ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 171

ตอนที่ 171

พวกต้าหลังได้ยินว่าข้าวสารอาจจะขึ้นราคา ชายหนุ่มทั้งสี่ก็ให้เสี่ยวเอ้อร์ขนของมาใส่รถเข็น

“พี่ใหญ่ พวกท่านเข็นไหวหรือ?”

“เข็นไหว วางลงเถอะ”

เสี่ยวเอ้อร์พูดไม่ออก “ได้ พวกเจ้าเข็นไปไหว แต่พวกเจ้าจ่ายมาแค่ราคาข้าวสองร้อยห้าสิบกิโลเองนะ”

ซ่งฝูหลิงขมวดคิ้ว “ข้าก็ยืนเป็นตัวประกันอยู่ตรงนี้ไง ใครจะกล้าไม่ให้เงินเจ้า?”

ซ่งฝูหลิงลืมไปแล้ว ในยุคโบราณคนไม่ได้มีราคา ถ้าขนออกไปอีกหลายกระสอบ นางคิดว่าตนเองมีค่า แต่ในสายตาของเสี่ยวเอ้อร์ ตัวนางไม่ได้มีค่าเท่ากับเงินค่าธัญพืชเลยด้วยซ้ำ

เด็กสาวผอมจนหนังติดกระดูก เป็นเด็กเผาฟืนยังไม่ผ่านเกณฑ์เลย แค่แบกฟืนยังแบกไม่ไหว

รอบสุดท้ายพวกต้าหลังสี่คน เข็นรถเข็นสองคน พวกเขาเข็นพวกข้าวไปทั้งหมดสามร้อยห้าสิบกิโล

อาจพูดได้ว่า ให้ไปอีกร้อยกิโล ถ้ามากกว่านี้เสี่ยวเอ้อร์ก็ไม่ยอมให้แล้ว

ก่อนจะไป ซ่งฝูหลิงก็ถามขึ้น “พี่ใหญ่ ทำไมพ่อของข้าไม่มาพร้อมกับพวกท่านล่ะ? เขาไปไหนแล้ว?”

“ลุงสามไปซื้อกระดาษสาไว้ติดหน้าต่างกับผ้าน้ำมันแล้ว ให้พวกข้าไปรอที่เชิงสะพานตรงนั้น ให้ลากรถไป”

ซ่งฝูหลิงกับพวกต้าหลังคาดไม่ถึงว่า ซ่งฝูเซิงไปครั้งนี้ไม่เพียงแค่ซื้อกระดาษสาติดหน้าต่างกับผ้าน้ำมัน เขาเดินไปตามถนนและเปลี่ยนพื้นที่ตั้งแผงขายของ

ขายได้แค่หนึ่งกิโลครึ่ง ขายหนึ่งกิโลครึ่งจะพอได้อย่างไร

หาเจ้าหน้าที่ที่จัดเก็บภาษีและพูดคุยทำความเข้าใจ ต้องจ่ายค่าภาษีมากหน่อย ค่าภาษีต้องจ่ายสองตำลึง จ่ายสิ! ไม่กลัว ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ แผงขายของของพวกเขาถูกย้ายไปอีกถนนหนึ่งใกล้กับร้านขายหนังสัตว์

ตอนนี้ซ่งฝูเซิงกำลังยุ่งอยู่กับการหาเงินมาเพิ่ม เกาเถี่ยโถวเป็นคนพาซ่งฝูหลิงไป

“ท่านพ่อของข้าทำได้อย่างไร?”

เกาเถี่ยโถวไม่สนใจว่าลุงสามทำได้อย่างไร เขาอยากจะพูดชื่นชมลุงสามที่มีความมานะอดทน

“เจ้าถามคำถามนี้แปลกๆ ยังมีอะไรที่ลุงสามทำไม่ได้หรือ ตั้งแต่ไหนมาลุงสามก็เป็นคนที่มีความสามารถมาก”

เกาเถี่ยโถวไม่รอให้ซ่งฝูหลิงพูดแทรก เขาเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพูดอย่างตื่นเต้นว่า

“ข้าจะบอกเจ้า พั่งยา ก่อนหน้านั้นพวกข้าขายได้แค่หนึ่งกิโลครึ่ง ลุงสามเดินกลับมาก็เรียกพวกต้าหลังให้ไปขนข้าวสารและถามแค่คำเดียวก็เดินไปแล้ว…

…ข้ากับพ่อข้ายังคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป วันนี้ทั้งวันน่าจะขายไม่ถึงสี่ถึงห้ากิโลแน่ๆ จะตะโกนเจ็ดสิบเหวินหรือจะบอกราคาถูกกว่านี้ดี ลุงสามก็เดินกลับมาแล้วให้พวกข้าย้ายแผงขายของไปอีกที่หนึ่ง…

…เจ้าไม่รู้อะไร เพิ่งเปลี่ยนสถานที่ขายย้ายไปอีกถนนหนึ่ง อย่าว่าแต่คนที่เดินผ่านไปมา ร้านขายหนังสัตว์ที่อยู่ข้างๆ ก็ยังซื้อถั่วเมล็ดสนของพวกเราสิบห้ากิโลแล้ว…

…ยังมีอีก เจ้าลองทายดูสิ?”

ซ่งฝูหลิงมองเกาเถี่ยโถวที่กำลังคุยจนน้ำลายแตกฟองถึงสิ่งที่เกิดขึ้น “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

“ลุงสามไม่ให้พวกเราขายราคาถูก ก่อนย้ายแผงขาย เขาก็กำชับกับพวกเราว่า เมื่อย้ายไปอีกถนนหนึ่งก็ให้แก้ไขราคาและตะโกนขายหนึ่งร้อยเหวินต่อครึ่งกิโล…

…พวกข้าไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ก่อนหน้าพวกเราขายแปดสิบเหวิน ขนาดลดราคาเหลือเจ็ดสิบเหวินยังไม่มีคนซื้อ ถ้างั้นคงไม่มีคนซื้อแล้ว นอกจากไม่ลดราคาแล้วยังจะขึ้นราคาได้อย่างไร? ตอนนั้นข้ายังคิดว่าลุงสามไม่ได้นอนมาทั้งคืนถึงได้พูดกลับกัน…

…ผลเป็นอย่างไร? ผลก็คือลุงสามก็ยังเป็นลุงสาม!…

…ร้านขายหนังสัตว์ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินว่าขายหนึ่งร้อยเหวิน เดิมทีเขาคิดจะซื้อสักครึ่งกิโลไปลองชิม แต่ลุงสามบอกว่า การที่พวกเรามาขายของใกล้ๆ กัน นี่ก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิต ขายให้คนอื่นหนึ่งร้อยเหวิน จะขายให้พวกเราคนกันเองหนึ่งร้อยเหวินได้อย่างไร อุตส่าห์มาช่วยซื้อ พวกเราขายเก้าสิบเหวินพอ…

…เจ้าฟังสิ พั่งยา คนพวกนั้นต้องเสียเงินเยอะและยังยอมรับมิตรไมตรีอีก พวกเราตั้งแผงลอยข้างๆ พวกเขา พวกเขายังบอกอีกว่า ถ้าเจอคนมีเงินมาซื้อเครื่องหนังจะช่วยแนะนำถั่วเมล็ดสนของพวกเราให้ด้วย เชื่อคำพูดของลุงสาม ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ”

ซ่งฝูหลิง “…”

“พั่งยา ต่อไปนี้ข้ารู้แล้ว ข้าจะต้องเรียนรู้กับลุงสามให้ตนเองมีความสามารถ พั่งยา ลุงสามเป็นพ่อของเจ้า เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”

ซ่งฝูหลิง “…”

การกลับมาของซ่งฝูหลิง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุบังเอิญหรือเหมือนเสือติดปีก

นางเพิ่งยืนอยู่ตรงหน้าแผงลอยของตนเอง ลูกค้าที่มีลักษณะคล้ายพ่อบ้านที่อยู่ร้านข้างๆกำลังซื้อหนังสัตว์ให้คนในจวนใหญ่ เขาก็เดินมา

เขาหยิบถั่วเมล็ดสนครึ่งกำมือเพื่อมาดู “อืม เมล็ดค่อนข้างใหญ่เลยนะ”

หนิวจั่งกุ้ยตอบกลับ “ถั่วเมล็ดสนนี้ของพวกเราไม่ได้เก็บมาจากต้นก่อนตอนต้นเดือนกันยายน ถั่วเมล็ดสนของพวกเป็นแบบสุกงอมเต็มที่แล้ว ช่วงปลายเดือนตุลาคมเพิ่งเก็บลงมา แต่ละเมล็ดจึงดูอวบอิ่ม”

“ขนไปไว้บนรถสองร้อยห้าสิบกิโล”

สอง สองร้อยห้าสิบกิโลเลยหรือ?

ก่อนหน้าก็ขายออกไปสิบห้าถึงยี่สิบห้ากิโลกรัม ตอนนี้เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับสองร้อยห้าสิบกิโล ก่อนหน้าที่ขายไปนั้นก็ดูเหมือนไม่ต่างกับการเล่นขายของเลยนะ

“โอ้ พั่งยา พั่งยา ของยังขายไม่หมด เจ้าอย่าเพิ่งรีบเดินไปไหนสิ ต้องยืนอยู่ตรงนี้ก่อน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว