ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 181

ขณะที่พวกเขาทั้งสามคนค่อยๆ ปีนออกมาจากห้องใต้ดิน ท่านลุงซ่งก็พูดขึ้นมาว่า

“ข้าไม่รู้ว่ามันจะสามารถทำเงินได้หรือไม่…

…พวกเขาก็ไม่มีอย่างอื่น มีเพียงเรี่ยวแรงเท่านั้น ยามพวกเขาว่างก็ว่างจริงๆ นอกจากทำงานแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร…

…แต่ครั้งนี้เจ้าต้องฟังข้า จำเป็นต้องฟังข้า…

…ฝูเซิง ข้าไม่อยากให้เจ้าถูกเอาเปรียบอีก วิธีการปลูกก็มาจากหนังสือของเจ้าที่กว่าจะได้มา ถ้าสามารถทำเงินได้จริง เจ้าต้องเก็บอย่างน้อยไว้สี่ส่วน ไม่เช่นนั้นพวกเราก็ไม่กล้าสู้หน้าเจ้า ข้าก็เหมือนพาพวกเขามาเป็นภาระคอยฉุดรั้งเจ้า”

ซ่งฝูเซิงรีบหันไปมองภรรยา เขาสบสายตากับเฉียนเพ่ยอิงสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ถ้าสามารถขายกุยช่ายขาวได้จริง ทุกคนช่วยกันทำงานจนถึงปีใหม่ ครอบครัวหนึ่งอย่างน้อยก็สามารถสร้างรายได้สองตำลึง เก็บไว้เป็นเงินสำหรับใช้จ่ายในบ้านได้ ส่วนข้าก็จะเก็บไว้สามส่วน…

…เก็บแค่สามส่วน ท่านลุง เมื่อต้นปีมีแต่เรื่องวุ่นวาย ข้าจะได้มากหน่อย-น้อยหน่อยก็ไม่เป็นไร…

…นอกจากนี้ข้ายังคิดถึงเรื่องหนึ่ง นี่เป็นสูตรวิธีทำของตระกูลเฉียน ทุกคนยังต้องช่วยข้าทำงาน…

…แต่การค้าขายนั้น ข้าคิดไว้ว่าจะเก็บมากหน่อยอย่างน้อยก็ห้าส่วน เพราะเป็นเมล็ดเพาะปลูกที่ตระกูลเฉียนได้มายาก สถานที่ที่พวกเราอยู่นี้ก็ไม่มี ข้าต้องเก็บให้หมี่โซ่วไว้อย่างน้อยสามส่วน”

“ได้สิ ตกลงตามนี้ โอ้ว ให้พวกเขาปลูกกุยช่ายขาวใช้เวลาสองถึงสามเดือนก็ได้เงินสองตำลึงแล้ว พวกเราอยู่หมู่บ้านเดิมก็ไม่มีเรื่องดีๆ แบบนี้ นี่ยังเป็นเมล็ดพันธุ์ที่หาได้ยากอีก ข้าคิดว่าให้แค่เงินเดือนกับทุกคนที่แบ่งงานกันทำก็พอ ไม่ต้องแบ่งแบบนี้”

“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ปลูกกุยช่ายขาวก่อน”

ในขณะเดียวกัน

เหล่าซิ่วไฉเริ่นโยวจินก็สอบถามกับลูกชายคนโตว่า “คนพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”

เริ่นคนโตก็นำเรื่องเงินหนึ่งร้อยสามสิบเก้าตำลึงที่ได้ยินมาและตอนที่เขาพูดคุยกันในตอนนั้นมาเล่าให้ฟัง

เมื่อได้ยินลูกชายคนโตพูดถึงคนกลุ่มนั้นว่าเป็นคนมีฐานะ เหล่าซิ่วไฉก็รู้สึกว่าลูกชายคนโตของเขาช่างเป็นคนโง่เขลาเสียจริง

“หนึ่งร้อยสามสิบเก้าตำลึงจะพอเอาไปทำอะไรได้มากมายหรือ? คนพวกนั้นมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่อย่างน้อยก็ต้องใช้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง เจ้าแค่ได้ยินเงินหนึ่งร้อยตำลึงก็คิดว่ามีเงินมากแล้ว ทำไมถึงไม่ใช้สมองคิดล่ะ ว่าพวกเขามีจำนวนคนเท่าไหร่?…

…ข้าให้เจ้าส่งกระดาษให้เขา ใครบอกให้เจ้าเตือนพวกเขาว่าสามารถลดราคาได้เท่าไหร่? พูดเรื่องพวกนั้นไปทำไมกัน”

