คนที่มาเดินจากไปแล้ว เมื่อเขาเดินออกไปไกลแล้ว ท่านลุงซ่งถึงรู้สึกตัว
ท่านนี้ผู้นี้แซ่เริ่น เป็นคนละพวกกับพวกคนเลวแซ่เริ่นเหล่านั้น นี่เป็นพวกคนที่ฝูเซิงบอกว่าต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาไว้
บอกว่าต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาจะมีประโยชน์มาก เพราะเป็นหัวหน้าตระกูลและยังเป็นคนในพื้นที่ รู้เรื่องราวในชุมชนลึกซึ้งมากกว่าพวกเขา
ท่านลุงถือไปป์จีน เดินแกมวิ่งไปข้างหน้า เขาตะโกนเรียกท่ามกลางความมืด “นั่นใคร? ท่านมาจนถึงบ้านแล้ว มาดื่มน้ำซุปร้อนๆ กันก่อนสิแล้วค่อยกลับ”
ลูกชายของเหล่าซิ่วไฉไม่หันหลังกลับมามอง แต่เขายกมือขึ้นโบกไปมา
“จะทำอย่างไรดี เขาได้ยินเรื่องหนึ่งร้อยสามสิบเก้าตำลึงไหม?” มีพวกผู้หญิงกระซิบถาม
“ใช่แล้ว เขาจะเอาไปพูดให้คนอื่นฟังไหม?” พวกชายฉกรรจ์ก็กระซิบถาม
ท่านลุงซ่ง “เขาจะได้ยินหรือไม่นั้น มันก็ไม่ใช่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามตำลึงนะ พวกเรายังขายของระหว่างทางได้อีก เมื่อหักเงินค่าซื้อยารักษาโรค กินข้าว จ่ายค่าที่พัก ฯลฯ และรวมกันกับหนึ่งร้อยสามสิบเก้าตำลึง ก็เป็นเงินจำนวนหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามตำลึง”
“ฝูเซิง หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามตำลึงใช่ไหม?”
ซ่งฝูเซิง: “…”
“นี่มันเรื่องสำคัญไหม?…
…ท่านลุง ท่านควรจะไปนอนได้แล้ว นอนดึกมากจะทำให้สมองท่านมึนงง สมองไม่ปลอดโปร่ง”
ซ่งฝูเซิงสบสายตากับลูกสาว สองคนพ่อลูกคิดคล้ายกัน หัวหน้าหมู่บ้านเหล่าซิ่วไฉ ไม่ได้นิ่งดูดาย ราบรื่นกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ อาศัยช่วงกลางคืนยื่นมือให้ความช่วยเหลือก่อน
ซ่งฝูเซิงอ่านข้อความในกระดาษให้เกาถูฮู่ที่ไม่รู้หนังสือฟังแล้วให้เขาจดจำ จากนั้นพรุ่งนี้ให้เขาเดินทางไปถงเหยาเพื่อไปหาช่างเจาะบ่อน้ำ การเจาะบ่อน้ำไม่ได้ใช้เวลาเพียงแค่วันสองวัน และจะต้องทำให้เสร็จก่อนที่ผิวแม่น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง
“แล้วเจ้าล่ะ?”
“พวกข้าจะไปเมืองเฟิ่งเทียน ประการแรกคือไปขายเห็ด ประการที่สองคือจะไปหาสถานที่ให้เสบียงอาหาร และจะลองสอบถามดูว่าต่อไปพวกเราสามารถมารับเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์เองได้หรือไม่ รับเองได้หรือไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยพวกเราจะได้รู้ว่าได้รับเสบียงอาหารเท่าไรและแต่ละคนจะได้รับเสบียงอาหารเท่าไหร่”
ขณะที่ซ่งฝูเซิงกับเกาถูฮู่พูดคุยเรื่องนี้กันแล้ว ท่านลุงซ่งก็นำเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
ทันใดนั้นทุกคนก็พูดจากันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ถึงแม้จะแจกเสบียงอาหารช่วยเหลือจริง แต่ก็ไม่พอกิน แต่มันก็สามารถช่วยพวกเขาประหยัดเงินได้ไม่น้อย
“พวกเราเพิ่งมาถึง ต้องรอพวกเขากลับมาถึงบ้านแล้วถึงจะมาแจกให้พวกเราหรือเปล่า?”
“เจ้าสมองทึบ มัวคิดอะไรอยู่ ตาแก่นั่นจะใจดีช่วยพวกเรารับเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์แทนหรือ? เจ้าแค่ดูเขาจัดสรรบ้านให้พวกเราก็น่าจะรู้แล้ว”
“ใช่แล้ว พวกเรามีเด็กเยอะขนาดนี้ หลี่เจิ้งที่มีจิตใจดีอย่างน้อยก็ควรจัดสรรเตาที่พวกเราสามารถติดไฟทำอาหารได้ ให้พวกเด็กๆ ได้ดื่มน้ำอุ่นร้อนๆ มีที่นอนอันอบอุ่น หลังจากนั้นค่อยหาที่พักให้กับผู้ใหญ่อย่างพวกเรา มานอนบ้านกระท่อมที่ลมสามารถพัดผ่านทั่วทุกทิศข้าก็ยังไม่โอดครวญ ข้าก็ยังคิดว่าเขาเป็นคนดี”
“เขาจะต้องเอากลับไปที่บ้านของเขาเองแน่ๆ”
“เขาต้องเอากลับไปที่บ้านของตนเองแน่ ถ้าจริงใจจริงๆ ก็ต้องมาบอกให้พวกเรารับรู้ พวกเราจะได้ไปรับเสบียงอาหารเอง หรือบอกให้พวกเรารอก่อน แล้วเขาไปช่วยรับของแทนพวกเรา…
…เจ้าดูเขาสิ ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบพาทั้งคนและรถออกไป คิดว่าพวกเราโง่หรือว่าเขาโง่กันแน่”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เขาก็เป็นคนสารเลว”
“เป็นคนสารเลว เขาเป็นคนคดโกง แม้กระทั่งเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์ยังโกงกันได้ เขาจะต้องถูกสวรรค์ลงโทษ”
“คนที่จิตใจต่ำช้าเช่นนี้ สวรรค์มีตา ไม่นานก็คงถูกสายฟ้าผ่าตาย”
ท่านย่าหม่า “ไอ้หลานเหลือเดน!”
เมื่อเด็กคนอื่นกินข้าวอิ่มแล้ว เด็กบางคนก็ออกไปวิ่งเล่นพลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน เด็กบางคนกินเสร็จก็ง่วงนอน เด็กในช่วงวัยนี้มีทุกรูปแบบ มีเพียงหมี่โซ่วเท่านั้นที่นั่งอยู่ข้างๆ ท่านย่าหม่าและฟังเรื่องราวอย่างออกรสออกชาติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...