาอิฐดินด้วยเช่นกัน และต้องเก็บหญ้าแห้งอีกหลายวัน หลังคาบ้านของพวกเราต้องซ่อมอีกเยอะ ทำเสื่อก็ต้องใช้เหมือนกัน งานละเอียดแบบนี้ต้องให้พวกผู้หญิงทำถึงจะเหมาะสม”
“ใช่…ใช่…ใช่…เจ้าคิดได้รอบคอบ ทำตามที่เจ้าบอก ไปเถอะ”
เถียนสี่ฟาพาคนออกเดินทางแล้ว พอคนพวกนี้ออกไป หน้าบ้านกระท่อมก็เหลือคนอยู่ไม่กี่คน
ซ่งหลี่เจิ้งกำลังจะหันหลังสั่งกำชับพวกเด็กๆ พวกเด็กน้อยต่างบอกกับเขาว่า “พี่พั่งยาสั่งไว้ เมื่อมีผู้ใหญ่ไปตักน้ำที่แม่น้ำ พวกเราก็ต้องตามไปเก็บก้อนหินเล็กๆ กับทรายละเอียดเพื่อไว้ใช้กรองน้ำ”
“ได้ ได้ ได้ เดินระวังด้วย อย่าให้ตกลงไปในน้ำ และห้ามวิ่งออกไปไหนไกล เดี๋ยวหมาป่าจะมาคาบไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...