ลูกชายคนนี้ของเขาช่างโง่เขลานัก ต่อไปคนพวกนั้นก็จดจำได้เพียงบุญคุณเงินส่วนลดเหรียญครึ่งพวง

“ท่านพ่อ ถ้าไม่บอกกับพวกเขา พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราช่วยพวกเขาประหยัดเงินไปเท่าไหร่”

“แค่สินน้ำใจต้นเดือนนี้ พ่อของเจ้าแนะนำช่างขุดบ่อน้ำให้พวกเขา สินน้ำใจนี้ถ้าไม่มีคนรับงานขุดบ่อน้ำ ต่อให้จ่ายเงินเท่าไหร่ก็ไม่มีคนยอมทำ ข้าช่วยออกหน้าให้พวกเขา เจ้าไม่เข้าใจเลยสักนิด ทำให้คนหัวเราะเยาะเอาได้ หน้าของพ่อเจ้ามีค่าเพียงเงินครึ่งพวงหรือ?”

เริ่นคนโตค่อนข้างขี้ขลาด เขาถูกอบรมก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำ

เหล่าซิ่วไฉรับรู้ได้ถึงความเงียบงัน ก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยใจมากขึ้น

ทุกครั้งเมื่อถึงช่วงเวลานี้ ก็ทำให้เขาคิดถึงหลานชายคนโตที่เคยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก

ในชีวิตนี้เขาเคยอบรมสั่งสอนคนเพียงสามคน

คนแรกเป็นหลานชายคนเล็กของตนเอง หลานชายเกิดมาก็มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด แต่ร่างกายกลับอ่อนแอ โชคชะตาชีวิตไม่ดี เมื่อสอบได้ซิ่วไฉจนมีชื่อเสียงก็ได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว

อีกคนหนึ่ง คือ เริ่นจื่อเซิง เป็นบัณฑิตที่ตระกูลพวกเขาคอยให้การสนับสนุน แต่หลังจากสอบได้ตำแหน่งจวี่เหรินแล้ว เขาก็ทรยศหักหลัง เรื่องแรกที่ทำคือช่วยให้พ่อแท้ๆ ของตนเองแย่งตำแหน่งของเขาไป เหมือนหมาป่าเลี้ยงไม่เชื่อง

อีกคนที่เหลือก็ คือ หลานชายคนโตของตนเอง

หลานชายเสียไปตั้งนานแล้ว ต้องโทษว่าเป็นความผิดเขา

ไม่สิ ต้องโทษเริ่นจื่อเซิง เริ่นกงซิ่น เป็นเพราะพวกเขาบีบบังคับให้เขาย้ายบ้านมาอยู่ในสถานที่ที่พวกอพยพลี้ภัยมาอาศัยอยู่ในตอนนี้

ตอนนั้นมีชาวบ้านย้ายมาพร้อมกับเขา ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมั่นในตัวเขา และไม่ยอมรับในตัวเริ่นกงซิ่น

ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่าปีนั้นจะเกิดภัยแล้งและไม่รู้ว่าหมาป่าลงมาจากภูเขาได้อย่างไร มันมากัดหลานชายคนโตจนขาหัก ไม่สามารถรักษาให้หายได้ หลังจากนั้นสองวันก็เสียชีวิตไปแล้ว และยังไล่ตามกัดชาวบ้านที่ติดตามเขามาจนบาดเจ็บและล้มตายไปสี่คน

เขาจำเป็นต้องยอมย้ายออกไป

หลังจากกลับมาที่หมู่บ้านแล้ว ก็ต้องดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำหมู่บ้าน แต่ก็ถูกเริ่นกงซิ่น แย่งตำแหน่ง จนเขาไม่มีอำนาจในการออกเสียงอีกต่อไป

ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เหล่าซิ่วไฉเริ่นโยวจินก็รู้สึกโกรธแค้นมาก จนนอนหลับไม่สนิท

เริ่นโยวจินหยิบหนังสือที่หลานชายเขียนไว้เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ เขาใช้ตะเกียงน้ำมันส่องดูอย่างละเอียด

เริ่นคนโตเห็นพ่อของตนเองเป็นเช่นนี้ เขานั่งบนตั่งพร้อมกับถอนหายใจ เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก

แต่คิดไม่ถึงว่าท่านพ่อจะพูดขึ้นมาอีก “เล่าสิ่งที่เจ้าเห็นมาสิ พวกเขาใช้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว